คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความรับผิดทางละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 84 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์, การร่วมรับผิดของเจ้าของรถ, ห้างหุ้นส่วน, และผู้จัดการ
เดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่1และที่2ร่วมกันหรือจำเลยที่1เชิดจำเลยที่2ออกแสดงเป็นตัวแทนจ้างจำเลยที่3ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งมีป้ายชื่อ"โรงสีชัยเจริญ4"อันเป็นชื่อกิจการค้าโรงสีซึ่งจำเลยที่1และที่2มีผลประโยชน์ร่วมกันติดอยู่ที่หลังคาหน้ารถโดยเปิดเผยการที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องโดยเพิ่มข้อความว่าโรงสีชัยเจริญ4 เป็นโรงสีข้าวในกิจการของห้างหุ้นส่วนโรงสีไฟชัยเจริญซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดพิจิตรซึ่งจำเลยที่1และที่2เป็นหุ้นส่วนโดยจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเข้าไปนั้นข้อความที่ขอแก้ไขเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมทั้งโจทก์ขอแก้ไขก่อนวันสืบพยานเป็นกรณีที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา179และมาตรา180โจทก์จึงมีสิทธิแก้ไขคำฟ้องได้ ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องพิการและทนทุกข์ทรมานเป็นความเสียหายที่มิใช่ตัวเงินอย่างหนึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ตามมาตรา446 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่1เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุและจำเลยที่1กับห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไฟชัยเจริญร่วมกันประกอบการขนส่งเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกันจำเลยที่3เป็นลูกจ้างและกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไฟชัยเจริญ และจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดจึงต้องร่วมรับผิดในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1077(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5413/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการเปิดบัญชีโดยประมาทเลินเล่อ และการแบ่งความรับผิดระหว่างตัวการและตัวแทน
แม้การกระทำของเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่2กระทำด้วยความประมาทเลินเล่อโดยเปิดบัญชีออมทรัพย์ให้ว. ในนามของโจทก์ที่1โดยดูแต่เพียงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1มิได้ดูต้นฉบับบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1และเปรียบเทียบรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1กับว. เป็นเหตุให้ว. ถอนเงินที่ช. ซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ในการขายคืนพันธบัตรรัฐบาลและโอนเงินที่ขายได้ตามเช็คขีดคร่อมที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งจ่ายแก่โจทก์ทั้งสองมาเข้าบัญชีออกทรัพย์ดังกล่าวไปอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่2ผู้เป็นนายจ้างจะต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองก็ตามแต่เนื่องจากช. ซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสองนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1ให้ว. ไปขอเปิดบัญชีออมทรัพย์กับจำเลยที่2ได้ถือได้ว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นตัวการประกอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา442จึงให้จำเลยที่2รับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงกึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5137/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้รับประกันภัย ความตกลงระหว่างผู้รับประกันภัยมีผลเฉพาะคู่สัญญา
แม้บริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 จะมีข้อตกลงกับบริษัท ท.ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์อีกคันหนึ่งว่าหากมีเหตุเกิดขึ้นระหว่างรถยนต์ที่จำเลยที่ 4 และบริษัท ท.ผู้รับประกันภัยไว้จำเลยที่ 4 กับบริษัทท. ต่างจะรับผิดชอบซ่อมแซมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รถยนต์ที่ฝ่ายตนรับประกันภัยโดยไม่เรียกค่าเสียหายจากอีกฝ่ายหนึ่งก็ตาม แต่ข้อตกลงดังกล่าวมีผลผูกพันเฉพาะคู่สัญญาเท่านั้น หากกระทำถึงสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากมูลละเมิดในส่วนของผู้เอาประกันไม่ดังนั้นการที่บริษัทท.ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ผู้เอาประกันภัยไป ก็หาทำให้จำเลยที่ 4 ซึ่งต้องรับผิดต่อโจทก์พ้นความรับผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5069/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และขอบเขตค่าเสียหายที่ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับ
จำเลยขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ที่1นั่งซ้อนท้ายศาลแขวงเชียงใหม่ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายโจทก์ที่1ได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายคดีถึงที่สุดแล้วข้อเท็จจริงคดีนี้จึงต้องฟังว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อเพราะเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจำเลยจะฎีกาโต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่ออีกไม่ได้เมื่อจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ที่1เสียหายแก่ร่างกายจำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนการที่ผู้ขับรถจักรยานยนต์ให้โจทก์ที่1นั่งซ้อนท้ายไปจะประมาทเลินเล่อด้วยหรือไม่หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่ ค่าเสียหายที่โจทก์ที่2ต้องส่งเสียเลี้ยงดูและให้การศึกษาเล่าเรียนแก่โจทก์ที่1ซ้ำอีก1ปีจำนวนเงิน40,000บาทนั้นโจทก์ที่1ขาดเรียนเพราะต้องรักษาบาดแผลจนต้องสมัครใจเรียนซ้ำชั้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยค่าเสียหายส่วนนี้จำเลยจึงต้องรับผิด แม้โจทก์ที่2เป็นข้าราชการมีสิทธิได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลในส่วนของโจทก์ที่1ซึ่งเป็นบุตรก็ตามสิทธิดังกล่าวก็เป็นสิทธิที่รัฐกำหนดให้แก่ข้าราชการไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดได้อีก ค่าผ่าตัดเอาเหล็กดามที่ออกแม้จะเป็นค่าเสียหายในอนาคตแต่ก็เป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในอนาคตที่แน่นอนโจทก์ที่1จึงมีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4859/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากไฟฟ้าดูด: นายจ้างต้องรับผิดชอบการกระทำของลูกจ้าง และค่าเสียหายจากการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง
ว. และจำเลยที่1ต่างทำหน้าที่ในสวนสาธารณะที่เกิดเหตุของเทศบาลจำเลยที่3ได้เสียบปลั๊กและปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันหนูไม่ให้มากัดทำลายต้นกล้าไม้ในสวนซึ่งเป็นของจำเลยที่3เป็นการทำงานเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่3ถือว่าเป็นงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่3 ส. เป็นเพียงผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายน. ในการดำเนินคดีแทนเด็กชายน. มิได้เป็นโจทก์ในฐานะส่วนตัวจำเลยที่3จะอ้างการกระทำของส. ซึ่งมิได้เป็นผู้ต้องเสียหายเพื่อให้พ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา442ประกอบด้วยมาตรา223หาได้ไม่ เด็กชายน.ได้รับความเสียหายแก่ร่างกายถึงสมองฝ่อเป็นอัมพาตตลอดชีวิตพูดไม่ได้ย่อมจะต้องได้รับการดูแลรักษาในสภาพที่ป่วยเจ็บจนกว่าจะถึงแก่ความตายตามสภาพเช่นนี้ค่าดูแลรักษาที่จะต้องใช้จ่ายต่อไปจึงมีลักษณะเป็นค่าใช้จ่ายอันต้องเสียไปอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดให้เสียหายแก่ร่างกายในอนาคตและเด็กชายน. ย่อมเสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงทั้งในเวลาปัจจุบันและในเวลาอนาคตโจทก์ชอบที่จะเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลยทั้งสามได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา444วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง แม้จะว่าจ้างผ่านบริษัทอื่น
รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมี ส. เป็นผู้ขับ จำเลยที่ 3เช่าซื้อมามีจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1เป็นผู้ค้ำประกัน มีการพ่นชื่อจำเลยที่ 1 เช่นเดียวกับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 คนทั่วไปที่ได้พบเห็นรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุจะต้องเข้าใจว่าเป็นรถของจำเลยที่ 1 หลังเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ได้ต่อรองเรื่องค่าเสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์ร่วมกันกับจำเลยที่ 3 เมื่อ ส. นำรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 3 ไปใช้ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 โดยประมาทเลินเล่อ กรณีถือได้ว่า ส. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5653/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ กรณีประมาทเท่าเทียมกัน ศาลมีอำนาจแบ่งความรับผิดตามพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างขับรถชนรถโจทก์โดยละเมิดโดยต่างคนต่างประมาทและไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าใครประมาทมากน้อยกว่ากันจึงต้องฟังว่าประมาทเท่าเทียมกัน ศาลมีอำนาจกำหนดความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438โดยให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ตนกระทำขึ้นต่อโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นความรับผิดจากละเมิดของลูกจ้างต่อนายจ้าง และการผูกพันคำพิพากษาในคดีก่อน
