พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5407/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตไม่ตกเป็นโมฆะ แม้ผู้เอาประกันเคยมีอาการชัก แต่ไม่ได้แจ้งข้อมูล เพราะอาการไม่ร้ายแรงและไม่ได้มีผลต่อการรับประกัน
แพทย์ผู้เคยตรวจรักษาผู้ตายซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเห็นว่าผู้ตายมีอาการชักซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุ อาการชักนี้อาจจะมิใช่เกิดจากโรคลมชักหรือลมบ้าหมูเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้ ต้องพิสูจน์ด้วยเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง ซึ่งโรงพยาบาลที่แพทย์ประจำอยู่ไม่มีดังนี้ แพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้ตายก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ว่าอาการชักของผู้ตายเกิดจากโรคลมชักหรือลมบ้าหมูหรือไม่และไม่ได้ยืนยันว่าอาการชักดังกล่าวเป็นโรคที่ร้ายแรง นอกจากนั้นยังปรากฏว่าผู้ตายเคยมีอาการชักมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วก่อนที่จะให้แพทย์ดังกล่าวตรวจรักษาในครั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าผู้ตายทำงานไม่ได้เช่นคนปกติทั่วไปทั้งเหตุที่ผู้ตายถึงแก่ความตายก็เป็นเพราะผู้ตายขับรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ตายมีโรคประจำตัวที่ร้ายแรง การที่ผู้ตายมิได้แจ้งให้จำเลยผู้รับประกันภัยทราบในขณะทำสัญญาประกันชีวิตถึงอาการชักดังกล่าวจึงมิใช่กรณีที่ผู้ตายผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงที่อาจจะได้จูงใจจำเลยผู้รับประกันภัยให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา อันจะทำให้สัญญานั้นตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรกเมื่อสัญญาดังกล่าวมิได้ตกเป็นโมฆียะ จำเลยย่อมไม่อาจบอกล้างสัญญานั้น สัญญาประกันชีวิตตามฟ้องจึงหาตกเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4634/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างปรับปรุงถนนเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ถือเป็นละเมิด หากผู้ซื้อที่ดินทราบถึงความเสี่ยงและประโยชน์สาธารณะมีน้ำหนักมากกว่าความเสียหายส่วนตัว
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะเกิดกรณีพิพาทคดีนี้ ข้อ 7 กำหนดให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะและบำรุงรักษาทางหลวงจังหวัด และข้อ 18 ให้อธิบดีของจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่กำกับตรวจตราและควบคุมงานที่เกี่ยวกับทางหลวงจังหวัด เมื่อจำเลยดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนพิพาทโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าว เพื่อความสะดวกปลอดภัยในการจราจรของประชาชนทั่วไปและเพื่อป้องกันน้ำท่วมซึ่งเป็นการสร้างความเจริญให้แก่ท้องถิ่น โดยมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด ประกอบกับไม่สามารถหลีกเลี่ยงการยกระดับถนนให้ต่ำลงกว่าที่สร้างได้ เพราะจะทำให้การจราจรติดขัดและอาจเกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของผู้ที่ต้องใช้ทางหลวงจังหวัดสายนี้จำนวนมากได้ ทั้งโจทก์ทราบมาก่อนซื้อที่ดินพร้อมบ้านแล้วว่าจำเลยจะก่อสร้างปรับปรุงยกระดับถนนพิพาท เมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่ดินพร้อมบ้านที่โจทก์ซื้อดังกล่าวซึ่งอยู่ติดถนนพิพาทมาคำนึงประกอบแล้ว โจทก์จึงคาดหมายได้ว่าการยกระดับถนนพิพาทอาจทำให้ที่ดินและบ้านที่โจทก์กำลังจะซื้อนั้นถูกถนนพิพาทบังทางลมและแสงสว่าง เท่ากับโจทก์ยอมรับสภาพดังกล่าวก่อนซื้อที่ดินและบ้านไว้แล้ว และเมื่อเปรียบเทียบประโยชน์ที่ประชาชนทั่วไปจำนวนมากจะได้รับความสะดวกปลอดภัยและความเจริญของท้องถิ่นจากการยกระดับถนนพิพาทในระดับที่สร้างกับการที่โจทก์ต้องขาดความสะดวกสบายไปบ้างแล้ว ความเดือดร้อนของโจทก์ดังกล่าวไม่เกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ และมีเหตุอันสมควร โจทก์จำต้องยอมรับเอาดังเช่นบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกับโจทก์ในสังคมยอมรับ การก่อสร้างปรับปรุงยกระดับถนน-พิพาทไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จัดหางานผิดกฎหมายและผลกระทบจากความเสี่ยงที่ผู้เสียหายรับทราบ
จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ จำเลยชักชวนผู้เสียหายให้ไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ และเรียกเงินค่าใช้จ่ายจากผู้เสียหาย แล้วจำเลยพาผู้เสียหายลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานเท่านั้นแต่จำเลยได้ทำหน้าที่ของจำเลยโดยครบถ้วน โดยได้เป็นธุระพาผู้เสียหายไปทำงานยังประเทศสิงคโปร์ได้ การที่ผู้เสียหายถูกส่งตัวกลับนั้นผู้เสียหาย ทราบดีอยู่แล้วว่าการเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์จะต้องลักลอบเข้าไป จึงเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายยอมเสี่ยงต่อการที่จะต้องถูกส่งตัวกลับเอาเอง ไม่ใช่เป็นความผิดของจำเลยและข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหาย ทั้งคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คประกันราคาสินค้า: โจทก์ทราบถึงความเสี่ยงในการรับเช็ค จึงไม่เป็นความผิดอาญา
เช็คพิพาทเป็นเช็คประกันราคาสินค้าซึ่งโจทก์ทราบดีในขณะรับเช็คว่าเป็นเช็คที่อาจนำไปขึ้นเงินไม่ได้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จึงไม่เป็นความผิดทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดประตูร้านเผชิญหน้าคู่กรณี และใช้อาวุธปืนยิง เสี่ยงต่อการวิวาท ย่อมไม่อ้างป้องกันตัวได้
ย. ผู้ตายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับจำเลยในตอนบ่ายของวันเกิดเหตุ ครั้นตอนกลางคืน ย. กับพวกมาเรียกจำเลยที่หน้าร้านจำเลยซึ่งปิดแล้วให้ออกไปปรับความเข้าใจกัน จำเลยย่อมทราบดีว่า ย. มาเพื่อก่อเรื่องชวนวิวาท การที่จำเลยเปิดประตูและนำเอาอาวุธปืนออกไปพบกับ ย. กับพวกแล้วเกิดปากเสียงทะเลาะกัน และจำเลยใช้อาวุธปืนที่ตระเตรียมมายิง ย. กับ ว. ถึงแก่ความตายเช่นนี้. แสดงว่าจำเลยกับพวกผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กัน แม้จำเลยจะถูกพวกของผู้ตายยิงและทำร้ายได้รับบาดเจ็บ จำเลยก็จะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยในการใช้บริการสระว่ายน้ำ: สัญญาณเตือนความเสี่ยงของผู้ใช้
ระเบียบของสโมสรฯ ซึ่งอยู่ในการดำเนินการของจำเลยระบุไว้ว่า ผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบอันตรายที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหน้าที่ต้องระมัดระวังอันตรายหรือคอยดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ และโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยทั้งสามมีหน้าที่ ต้องระมัดระวังอันตรายหรือจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตประจำสระน้ำไว้เพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการด้วย บุตรโจทก์ว่ายน้ำเป็น ไปว่ายน้ำ ในสระเล็กแล้วจมน้ำตาย การตายมิได้เกิดจากความชำรุดบกพร่องของสระว่ายน้ำหรือน้ำในสระเป็นพิษ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสี่ยงการจับปลาในน่านน้ำต่างประเทศ นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินทดแทนหากลูกจ้างเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไม่แน่นอน
เรือประมงที่เข้าไปจับปลาในน่านน้ำประเทศกัมพูชามิได้ถูกยิงเสมอไปผู้นำเรือเข้าไปจับปลาดังกล่าวจึงไม่อาจเล็งเห็นผลได้ว่าจะต้องถูกยิงหรือน่าจะถูกยิงได้รับอันตรายหรือถึงแก่ความตายโดยแน่แท้การที่ผู้ตายซึ่งเป็นไต้ก๋งเรือประมงของโจทก์นำเรือเข้าไปจับปลาในน่านน้ำดังกล่าวแล้วถูกยิงถึงแก่ความตายจึงมิใช่ผู้ตายประสบอันตรายเพราะเหตุจงใจให้ตนเองประสบอันตรายโจทก์จึงต้องจ่ายเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทจากการยึดปืน-ความผิดพ.ร.บ.อาวุธปืน: จำเลยไม่ประมาท ปืนลั่นจากความเสี่ยงของผูปฏิบัติ
จำเลยเมาสุราอยู่ร้านขายสุรา ผู้เสียหายซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนบอกให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยว่าไม่เมา จะกลับเองแต่ลุกไม่ขึ้น ผู้เสียหายจึงพยุงให้จำเลยลุกขึ้นและผู้เสียหายว่าจำเลยพกปืนอยู่จึงบอกจำเลยว่าขอปืนมาเก็บ จำเลยจะชักปืนออมาให้ แต่ผู้เสียหายกลับไปกดมือจำเลยไว้ไม่ให้จำเลยดึงออกมา ปืนของจำเลยอยู่สภาพที่ลั่นได้ง่ายถ้าใช้ไม่เป็น การปลดปืนออกจากซองต้องใช้นิ้วสอดเข้าไปที่โกร่งไกปืน กดสปริงพร้อมกับดึงปืนขึ้น การที่ผู้เสียหายเสี่ยงภัยกดมือจำเลยไว้ไม่ยอมให้จำเลยดึงปืนออกมาแล้วปืนเกิดลั่นขึ้นถูกขาผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์
