คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่านายหน้า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5103/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่านายหน้า, สัญญาค่านายหน้า, การชี้ช่องทำสัญญา, ผลแห่งการเป็นนายหน้า, ข้อตกลงพิเศษ
โจทก์ฟ้องเรียกเอาค่าบำเหน็จนายหน้าโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความเกี่ยวกับนายหน้าไว้เป็นพิเศษแต่อย่างใดจึงต้องใช้อายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนด10ปี สัญญาจะให้ค่านายหน้าแก่โจทก์มีสองจำนวนจำนวนแรกคือร้อยละ5ของราคาไร่ละ160,000บาทกับอีกจำนวนหนึ่งถ้าโจทก์ขายได้เกินกว่านี้ส่วนที่เกินนั้นเป็นของโจทก์เมื่อโจทก์ชี้ช่องให้จำเลยผู้จะขายได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับผู้จะซื้อแล้วถือได้ว่าได้มีการทำสัญญากันเป็นผลสำเร็จเนื่องแต่ผลแห่งการที่โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องหรือจัดการแล้วแม้ว่าผู้จะซื้อผิดนัดไม่มารับโอนที่ดินจนเป็นเหตุให้จำเลยริบมัดจำก็ไม่เป็นผลให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดส่วนข้อความที่ว่าส่วนที่เกินกว่านี้จะเป็นของนายหน้าผู้เดียวนั้นเป็นข้อตกลงพิเศษอีกส่วนหนึ่งแยกจากกันได้กับข้อตกลงที่ให้บำเหน็จร้อยละ5ค่าบำเหน็จส่วนนี้ย่อมมีความหมายว่าหากมีการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดอันเป็นผลจากที่โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องหรือจัดการเมื่อจำเลยกับผู้จะซื้อไม่มีการซื้อขายกันจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดจ่ายส่วนที่เกินแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน: สัญญาแยกต่างหากจากสัญญาจะซื้อจะขาย มีอายุความ 10 ปี
โจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้ ม. กับจำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโดยจำเลยตกลงจะจ่ายค่านายหน้าแก่โจทก์อัตราร้อยละ 3 ของราคาที่ซื้อขายกัน แม้ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและ ม. ต้องฟ้องบังคับจำเลยก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมโอนที่ดินให้แก่ ม.หรือบุคคลที่ ม. ประสงค์จะให้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ศาลพิพากษาตามยอม จำเลยได้ปฏิบัติตามโดยทำหนังสือจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่บริษัท ช. ที่ ม. ประสงค์มีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขาย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากจำเลย สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาที่แยกต่างหากจาก สัญญาจะซื้อจะขาย แม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายจะได้บันทึกเรื่องที่จำเลยตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ไว้ก็หาทำให้สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาจะซื้อจะขายไม่ โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอาค่าบำเหน็จนายหน้าและไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่านายหน้าจากการชี้ช่องทำสัญญา แม้มีสัญญาประนีประนอมยอมความก็ยังมีผล
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทระหว่างม.กับจำเลยเกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและ ม.ฟ้องจำเลยแต่จำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมโอนที่ดินพิพาทให้นายม.หรือบุคคลที่ ม.ประสงค์ ศาลพิพากษาตามยอม ภายหลังจำเลยได้ปฏิบัติตามโดยโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่บริษัทช.ที่ม.ประสงค์ ซึ่งตรงกับราคาที่ระบุในสัญญาจะซื้อจะขายดังนี้สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงมีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมก็ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย สัญญานายหน้าเป็นสัญญาที่แยกต่างหากจากสัญญาจะซื้อจะขายแม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายจะบันทึกเรื่องที่จำเลยตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ไว้ก็หาทำให้สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาจะซื้อจะขายไม่ โจทก์ฟ้องเรียกเอาบำเหน็จนายหน้าไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงมีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้ช่องทำสัญญาและการสืบเนื่องของสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อการเรียกค่าบำเหน็จค่านายหน้า
การที่โจทก์ทั้งสองสามารถนำ ด.มาทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทกับจำเลยได้นั้น ถือได้ว่าเกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ทั้งสอง แม้ต่อมาจำเลยจะได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่จำเลยทำไว้กับ ด. ทำให้ไม่มีสัญญาจะซื้อขายอีกต่อไปก็ตามแต่ภายหลังจากนั้นจำเลยกับ ด.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลเกี่ยวกับที่พิพาทกันอีกว่า จำเลยยอมโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทให้ ด.หรือบุคคลที่ ด.ประสงค์จะให้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ และ ด.ยินยอมชำระราคาที่ดินและค่าเสียหายแก่จำเลยจำนวนเท่ากับราคาขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทบวกกับค่าเสียหาย จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวโดยทำหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน-เจ้าหน้าที่ขายที่ดินพิพาทให้แก่ ส.ไปในราคาซึ่งตรงกับราคาที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาท ดังนี้ สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงมีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อขาย เมื่อสัญญาจะซื้อขายมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ทั้งสองให้จำเลยกับ ด.ได้เข้าทำสัญญากัน สัญญาประนีประนอมยอมความย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ทั้งสองด้วย โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้ช่องให้ทำสัญญาและผลสืบเนื่องของสัญญาประนีประนอมยอมความต่อการเรียกค่าค่านายหน้า