จำเลยให้การว่า ศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว การที่จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าว แม้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรวินิจฉัยให้ จำเลยอุทธรณ์ว่า ฟ้องเคลือบคลุมเพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าใครเป็นคนครอบครองเงิน เงินสูญหายอย่างไร และใครเป็นผู้รับผิดชอบจำเลยไม่เข้าใจคำฟ้องของโจทก์ ปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้เงินสดที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยสูญหายขาดบัญชีไปจำนวน 1,000,000 บาทโจทก์ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการสอบสวนผลการสอบสวนไม่สามารถหาสาเหตุแห่งการที่เงินสดสูญหายไป แต่จำเลยยอมรับว่าเงินสดที่ขาดบัญชีอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยเป็นคนครอบครองเงินเงินสูญหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และจำเลยเป็นผู้รับผิดชอบซึ่งจำเลยก็ให้การว่าเงินได้ขาดหายไปขณะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้จัดการและสมุห์บัญชี ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลยจำเลยมิได้ประมาทเลินเล่อหรือจงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแสดงว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องของโจทก์แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานและลูกจ้างของโจทก์ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับของโจทก์ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงานที่ดีของโจทก์โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ตามคำฟ้องดังกล่าวนอกจากเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดแล้ว ยังเป็นคำฟ้องที่อ้างว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างกระทำผิดหน้าที่ที่จำเลยต้องกระทำตามสัญญาจ้างแรงงานด้วย ซึ่งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดอายุความเกี่ยวกับการปฏิบัติผิดสัญญาจ้างแรงงานไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิมซึ่งกำหนดอายุความไว้ 10 ปี แม้คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ว่า โจทก์เลิกจ้างไม่เป็นธรรมขอให้รับจำเลยกลับเข้าทำงานหรือใช้ชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและเงินอื่น ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำให้เงินของโจทก์ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยสูญหายไปจำนวน 1,000,000 บาท ขอให้จำเลยชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย แต่เหตุที่จำเลยอ้างในคดีก่อนว่าโจทก์เลิกจ้างไม่เป็นธรรมคือ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยจำเลยมิได้กระทำผิด ซึ่งโจทก์ก็ให้การในคดีดังกล่าวว่า โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างจำเลยเพราะจำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้เงินของโจทก์ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยขาดบัญชีไปจำนวน 1,000,000 บาท ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในคดีก่อนกับปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในคดีนี้จึงเป็นปัญหาเดียวกันว่า จำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้เงินของโจทก์ในความครอบครองของจำเลยขาดบัญชีไปหรือไม่ แม้คดีก่อนจำเลยจะเป็นฝ่ายฟ้องโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายฟ้องจำเลย แต่โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองก็เป็นคู่ความเดียวกัน จำเลยจึงเถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ต้องฟังว่าจำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้เงินของโจทก์ในความครอบครองของจำเลยขาดบัญชีไป สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยที่มีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 เดิม หมายถึง โจทก์จะเรียกร้องดอกเบี้ยที่ค้างส่งนับถึงวันฟ้องเกิน 5 ปี แล้วไม่ได้เท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยที่ค้างส่งก่อนวันฟ้องนับย้อนหลังไปไม่เกิน5 ปี โจทก์ยังมีสิทธิเรียกร้องได้ หาใช่ว่าถ้าโจทก์ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องแล้ว สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยที่ค้างส่งจะขาดอายุความไปทั้งหมดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากรถชน, การระบุชื่อจำเลยผิดพลาดไม่ทำให้ฟ้องเสีย, และการพิสูจน์การครอบครองทรัพย์สิน
ฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยที่ 2 ผิดไป แต่รายละเอียดที่บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกที่ทำละเมิดและข้อเท็จจริงในทางนำสืบก็รับฟังได้เช่นนั้น เมื่อบรรยายฟ้องไว้ถูกต้องแต่ระบุชื่อผิดไปจึงไม่ทำให้ฟ้องโจทก์เสียไปหรือเป็นการฟ้องผิดคน แม้พยานจำเลยที่ 1 คือจำเลยที่ 2 จะเบิกความยอมรับว่าเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกที่ทำละเมิดแต่ผู้เดียวก็ตามแต่ก็ต้องพิจารณาพยานอื่นประกอบด้วย เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ก็เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวเช่นเดียวกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถของโจทก์บรรทุกน้ำปลาเพื่อไปส่งลูกค้าเมื่อรถโจทก์ถูกชน รถโจทก์เสียหายหลายประการรวมทั้งน้ำปลาขวดน้ำปลาและลังบรรจุน้ำปลาแตกหักเสียหาย ถือว่าพอเข้าใจแล้วว่าน้ำปลาและลังซึ่งอยู่ในครอบครองของโจทก์เสียหายเนื่องจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างจำเลย ฟ้องโจทก์ส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างและผู้ค้ำประกันจากลูกจ้างประมาทเลินเล่อ และอายุความของสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 426 และจากจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1ตามสัญญาค้ำประกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
of 9