จำเลยได้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.3 แล้ว แต่มิได้นำปืนไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.4 ภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาวุธปืนต้องถูกริบ
จำเลยได้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.3 แล้ว แต่มิได้นำปืนไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.4 ภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาวุธปืนต้องถูกริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายปอฟอกกับการแบ่งกำไร ไม่เป็นสัญญาเข้าหุ้นส่วน หากผู้ขายไม่รับความเสี่ยงขาดทุน
เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 เป็นเรื่องโจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายปอฟอกกัน แม้เอกสารหมาย จ.1 มีข้อความตอนหนึ่งว่า "ปอจำนวนนี้ ข้าฯ จะส่งมาภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2509 เมื่อส่งครบจำนวนแล้ว คิดตามราคาท้องตลาดเสร็จแล้วหักทุนออก เหลือเท่าไรจึงแบ่งฝ่ายละครึ่งของผลกำไร" ก็ตาม ก็เป็นข้อตกลงอีกอันหนึ่งว่า ภายหลังที่ขายปอให้กันแล้ว โจทก์ (ผู้ซื้อ) จะต้องแบ่งกำไรให้จำเลย (ผู้ขาย) ด้วยเท่านั้น หาทำให้สัญญาซื้อขายกลายเป็นสัญญาเข้าหุ้นส่วนไปไม่ เพราะจำเลยยอมรับแต่ผลกำไรฝ่ายเดียว เมื่อขาดทุนไม่ต้องออกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ สัญญาซื้อขายที่จดทะเบียนไม่สมบูรณ์ และความเสี่ยงในการรับโอนสิทธิ
ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยครอบครองอยู่โจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญากัน โดยจำเลยโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทให้โจทก์ และโจทก์ให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน ดังนี้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะ การบอกเลิกสัญญาของโจทก์ย่อมไม่มีผลในกฎหมาย
แม้จะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และส่วนหนึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ จำเลยก็มีสิทธิครอบครองที่อาจใช้ยันบุคคลอื่นได้นอกจากรัฐ เมื่อจำเลยส่งมอบที่พิพาทให้โจทก์ครอบครอง โจทก์ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครอง การที่จำเลยโอนการครอบครองที่พิพาทให้โจทก์และโจทก์ชำระเงินให้จำเลยเป็นการตอบแทนโดยทั้งสองฝ่ายทำสัญญากันเอง เห็นได้ว่าโจทก์ยอมเสี่ยงภัยรับเอาซึ่งสิทธิครอบครองที่พิพาทในสภาพเท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ จะอ้างว่าไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินและทางสาธารณประโยชน์ย่อมไม่ได้โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลย เพราะจำเลยรับเงินไว้จากโจทก์เป็นค่าตอบแทนในการที่จำเลยโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทของจำเลยให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นกันไปแล้ว
แม้จะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และส่วนหนึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ จำเลยก็มีสิทธิครอบครองที่อาจใช้ยันบุคคลอื่นได้นอกจากรัฐ เมื่อจำเลยส่งมอบที่พิพาทให้โจทก์ครอบครอง โจทก์ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครอง การที่จำเลยโอนการครอบครองที่พิพาทให้โจทก์และโจทก์ชำระเงินให้จำเลยเป็นการตอบแทนโดยทั้งสองฝ่ายทำสัญญากันเอง เห็นได้ว่าโจทก์ยอมเสี่ยงภัยรับเอาซึ่งสิทธิครอบครองที่พิพาทในสภาพเท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ จะอ้างว่าไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินและทางสาธารณประโยชน์ย่อมไม่ได้โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลย เพราะจำเลยรับเงินไว้จากโจทก์เป็นค่าตอบแทนในการที่จำเลยโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทของจำเลยให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นกันไปแล้ว