การที่โจทก์ทั้งสองสามารถนำ ด.มาทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทกับจำเลยได้นั้น ถือได้ว่าเกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ทั้งสองแม้ต่อมาจำเลยจะได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่จำเลยทำไว้กับ ด.ทำให้ไม่มีสัญญาจะซื้อขายอีกต่อไปก็ตาม แต่ภายหลังจากนั้นจำเลยกับ ด. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลเกี่ยวกับที่พิพาทกันอีกว่า จำเลยยอมโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทให้ ด. หรือบุคคลที่ ด.ประสงค์จะให้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์และด. ยินยอมชำระราคาที่ดินและค่าเสียหายแก่จำเลยจำนวนเท่ากับราคาขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทบวกกับค่าเสียหาย จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวโดยทำหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขายที่ดินพิพาทให้แก่ ส. ไปในราคาซึ่งตรงกับราคาที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาท ดังนี้สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงมีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อขาย เมื่อสัญญาจะซื้อขายมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ทั้งสองให้จำเลยกับ ด. ได้เข้าทำสัญญากัน สัญญาประนีประนอมยอมความย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ทั้งสองด้วยโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3724/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าลักษณะค่าจ้าง: แม้จ่ายรายเดือน แต่หากผูกกับผลงานโดยตรง ถือเป็นค่าจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
ค่านายหน้าที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน แม้จะเป็นการจูงใจให้ขายสินค้าได้มากขึ้นก็ตาม แต่ขณะเดียวกันก็คือเงินที่จำเลยจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงานตามผลงานที่โจทก์ทำได้โดยตรงนั่นเอง ส่วนที่จำเลยได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายอย่างไร รวมทั้งจะมีการเรียกชื่อเป็นอย่างอื่นก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เมื่อวิธีการจ่ายค่านายหน้าอาจปรับได้กับความหมายของคำว่า "ค่าจ้าง"ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานดังกล่าวมาข้างต้นจึงถือว่าค่านายหน้าเป็นค่าจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3724/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าเป็นค่าจ้าง: การคำนวณค่าชดเชย, สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างวันหยุดพักผ่อน
ค่านายหน้าที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนแม้จะเป็นการจูงใจให้ขายสินค้าได้มากขึ้นก็ตาม แต่ขณะ เดียวกันก็คือเงินที่จำเลยจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงาน ตามผลงานที่โจทก์ทำได้โดยตรงนั่นเอง ส่วนที่จำเลยได้กำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายอย่างไร รวมทั้งจะมีการเรียกชื่อ เป็นอย่างอื่นก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เมื่อวิธีการจ่ายค่านายหน้า อาจปรับได้กับความหมายของคำว่า "ค่าจ้าง" ตามประกาศ กระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานดังกล่าวมาข้างต้น จึงถือว่าค่านายหน้าเป็นค่าจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3724/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าเป็นค่าจ้าง: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้รวมค่านายหน้ากับเงินเดือนเพื่อคำนวณค่าชดเชยและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ
ค่านายหน้าที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างโจทก์จ่ายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนนั้น แม้ว่าจะเป็นการจูงใจให้ขายสินค้าได้มากขึ้นแต่ขณะเดียวกันก็คือเงินที่จำเลยจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงานตามผลงานที่โจทก์ทำได้โดยตรงนั่นเอง ส่วนที่จำเลยได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายอย่างไร รวมทั้งจะมีการเรียกชื่อเป็นอย่างอื่นก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เมื่อวิธีการจ่ายค่านายหน้าอาจปรับได้กับความหมายของคำว่า"ค่าจ้าง"ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2 จึงถือว่าค่านายหน้าเป็นค่าจ้างที่จะต้องนำมารวมกับเงินเดือนครั้งสุดท้ายของโจทก์เพื่อเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าย่อมเกิดขึ้นเมื่อการชี้ช่องนำไปสู่สัญญาเช่า แม้มีการประมูล
โจทก์และบิดาเป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยทำหนังสือขอเช่าอาคารยื่นต่อ ส. จน ส. มีหนังสือเรียกให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแต่เนื่องจากจำเลยแจ้งการครอบครองอาคารไม่ตรงกับความจริง ส. จึงระงับการทำสัญญา แล้วให้จำเลยเข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมเพียงสองรายเมื่อผู้เช่าเดิมไม่มาประมูล จำเลยจึงเข้าประมูลแต่ฝ่ายเดียว และได้เข้าทำสัญญาเช่ากับ ส. ถือได้ว่าโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่นายหน้าครบถ้วนแล้ว และการที่จำเลยได้เข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมจนได้เข้าทำสัญญากับ ส. เป็นผลของการชี้ช่องของโจทก์ จำเลยจึงต้องชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีนายหน้าชี้ช่องทำสัญญาเช่า: จำเลยต้องชำระค่านายหน้าเมื่อการทำสัญญาสำเร็จได้จากการชี้ช่องของโจทก์
จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องให้จำเลยเข้าทำสัญญาเช่าอาคารกับสำนักงาน ท. โดยจำเลยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์โจทก์และบิดาโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยทำหนังสือขอเช่ายื่นต่อสำนักงาน ท. จนสำนักงาน ท. ได้มีหนังสือเรียกให้จำเลยไปทำสัญญาเช่า แต่เนื่องจากจำเลยแจ้งการครอบครองอาคารไม่ตรงกับความจริง สำนักงาน ท. จึงมีหนังสือแจ้งจำเลยขอระงับการทำสัญญาแล้วให้จำเลยเข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมเพียงสองราย แต่ผู้เช่าเดิมไม่มาประมูล จำเลยจึงเข้าประมูลเสนอให้ค่าธรรมเนียมพิเศษแต่ฝ่ายเดียว และได้เข้าทำสัญญาเช่ากับสำนักงาน ท.กรณีถือได้ว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่นายหน้าครบถ้วนแล้ว และการที่จำเลยได้เข้าประมูลราคากับผู้เช่าเดิมจนได้เข้าทำสัญญากับสำนักงาน ท. เป็นผลแห่งการชี้ช่องของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์.
of 8