พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินหวงห้าม: ผู้ซื้อรู้เท่าไม่ถึงการณ์มิอาจอ้างความไม่รู้ได้ แม้มี ส.ค.1
ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้แก่กองทัพเรือตั้งแต่พ.ศ.2465และต่อมาได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเป็นเขตหวงห้ามสำหรับใช้ในราชการทหารพร้อมด้วยแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อพ.ศ.2479ให้ประชาชนทราบแล้วทั้งต่อมาพ.ศ.2528กรมธนารักษ์ได้ขึ้นทะเบียนที่ดินพิพาทเป็นที่ราชพัสดุโดยมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วดังนี้ย่อมถือว่าประชาชนทุกคนได้ทราบแล้วว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินหวงห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปยึดถือครอบครองเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แม้มีการแจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดินส.ค.1ก็ตามแต่แบบแจ้งการครอบครองส.ค.1ก็มิใช่คำอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่จึงย่อมอ้างไม่ได้ว่าผู้เข้าไปยึดถือครอบครองในที่ดินไม่มีเจตนาเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่หวงห้ามได้ จำเลยซื้อที่ดินพิพาทจากณ.เมื่อพ.ศ.2530ภายหลังที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใช้บังคับแล้วย่อมถือว่าจำเลยรู้อยู่ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่หวงห้ามเมื่อจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทจำเลยย่อมมีความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ การที่จำเลยเข้าไปในที่ดินพิพาทก็เพื่อยึดถือครอบครองและปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหารพ.ศ.2478มาตรา5,7(3)และประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ.2497มาตรา9(1),108ทวิวรรคสองเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทจึงต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ.2497มาตรา9(1),108ทวิวรรคสองซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2439/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์และรับของโจร: การพิสูจน์ความรู้และเจตนาในการกระทำผิด
ส. พาจำเลยไปขนสุราซึ่งกองอยู่หน้าโรงเก็บสินค้าล.ที่ส. เป็นลูกจ้างอยู่มิได้ไปขนสุราจากโรงเก็บสินค้าก.และโรงเก็บสินค้าพ. ที่ผู้เสียหายนำสุราไปเก็บรักษาไว้แสดงว่าส. ลักสุราของผู้เสียหายและขนสุราดังกล่าวออกจากโรงเก็บสินค้าก. ไปเก็บไว้ที่โรงเก็บสินค้าล. ตอนที่จำเลยไปช่วยขนสุราของผู้เสียหายจึงเป็นเวลาที่ส. ลักสุราของผู้เสียหายเสร็จแล้วจำเลยจึงมิได้เป็นตัวการร่วมกับส. ลักทรัพย์ สุราของกลางแม้จะมีสารชนิดหนึ่งซึ่งทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการปวดศีรษะแต่ก็เป็นสุราที่ผลิตโดยได้รับอนุญาตจึงมิใช่สุราที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิดและสุราดังกล่าวก็เป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายจึงมีอำนาจร้องทุกข์และคดีที่จำเลยถูกกล่าวหาเป็นคดีความผิดต่ออาญาแผ่นดินมิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัวพนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา121วรรคหนึ่งถึงแม้ผู้เสียหายจะมิได้ร้องทุกข์ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การพิสูจน์ความรู้ในการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ถูกลักมา และขอบเขตอำนาจศาลในการยกฟ้อง
เจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่1จำเลยที่1แจ้งว่าซื้อมาจากจำเลยที่2แต่จำเลยที่2ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายโดยไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยวิธีใดและไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆในการได้รถยนต์นั้นมาเป็นข้อพิรุธเชื่อได้ว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์ของกลางมาโดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมาจำเลยที่2มีความผิดฐานรับของโจร ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่2ซึ่งฎีกาขึ้นมาแม้จำเลยที่1มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่1ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา185วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา215และมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9401/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: จำเลยที่ 1 รู้ว่าเป็นทรัพย์ชิงลัก ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่รู้
แหวนเพชรของผู้เสียหายถูก อ. ลักไป และจำเลยที่ 1ซื้อจาก อ. จึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 นำแหวนไปจำนำที่โรงรับจำนำแทน โดยจำเลยที่ 2ไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดฐานรับของโจร แต่เมื่อแหวนเพชรอยู่ที่โรงรับจำนำจะต้องไปไถ่คืนจึงจะได้คืน ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนเงินจำนวนที่รับไปจากโรงรับจำนำจำนวน 15,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: พฤติการณ์น่าสงสัยบ่งชี้ความรู้ว่าทรัพย์สินได้มาจากการลักทรัพย์ แม้ประกอบอาชีพสุจริต ศาลให้รอการลงโทษ
