คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำสั่งชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดเมื่อคดีความถึงที่สุด แม้มีการนิรโทษกรรมภายหลัง ก็ไม่ทำให้คำสั่งเดิมเป็นโมฆะ
โจทก์ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ปรับ 200 บาท กับให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 8 ปี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อมาคดีที่โจทก์ถูกฟ้องนั้นถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เช่นนี้ ต้องถือว่า คำสั่งจำเลยดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
พ.ร.บ.ลบล้างมลทินโทษ พ.ศ.2500 ไม่มีผลทำให้คำสั่งของจำเลยที่สั่งไว้ก่อนแล้วเช่นนั้นเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งเพิกถอนสมาชิกสภาจังหวัดชอบด้วยกฎหมายเมื่อคดีอาญาถึงที่สุด แม้มีการอ้างนิรโทษกรรม
โจทก์ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ปรับ 200 บาทกับให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 8 ปี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อมาคดีที่โจทก์ถูกฟ้องนั้นถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เช่นนี้ ต้องถือว่าคำสั่งจำเลยดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติลบล้างมลทินโทษ พ.ศ.2500 ไม่มีผลทำให้คำสั่งของจำเลยที่สั่งไว้ก่อนแล้วเช่นนั้นเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146-2147/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ปฏิบัติงานตามคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย: กรณีบุกรุกที่ดิน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำราษฎรเข้าทำทำนบในนาของเอกชนตามคำสั่งของนายอำเภอ ซึ่งสั่งการไปตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายและเชื่อตามคำสั่งนั้นโดยสุจริต ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องรับผิด(ประชุมใหญ่ครั้งที่10/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำตามคำสั่งชอบด้วยกฎหมายของผู้ต้องหา ไม่ถือเป็นความผิดฐานละเมิดอิศรภาพ
พฤตติการณ์ที่ถือว่าจำเลยกระทำการตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีเจตนาทำผิด ก็มีความผิดฐานขัดขืนคำสั่ง
จำเลยทำนารุกเข้าไปในเขตต์หนองหวงห้าม ผู้ใหญ่บ้านจึงไปร้องเรียนต่อเจ้าน่าที่แลโดยอาศัยเหตุที่กรมการอำเภอได้เคยออกประกาศห้ามในเรื่องเช่นนี้มาแล้ว++ใหญ่บ้านจึงได้มีคำสั่งห้ามให้จำเลยทำนุกเข้าไปในที่หวงห้าม จำเลยยังขืนทำอยู่ดังนี้ จำเลยต้องมีผิดฐานขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานอันชอบด้วยกฎหมายตาม ม.334 ข้อ 2 อ้างฎีกาที่ 588/2477 พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.5 ปัญหาข้อเท็จจริง เจตนาจะบุกรุกหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2035/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจงใจขัดคำสั่งนายจ้างที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้ไล่ออกได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยมีคำสั่งบริษัท ส. เรื่อง การลงบันทึกเวลาในระดับผู้บริหารที่ไปจัดการธุรกิจให้บริษัทซึ่งเป็นคำสั่งในหน้าที่เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ปฏิบัติตาม การกระทำของโจทก์จึงเป็นการจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 583 และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 17 วรรคห้า โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระงับเลี้ยงกุ้งฯ ชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีนิยามความเค็มชัดเจน การกระทำผิดต้องพิสูจน์ได้
คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นคำสั่งที่ออกตามคำสั่งที่ได้รับมอบอำนาจจากนายรัฐมนตรีตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 2/2541 ทั้งสองคำสั่งมีใจความสำคัญสอดคล้องต้องกันว่า การเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเกษตรกรรม เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ เป็นเหตุให้เกิดภาวะมลพิษทั้งทางน้ำและในดิน...ฯลฯ เกิดภาวะขาดความสมดุลตามธรรมชาติผลตอบแทนที่ได้รับจากการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืดไม่คุ้มกับความเสียหายต่อทรัพยากร จึงให้ระงับการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืด และผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้ระงับการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืดในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี ตามคำสั่งดังกล่าวแม้ไม่ได้ให้คำนิยามหรือให้ความหมายว่าการเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำ คือ ความเค็มอัตราส่วนเท่าใด แต่ตามข้อเท็จจริงย่อมเป็นที่เข้าใจอยู่แล้วว่า คือ การเลี้ยงกุ้งกุลาดำในน้ำซึ่งนำน้ำทะเลพอประมาณมาเติมผสมลงในน้ำจืดโดยกุ้งกุลาดำมีชีวิตและเจริญเติบโตได้ ซึ่งจำเลยก็เข้าใจความหมายดังกล่าวดี จึงนำสืบต่อสู้ไว้ตรงประเด็นว่า ช่วงวันเวลาเกิดเหตุตามคำฟ้องจำเลยไม่ได้นำน้ำทะเลมาเติมผสมลงในน้ำในบ่อที่ใช้เลี้ยงกุ้งกุลาดำของจำเลยแต่อย่างใด คำสั่งของนายกรัฐมนตรีและคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5566-5598/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างและการย้ายสถานที่ทำงาน ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อวินิจฉัยว่าคำสั่งย้ายชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
กรณีนายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 120 วรรคหนึ่ง หมายถึง นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการแห่งเดิมไปตั้งสถานประกอบกิจการอีกแห่งหนึ่งในที่แห่งใหม่ มิใช่หมายความรวมถึงกรณีนายจ้างสั่งย้ายลูกจ้างไปทำงานที่สถานประกอบกิจการของนายจ้างอีกแห่งหนึ่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว เมื่อหน่วยงานที่จังหวัดระยองเป็นสำนักงานสาขาของจำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตั้งสถานประกอบกิจการขึ้นใหม่ที่จังหวัดระยอง หน่วยงานดังกล่าวจึงเป็นสถานประกอบกิจการของจำเลยอีกแห่งหนึ่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว การที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 33 ไปทำงานที่หน่วยงานดังกล่าวมิใช่กรณีที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นตามกฎหมายดังกล่าว
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 33 บรรยายข้อเท็จจริงถึงเหตุเกี่ยวกับการเลิกจ้างในคำฟ้องว่า คำสั่งให้ย้ายไปทำงานที่หน่วยงานของจำเลยที่จังหวัดระยองเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 33 โดยมีเจตนาที่จะเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ส่วนจำเลยให้การต่อสู้ถึงการสั่งให้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 33 ย้ายงานว่า เป็นไปตามสภาพการจ้าง ข้อกำหนด และระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย เมื่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 33 ทราบแล้วไม่ปฏิบัติตาม เป็นการจงใจฝ่าฝืนคำสั่ง ละทิ้งหน้าที่ และขาดงานติดต่อกันเกิน 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันควร จึงเป็นหน้าที่ของศาลแรงงานต้องไต่สวนให้ได้ความว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 33 กล่าวอ้างหรือเป็นไปตามที่จำเลยต่อสู้ไว้ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 33 และจำเลยแถลงต่อศาลแรงงานกลางมิใช่เป็นการแถลงรับข้อเท็จจริงที่คู่ความอีกฝ่ายกล่าวอ้าง ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางสอบถามจากคู่ความจึงไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยในประเด็นนี้ได้
of 2