พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวผู้ถูกเนรเทศ: สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาและความผูกพันตามสัญญา
จำเลยทำสัญญากับโจทก์เพื่อประกันผู้ถูกสั่งเนรเทศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เนรเทศตามพระราชบัญญัติการเนรเทศพ.ศ.2499มาตรา6วรรคหนึ่งซึ่งอยู่ในความควบคุมของโจทก์จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้เนรเทศเมื่อจำเลยทำสัญญาประกันไว้ต่อโจทก์ผู้มีอำนาจควบคุมผู้ถูกเนรเทศสัญญาประกันจึงใช้บังคับได้การที่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งตัวผู้เนรเทศให้แก่โจทก์ตามนัดโจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญาประกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5197/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนสิทธิซื้อขายที่ดิน & ความผูกพันตามสัญญาระหว่างผู้ขายเดิมกับผู้ซื้อรายใหม่
จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับบริษัท ท. แล้วต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาจะขายสิทธิตามสัญญาดังกล่าวให้แก่โจทก์และบริษัท ท. ได้โอนที่ดินพิพาทให้โจทก์แล้ว แต่เนื้อที่ที่ดินขาดไปจากสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับบริษัทท. จำนวน 87 ตารางวา ซึ่งตามสัญญาดังกล่าวบริษัทท. ตกลงว่าให้คิดราคาตารางวาละ 4,000 บาท และ ท. ได้คืนเงินค่าที่ดินที่ขาดให้แล้ว ดังนั้น เมื่อโจทก์รับโอนสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมาจากจำเลยก็ต้องผูกพันตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินระหว่างจำเลยกับบริษัท ท.ด้วยเมื่อโจทก์ได้รับเงินค่าที่ดินที่ขาดไปแล้วก็จะมาเรียกเอาเงินค่าที่ดินที่ขาดจากจำเลยซึ่งมิใช่ผู้ขายที่ดินให้โจทก์อีกไม่ได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 466
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8408/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันตามสัญญาซื้อขายที่ดิน และการนำพยานเอกสารที่ไม่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยทั้งสองตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแต่ปรากฏว่าตามสัญญาจะซื้อจะขาย มีโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญาเท่านั้นแม้โฉนดที่ดินที่จะซื้อขายกันตามสัญญามีชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยเมื่อจำเลยที่ 2 มิได้เป็นคู่สัญญา จำเลยที่ 2 หาต้องมีความผูกพันรับผิดตามสัญญาจะซื้อจะขายที่จำเลยที่ 1 ได้ทำไว้กับโจทก์ไม่ แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ก็ตาม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้งสองทำสัญญาจะซื้อจะขายกับโจทก์แล้วประพฤติผิดสัญญา ดังนั้น สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่โจทก์จำเลยทำไว้จึงเป็นพยานเอกสารที่สำคัญ ซึ่งโจทก์ได้อ้างเอกสารดังกล่าวไว้ด้วย แต่ปรากฏว่าในวันชี้สองสถานโจทก์ขอส่งสำเนาสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโดยไม่มีต้นฉบับมาแสดง อ้างว่าต้นฉบับอยู่ที่จำเลย ซึ่งจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่ที่จำเลยแต่อยู่ที่โจทก์ และโจทก์มิได้ขอหมายเรียกเอกสารดังกล่าวจากจำเลย ศาลชั้นต้นจึงไม่รับสำเนาสัญญาจะซื้อจะขายของโจทก์ส่วนจำเลยอ้างหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำโดยส่งเป็นสำเนาเอกสารอ้างว่าต้นฉบับอยู่ที่โจทก์และได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกต้นฉบับเอกสารดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า ต้นฉบับเอกสารอยู่ที่โจทก์และโจทก์ไม่ยอมนำมาส่งตามคำสั่งศาล ย่อมถือว่าข้อเท็จจริงแห่งข้ออ้างที่จำเลยจะต้องนำสืบโดยเอกสารนั้นโจทก์ได้ยอมรับแล้วตาม ป.วิ.พ.