อ. เป็นลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาซ่อมกับจำเลย จำเลยย่อมจะจำได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมาซ่อม และขายชิ้นส่วนเป็นรถของ อ.หรือไม่การที่อ.นำรถจักรยานยนต์มาซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ จำเลยอ้างว่าไม่มีทุนซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนให้แต่เมื่อ อ. บอกขายชิ้นส่วนอะไหล่ จำเลยกลับมีเงินซื้อ ปกติรถจะต้องมีป้ายทะเบียน แต่ขณะที่ อ. เอารถจักรยานยนต์มาให้จำเลยซ่อมและขายชิ้นส่วน กลับไม่ปรากฏว่ามีป้ายทะเบียน ประกอบกับรถจักรยานยนต์ที่ อ.นำมานั้นชิ้นส่วนยังดีอยู่ไม่น่าที่อ.จะถอดขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมานั้น เป็นรถที่ถูกลักมา จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยประกอบอาชีพสุจริตตลอดมา ไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน การกระทำผิดของจำเลยน่าจะเกิดจากความโลภควรรอการลงโทษจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การพิสูจน์ในความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด
คดีความผิดฐานรับของโจร โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องนำสืบว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดลิขสิทธิ์: จำเลยทำซ้ำ/ดัดแปลงงานมีลิขสิทธิ์โดยตรง แม้ไม่ต้องพิสูจน์ว่ารู้ว่าละเมิด
การละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มีได้ 2กรณี คือ กรณีแรกเป็นการละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง ตามมาตรา 24 ได้แก่การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ในมาตรา 24(1) หรือ (2) คือการกระทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือการนำออกโฆษณาซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา 13 กรณีที่สองเป็นกรณีที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 27 ได้แก่การกระทำบางอย่างที่มิใช่เป็นการทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงอย่างเช่น กรณีมาตรา 24 แต่เป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 27(1) ถึง (4) แก่งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงอีกต่อหนึ่ง ในกรณีเช่นนี้จึงต้องปรากฏว่าผู้กระทำรู้อยู่แล้วว่างานนั้นทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานหนังสือคู่มือครูคณิตศาสตร์ช่าง อุตสาหกรรม1,2 และ 3 ตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 จำเลยทั้งห้าได้ทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ดังกล่าว คือร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 โดยลอกเลียนจากหนังสือเอกสารหมาย จ.1ถึง จ.3 และศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานหนังสือเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 จำเลยทั้งห้าร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือเอกสารหมาย จ.5 และเฉพาะจำเลยที่ 1ที่ 2 ยังได้จัดพิมพ์หนังสือเอกสารหมาย จ.4 โดยลอกเลียนดัดแปลงจากหนังสือเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 ซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน ดังนี้เท่ากับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยทั้งห้าได้ทำซ้ำหรือดัดแปลงแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ เป็นกรณีจำเลยทั้งห้าทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยตรงตามมาตรา 24.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3977/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์: จำเลยมีความรู้และประสบการณ์ในการค้า ย่อมทราบถึงความแตกต่างของหนังสือปลอม
หนังสือของกลางจำนวน 91 เล่ม ที่จำเลยขายหรือเสนอขายพิมพ์ลอกเลียนจากหนังสือฉบับแท้จริงของกระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหาย มีลักษณะแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงอย่างเห็นได้ชัด จำเลยเป็นพ่อค้าประกอบอาชีพจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดมานานประมาณ 20 ปีแล้ว มีร้านค้าของตนเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของคุรุสภา จำเลยย่อมมีความรู้ความเข้าใจมีประสบการณ์และความชำนาญในการตรวจตราหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดต่าง ๆ ที่สั่งมาจำหน่ายในร้านค้าของตนว่าถูกต้องหรือไม่จำเลยได้รู้เห็นหนังสือของกลางนั้นอยู่แล้วว่าไม่ใช่เป็นหนังสือแบบเรียนหรือแบบฝึกหัดที่แท้จริงของผู้เสียหาย และย่อมสังเกตเห็นว่าหนังสือของกลางดังกล่าวมีลักษณะแตกต่างจากหนังสือของผู้เสียหาย ที่จำเลยเคยสั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภา ซึ่งผู้เสียหายสงวน ลิขสิทธิ์ดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือของกลาง จำนวน 91 เล่มนั้น โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์ขึ้นโดย ละเมิด ลิขสิทธิ์ ของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 27.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2634/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้สมยอมและการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: ความรู้และการยอมให้ก่อหนี้
เจ้าหนี้ฝากเงินไว้กับลูกหนี้ก่อนที่ลูกหนี้จะถูกธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าควบคุมกิจการเป็นเวลาหลายเดือน และก่อนที่ลูกหนี้จะถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดดังนั้น แม้เจ้าหนี้จะเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของกรรมการคนหนึ่งของลูกหนี้ และเจ้าหนี้มิได้ถอนเงินจากลูกหนี้ในช่วงเวลานั้นก็ตามจะถือว่าเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ขึ้นทั้ง ๆที่รู้อยู่ว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่ได้ เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1910/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: โจทก์ต้องพิสูจน์ความรู้เป็นสำคัญ
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิด ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของคนร้าย เมื่อการนำสืบของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยรับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร