พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำพิพากษาศาลฎีกา: ค่าธรรมเนียม/ค่าทนาย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาเฉพาะสิ่งที่ถูกอุทธรณ์/ฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและให้โจทก์ใช้ค่าธรรมเนียมค่าทนายแทนจำเลย. ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี. จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น. และให้โจทก์เสียค่าทนายในชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีการวมสามพันบาทแทนจำเลย. ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าวแล้ว แปลไม่ได้ว่า.ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าธรรมเนียมชั้นศาลฎีกาแทนจำเลยด้วย แม้โจทก์จะเป็นฝ่ายแพ้คดี. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทนายจำเลยในการยื่นคำให้การ และการพิจารณาค่าทนายในชั้นอุทธรณ์
ทนายจำเลยมอบหมายให้ผู้ใดมายื่นคำให้การก็ย่อมต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำของผู้นั้น เสมือนหนึ่งว่าทนายจำเลยมายื่นคำให้การด้วยตนเอง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรค 2 มิได้บังคับว่าศาลจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งแล้ว ศาลก็มีคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปได้โดยไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ
ทนายโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์เกินกำหนด ศาลสั่งไม่รับเป็นคำแก้อุทธรณ์คำแก้อุทธรณ์ในลักษณะเช่นนี้พอถือได้ว่าเป็นคำแถลงการณ์ ฟังได้ว่าทนายโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งให้จำเลยใช้ค่าทนายแทนโจทก์ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรค 2 มิได้บังคับว่าศาลจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งแล้ว ศาลก็มีคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปได้โดยไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ
ทนายโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์เกินกำหนด ศาลสั่งไม่รับเป็นคำแก้อุทธรณ์คำแก้อุทธรณ์ในลักษณะเช่นนี้พอถือได้ว่าเป็นคำแถลงการณ์ ฟังได้ว่าทนายโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งให้จำเลยใช้ค่าทนายแทนโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการผูกพันข้อเท็จจริงจากคดีอาญาต่อบุคคลภายนอก และดุลพินิจการลดค่าเสียหาย/ค่าทนาย
มาตรา 46 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญามาผูกพันถึงบุคคลภายนอกคดีด้วย
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ควรได้รับชดใช้ค่าเสียหายเพียง 2 ปี แทนที่จะเป็น 5 ปีดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วศาลอุทธรณ์จึงใช้ดุลพินิจให้ค่าทนายเป็นพับทั้งๆ ที่โจทก์แก้อุทธรณ์ เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบแล้ว
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ควรได้รับชดใช้ค่าเสียหายเพียง 2 ปี แทนที่จะเป็น 5 ปีดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วศาลอุทธรณ์จึงใช้ดุลพินิจให้ค่าทนายเป็นพับทั้งๆ ที่โจทก์แก้อุทธรณ์ เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด: จำเลยที่ 2-3 อุทธรณ์คำสั่งศาลได้
จำเลยที่ 2-3 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าชนะคดีโจทก์และคดีถึงที่สุดแล้วขอให้ศาลบังคับโจทก์นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายมาชำระให้แก่จำเลยที่ 2-3 ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำพิพากษาของศาลฎีกามีความหมายว่า จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายและค่าฤชาธรรมเนียมตลอดจนค่าทนาย 3 ศาลแทนโจทก์ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2-3 กรณีเช่นนี้จำเลยที่ 2-3 ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 จะอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012-1013/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การหลังชี้สองสถานและการอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งไม่อนุญาต รวมถึงประเด็นอายุความและค่าทนาย
(1) คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยนั้น เป็นคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา 1 (5) เมื่อศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมก็เป็นการไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา 18 จึงอุทธรณ์และฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา มาตรา 228 (3) โดยไม่ต้องโต้แย้งคำสั่งไว้
(2) คำให้การเพิ่มเติมนั้น จะต้องยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมเสียก่อนวันชี้สองสถาน ถ้าทำภายหลังและคดีก็ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
(3) ค่าทนายความชั้น3ีกานั้น เมื่อคำแก้ฎีกาของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะโจทก์หรือทนายโจทก์มิได้ลงชื่อไว้ในคำแก้ฎีกา ศาลย่อมไม่ให้
หมายเหตุ คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับข้อ (1) นั้น วินิจฉัยโดยประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2505
(2) คำให้การเพิ่มเติมนั้น จะต้องยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมเสียก่อนวันชี้สองสถาน ถ้าทำภายหลังและคดีก็ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
(3) ค่าทนายความชั้น3ีกานั้น เมื่อคำแก้ฎีกาของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะโจทก์หรือทนายโจทก์มิได้ลงชื่อไว้ในคำแก้ฎีกา ศาลย่อมไม่ให้
หมายเหตุ คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับข้อ (1) นั้น วินิจฉัยโดยประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2505
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย: การไม่วางค่าธรรมเนียมและค่าทนายในกำหนดเวลา ทำให้ศาลไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์
โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถาและขอทุเลาการบังคับคดี ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถให้โจทก์ปฏิบัติตาม ม.229 นำค่าธรรมเนียมมาวางศาลแต่โจทก์คงนำค่าธรรมเนียมฉะเพาะฟ้องอุทธรณ์มาชำระศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ต่อมาเมื่อศาลอุทธรณ์สั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้วโจทก์จึงนำค่าธรรมเนียมค่าทนายที่จะต้องใช้ให้แก่คู่ควมอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาล ซึ่งพ้นกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้วางแล้ว ค่าทนายเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่ง เมื่ออุทธรณ์โจทก์ไม่ถูกต้องตาม ม.224 ศาลย่อมรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ต้องยกเสียตาม ม.242 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเมื่อไม่วางค่าธรรมเนียมและค่าทนายตามกำหนด ทำให้ศาลไม่ต้องรับวินิจฉัย
โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถาและขอทุเลาการบังคับคดี ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้โจทก์ปฎิบัติตามมาตรา229 นำค่าธรรมเนียมมาวางศาล แต่โจทก์คงนำค่าธรรมเนียมเฉพาะฟ้องอุทธรณ์มาชำระศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ต่อมาเมื่อศาลอุทธรณ์สั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้วโจทก์จึงนำค่าธรรมเนียมค่าทนายที่จะต้องใช้ให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลซึ่งพ้นกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้วางแล้ว ค่าทนายเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งเมื่ออุทธรณ์โจทก์ไม่ถูกต้องตามมาตรา 229 ศาลย่อมรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ต้องยกเสียตามมาตรา242(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมจากเงินกู้ใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ของครอบครัว: การรักษาพยาบาลบุตรและค่าทนายความ
สามีกู้เงินเขามาใช้จ่ายเป็นค่าทนายในการที่ฟ้องพี่ชายของภริยาจนได้ที่ดินบางส่วนกลับคืนมาเป็นสินเดิมของภริยากับสามีได้เอาเงินที่กู้มานั้น มาใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลบุตร ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่เช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นหนี้ร่วมตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1482 เจ้าหนี้เงินกู้มีอำนาจยึดที่ดินสินเดิมของภริยาดังกล่าวแล้วใช้หนี้เงินกู้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความมีหน้าที่ต้องส่งมอบเงินที่ได้รับจากศาลให้ตัวความ และไม่มีสิทธิหักค่าทนายโดยพลการหากยังไม่มีข้อตกลง
ทนายความรับมอบฉันทะจากตัวควาให้ไปรับเงินที่ศาลเมื่อทนายได้รับเงินมาแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของทนายจะต้องมอบเงินที่ได้มาให้แก่ตัวความ ไม่มีอำนาจหักค่าทนายไว้โดยพลการ ในเมื่อปรากฎว่าเงินค่าจ้างว่าความนี้ ยังโต้เถียงกันอยู่ว่าชำระให้แล้วหรือยังทนายไม่มีสิทธิจะหักกลบลบหนี้ได้