มาตรา 123 วรรคหนึ่ง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้งสองทำสัญญาจะซื้อจะขายกับโจทก์แล้วประพฤติผิดสัญญา ดังนั้น สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่โจทก์จำเลยทำไว้จึงเป็นพยานเอกสารที่สำคัญ ซึ่งโจทก์ได้อ้างเอกสารดังกล่าวไว้ด้วย แต่ปรากฏว่าในวันชี้สองสถานโจทก์ขอส่งสำเนาสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโดยไม่มีต้นฉบับมาแสดง อ้างว่าต้นฉบับอยู่ที่จำเลย ซึ่งจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่ที่จำเลยแต่อยู่ที่โจทก์ และโจทก์มิได้ขอหมายเรียกเอกสารดังกล่าวจากจำเลย ศาลชั้นต้นจึงไม่รับสำเนาสัญญาจะซื้อจะขายของโจทก์ส่วนจำเลยอ้างหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำโดยส่งเป็นสำเนาเอกสารอ้างว่าต้นฉบับอยู่ที่โจทก์และได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกต้นฉบับเอกสารดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า ต้นฉบับเอกสารอยู่ที่โจทก์และโจทก์ไม่ยอมนำมาส่งตามคำสั่งศาล ย่อมถือว่าข้อเท็จจริงแห่งข้ออ้างที่จำเลยจะต้องนำสืบโดยเอกสารนั้นโจทก์ได้ยอมรับแล้วตาม ป.วิ.พ.มาตรา 123 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนสิทธิเรียกร้องในตั๋วสัญญาใช้เงิน ความผูกพันของผู้สลักหลัง และอายุความ
จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังลอยตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง9ฉบับจำเลยจึงมีความผูกพันร่วมกับบริษัทจ.ผู้ออกตั๋วรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง9ฉบับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา919,967และ985 โจทก์แจ้งการรับโอนสิทธิเรียกร้องและทวงถามหนี้จากจำเลยเมื่อวันที่24พฤศจิกายน2530จำเลยได้รับการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องและทวงถามเมื่อวันที่26พฤศจิกายน2530กรณีเช่นนี้ถือว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยมีผลตามกฎหมายเมื่อวันที่26พฤศจิกายน2530ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ทวงถามจำเลยให้ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นวันเริ่มต้นถึงกำหนดใช้เงินเพราะก่อนหน้านั้นจำเลยยังไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในการใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทเพียงแต่ว่าโจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องทวงถามให้ใช้เงินได้ทันทีเท่านั้นเมื่อจำเลยทราบแล้วเพิกเฉยไม่ชำระจึงตกเป็นผู้ผิดนัดอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องของโจทก์ต้องเริ่มนับแต่วันที่26พฤศจิกายน2530โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่23ธันวาคม2530ยังไม่เกิน1ปีนับแต่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5523/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันตามสัญญาสแชร์ระหว่างลูกวงแชร์ และผลของการหลบหนีของนายวงแชร์
การเล่นแชร์เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น จำเลยที่ 1 และโจทก์ต่างเป็นลูกวงแชร์ ต่างมีความผูกพันต้องส่งเงินตามที่ตกลงกันในการเล่นและย่อมมีสิทธิในการเข้าประมูล ระหว่างลูกแชร์ด้วยกันจึงต้องมีความผูกพันต่อกัน หาใช่จะผูกพันเฉพาะระหว่างลูกแชร์กับนายวงแชร์ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประมูลแชร์ได้และรับเช็คจากโจทก์ซึ่งเป็นลูกวงแชร์คนหนึ่งไปและเรียกเก็บเงินได้แล้ว จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าไม่มีความผูกพันกับโจทก์ไม่ได้ การที่นายวงแชร์หลบหนีอันมีผลทำให้สัญญาแชร์เลิกกันก่อนที่จะมีการประมูลกันในงวดต่อไปคู่กรณีจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระหนี้ตามจำนวนเงินในเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5523/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกวงแชร์: ความผูกพันและขอบเขตความรับผิดชอบต่อกัน
การเล่นแชร์เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น จำเลยที่ 1 และโจทก์ต่างเป็นลูกวงแชร์ ต่างมีความผูกพันต้องส่งเงินตามที่ตกลงกันในการเล่นและย่อมมีสิทธิในการเข้าประมูล ระหว่างลูกแชร์ด้วยกันจึงต้องมีความผูกพันต่อกัน หาใช่จะผูกพันเฉพาะระหว่างลูกแชร์กับนายวงแชร์ไม่เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประมูลแชร์ได้และรับเช็คจากโจทก์ซึ่งเป็นลูกวงแชร์คนหนึ่งไปและเรียกเก็บเงินได้แล้ว จำเลยที่ 1จะอ้างว่าไม่มีความผูกพันกับโจทก์ไม่ได้ การที่นางวงแชร์หลบหนีอันมีผลทำให้สัญญาแชร์เลิกกันก่อนที่จะมีการประมูลกันในงวดต่อไปคู่กรณีจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยที่ 1ต้องรับผิดชำระหนี้ตามจำนวนเงินในเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5177/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันของข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายและการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดและผู้ว่าจ้าง
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 นายจ้างไปในทางการที่จ้างชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ซึ่ง ร. ภรรยาโจทก์เป็นผู้ขับได้รับความเสียหายต่อมาจำเลยที่ 1 ทำบันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายกับ ร. มีข้อความว่า จำเลยที่ 1ยอมชดใช้ค่าเสียหายที่รถยนต์โจทก์เสียหายแก่ ร. จำนวน 30,990 บาท ร.ตกลงตามข้อเสนอของจำเลยที่ 1 และมีข้อความต่อไปว่าการตกลงครั้งนี้จะยังไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 เท่านั้น จำเลยที่ 2 จะคงผูกพันอยู่จนกว่า ร. จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ร. จึงจะไม่ติดใจเรียกร้องใด ๆ กับจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 อีก แม้จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมลงลายมือในบันทึกก็ตามแต่ข้อความตอนท้ายของบันทึกดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนาของฝ่ายโจทก์ว่า หากจำเลยที่ 1 ยังไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ครบถ้วน โจทก์ก็ยังมิได้สละสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเสียหายให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงไว้ หนี้ในมูลละเมิดจึงยังไม่ระงับ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ และมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4778/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมวินิจฉัยความผูกพันตามแคชเชียร์เช็คแล้ว การฟ้องเรียกเงินตามหนี้เดิมเป็นฟ้องซ้ำ
คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างเหตุมาจากการที่โจทก์นำเช็คจำนวน3ฉบับตามฟ้องเดิมไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยโดยโจทก์ไม่ขอรับเป็นเงินสดแต่ยื่นคำขอให้จำเลยออกแคชเชียร์เช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้แทนซึ่งเป็นฉบับเดียวกับแคชเชียร์เช็คตามฟ้องเดิมนั่นเองปรากฎว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยในคดีเดิมแล้วว่าความผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นไปตามแคชเชียร์เช็คดังกล่าวโดยหาได้นำเงินสดมาแลกแคชเชียร์เช็คและเช็คทั้งสามฉบับที่นำมาแลกก็ขึ้นเงินไม่ได้โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างหนี้เดิมตามคำขอให้ออกแคชเชียร์เช็คเมื่อโจทก์ไม่อาจเรียกเก็บเงินตามแคชเชียร์เช็คโจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงิน400,000บาทนั้นก็เป็นคำฟ้องเนื่องจากจำเลยไม่จ่ายเงินตามแคชเชียร์เช็คนั่นเองเมื่อคดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานบังคับคดี: ตำแหน่งต่อเนื่อง - การบังคับคดีมีผลผูกพันต่อเนื่องตามตำแหน่ง
การที่ศาลจังหวัดพะเยาออกหมายบังคับคดีตั้งจ่าศาลจังหวัดพะเยาเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีแพ่งคดีหนึ่ง ถือเป็นการตั้งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งจ่าศาลจังหวัดพะเยา หาใช่ตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ บุคคลที่ดำรงตำแหน่งจ่าศาลจังหวัดพะเยาอยู่ในขณะออกหมายบังคับคดีตลอดจนบุคคลที่ย้ายมาดำรงตำแหน่งจ่าศาลจังหวัดพะเยาในเวลาต่อมาย่อมเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีแพ่งดังกล่าวจนกว่าการบังคับคดีจะเสร็จสิ้น เมื่อจำเลยย้ายมาดำรงตำแหน่งจ่าศาลจังหวัดพะเยาในขณะที่การบังคับคดีแพ่งดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีแพ่งนั้นตามหมายบังคับคดีที่ออกไว้แล้ว โดยไม่ต้องออกหมายบังคับคดีตั้งจำเลยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: สิทธิเรียกร้องค่ามัดจำต้องพิสูจน์ความผูกพันของหนี้ก่อนนำเช็คไปเรียกเก็บ
เช็คพิพาทเป็นเช็คค่ามัดจำการซื้อขายที่ดิน เมื่อข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนของโจทก์ไม่ได้ความว่า โจทก์มีสิทธิจัดเอาเช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้บางส่วนหรือเป็นการริบมัดจำ ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความผูกพันหรือมีหนี้ที่มีอยู่จริงที่จะต้องใช้เงินตามเช็คคดีของโจทก์จึงไม่มีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497