พบผลลัพธ์ทั้งหมด 32 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเช่าบ้านข้าราชการ: การย้ายที่ทำการของโจทก์มีสภาพเช่นเดียวกับการได้รับคำสั่งให้เดินทาง
การที่โจทก์ย้าย ที่ทำการใหม่ไป ต่างท้องที่ เป็นเหตุให้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการของโจทก์ต้องเดินทางไปทำงานประจำสำนักงานแห่งใหม่มีสภาพการณ์เช่นเดียวกับการได้รับคำสั่งให้เดินทางตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการพ.ศ.2527มาตรา7จำเลยจึงมี สิทธิได้รับ ค่าเช่าบ้านข้าราชการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเช่าบ้านข้าราชการ: การย้ายที่ทำการราชการเทียบเท่าคำสั่งให้เดินทาง
ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการพ.ศ.2527มาตรา7ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการคือข้าราชการที่ทางราชการได้มีคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานในต่างท้องที่แต่กรณีคดีนี้ทางราชการได้ย้ายที่ทำการใหม่อันเป็นการก่อให้เกิดสภาพการณ์เช่นเดียวกันกับการมีคำสั่งให้เดินทางกล่าวคือข้าราชการจำต้องเดินทางไปประจำสำนักงานในต่างท้องที่ซึ่งเป็นผลเช่นเดียวกันกับการมีคำสั่งของทางราชการนั้นเองดังนั้นในกรณีเช่นนี้ทำให้ถ้อยคำตามตัวอักษรที่ว่า"ได้รับคำสั่งให้เดินทาง"ไม่ชัดแจ้งว่าจะมีความหมายครอบคลุมถึงกรณีที่มีสภาพการณ์เช่นเดียวกับการได้รับคำสั่งให้เดินหรือไม่ชอบที่ศาลจะต้องค้นหาความหมายของบทบัญญัตินี้ว่ามีขอบเขตแห่งความมุ่งหมายแค่ไหนเพียงใดเมื่อพิจารณาถึงเหตุผลท้ายพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวมาแล้วจะพบว่าพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวมาแล้วจะพบว่าพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ทางราชการมีเจตนารมณ์ที่จะช่วยเหลือข้าราชการที่ได้รับความเดือนร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยอันเนื่องมาจากทางราชการเป็นเหตุจึงเห็นได้ว่าการย้ายที่ทำการใหม่ของโจทก์ซึ่งทำให้ข้าราชการของโจทก์ต้องเดินทางไปทำงานประจำสำนักงานใหม่นี้ก็เนื่องมาจากทางราชการเป็นเหตุเช่นเดียวกับการได้รับคำสั่งให้เดินทางและทำให้ข้าราชการได้รับความเดือนร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยดังนั้นถ้อยคำตามตัวอักษรที่ว่า"ได้รับคำสั่งให้เดินทาง"ย่อมมีขอบเขตแห่งความมุ่งหมายครอบคลุมถึงกรณีย้ายที่ทำการใหม่ไปต่างท้องที่ด้วยดังนั้นกรณีเช่นคดีนี้ย่อมอยู่ในขอบเขตแห่งความมุ่งหมายของบทบัญญัติที่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ กรณีสำนักงานย้ายที่ทำการ
ข้าราชการซึ่งต้องย้ายตามไปทำงานในท้องที่อื่น เพราะสำนักงานเดิมย้ายที่ทำการมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตาม พ.ร.ฎ. ค่าเช่าบ้านข้าราชการพ.ศ.2527
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ กรณีหน่วยงานย้ายที่ทำการ แม้ไม่มีคำสั่งย้าย
ข้าราชการซึ่งต้องย้ายตามไปทำงานในท้องที่อื่น เพราะสำนักงานเดิมย้ายที่ทำการมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ: การย้ายที่ทำการของมหาวิทยาลัยและการตีความ 'ต่างท้องที่'
พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการพ.ศ.2527มาตรา7ประกอบเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาแสดงว่าทางราชการประสงค์จะช่วยเหลือข้าราชการที่ต้องเสียค่าเช่าบ้านเมื่อต้องไปทำงานในท้องที่อื่นซึ่งมิใช่ท้องที่ที่เริ่มรับราชการครั้งแรก จำเลยเป็นข้าราชการในสังกัดของโจทก์รับราชการครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครต่อมาโจทก์ย้ายที่ทำการใหม่ไปอยู่ต่างจังหวัดก็ต้องถือว่าจำเลยได้ไปรับราชการตามที่ทำการในต่างท้องที่จากที่รับราชการณที่เดิมแม้จะไม่มีคำสั่งให้จำเลยเดินทางไปประจำในที่ทำการต่างท้องที่ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการเมื่อหน่วยงานย้ายที่ทำการ แม้ไม่มีคำสั่งย้าย
จำเลยรับราชการครั้งแรกในกรุงเทพมหานครแล้วโอนมารับราชการที่มหาวิทยาลัยโจทก์ซึ่งขณะนั้นอยู่ในกรุงเทพมหานครแต่ต่อมาโจทก์ได้ย้ายที่ทำการใหม่ไปอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีต้องถือว่าจำเลยได้ไปรับราชการตามที่ทำการในต่างท้องที่จากที่รับราชการณที่เดิมแม้จะไม่มีคำสั่งให้จำเลยเดินทางไปประจำในที่ทำการการต่างท้องที่แต่เป็นเพราะเหตุโจทก์ย้ายที่ทำการใหม่ก็ตามก็ไม่มีผลแตกต่างกันเพราะที่ทำการใหม่ของโจทก์ที่ไม่ใช่ท้องที่ที่จำเลยเข้ารับราชการครั้งแรกจำเลยจึงมีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการพ.ศ.2527
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิประโยชน์ของลูกจ้างที่โอนย้าย - การจ่ายค่าเช่าบ้านหลังบรรจุ - ข้อบังคับ กปภ. - ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง
บทบัญญัติมาตรา 52 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 ที่ว่า "ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ กปภ.ตามวรรคหนึ่ง ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เท่าที่เคยได้รับอยู่เดิมไปพลางก่อนจนกว่าผู้ว่าการจะได้บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่จะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้ มีความหมายว่าข้าราชการหรือลูกจ้างที่จะโอนไปเป็นพนักงานของจำเลย จะได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมเมื่อยังไม่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลย แต่เมื่อได้รับการบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว คงมีเงื่อนไขว่าจะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเดิมไม่ได้ โดยไม่รวมถึงสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย
เดิมโจทก์รับราชการอยู่กองประปา ชนบท กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่ตามคำฟ้องไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าค่าเช่าบ้านดังกล่าวเป็นค่าจ้างจึงถือว่าเป็นเงินสวัสดิการ จัดเป็นเงินประเภท "สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ" ตามพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค มาตรา 52 วรรคสาม ดังนั้น เมื่อโจทก์โอนมาเป็นพนักงานของจำเลยและได้รับบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเช่าบ้านที่ได้รับอยู่เดิมจากจำเลยได้
ข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. 2523 ข้อ 5(2) กำหนดว่า "ผู้ซึ่ง กปภ.บรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกในท้องที่ใดและยังคงปฏิบัติงานประจำในท้องที่นั้น ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน" ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกใน กรุงเทพมหานคร และยังคงปฏิบัติงานประจำอยู่ในกรุงเทพมหานคร โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้าน
เดิมโจทก์รับราชการอยู่กองประปา ชนบท กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่ตามคำฟ้องไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าค่าเช่าบ้านดังกล่าวเป็นค่าจ้างจึงถือว่าเป็นเงินสวัสดิการ จัดเป็นเงินประเภท "สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ" ตามพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค มาตรา 52 วรรคสาม ดังนั้น เมื่อโจทก์โอนมาเป็นพนักงานของจำเลยและได้รับบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเช่าบ้านที่ได้รับอยู่เดิมจากจำเลยได้
ข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. 2523 ข้อ 5(2) กำหนดว่า "ผู้ซึ่ง กปภ.บรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกในท้องที่ใดและยังคงปฏิบัติงานประจำในท้องที่นั้น ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน" ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกใน กรุงเทพมหานคร และยังคงปฏิบัติงานประจำอยู่ในกรุงเทพมหานคร โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิประโยชน์ของลูกจ้างที่โอนย้าย: การจ่ายค่าเช่าบ้านตามกฎหมายและข้อบังคับ กปภ.
ตาม พ.ร.บ. การประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 มาตรา 52 วรรคสามบัญญัติว่า "ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ กปภ. ตามวรรคหนึ่ง ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมไปพลาง ก่อน จนกว่าผู้ว่าการจะได้บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่จะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้" ตามบทบัญญัตินี้ย่อมมีความหมายว่า เมื่อข้าราชการที่โอนไปเป็นพนักงานของจำเลยได้รับบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการแล้ว จะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเดิมไม่ได้ โดยไม่รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย โจทก์เป็นข้าราชการที่โอนมาและได้รับบรรจุและแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่ได้รับอยู่เดิมก่อนโอนมา เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในคำฟ้องว่าค่าเช่าบ้านเป็นค่าจ้าง จึงถือว่าเป็นเงินสวัสดิการ จัดเป็นประเภท"สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ" ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้ตามบทบัญญัติกฎหมายข้างต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิประโยชน์โอนย้ายพนักงาน กปภ. และข้อยกเว้นการจ่ายค่าเช่าบ้านตามข้อบังคับ
บทบัญญัติมาตรา 52 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 ที่ว่า "ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ กปภ.ตามวรรคหนึ่ง ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เท่าที่เคยได้รับอยู่เดิมไปพลางก่อนจนกว่าผู้ว่าการจะได้บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่จะแต่งตั้ง ให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้ มีความหมายว่าข้าราชการหรือลูกจ้างที่จะโอนไปเป็นพนักงานของจำเลย จะได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมเมื่อยังไม่ได้รับการบรรจุแต่งตั้ง จากผู้ว่าการของจำเลย แต่เมื่อได้รับการบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้วคงมีเงื่อนไขว่าจะแต่งตั้ง ให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเดิมไม่ได้ โดยไม่รวมถึงสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย เดิมโจทก์รับราชการอยู่กองประปา ชนบท กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่ตามคำฟ้องไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าค่าเช่าบ้านดังกล่าวเป็นค่าจ้างจึงถือว่าเป็นเงินสวัสดิการ จัดเป็นเงินประเภท "สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ "ตาม พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค มาตรา 52 วรรคสาม ดังนั้นเมื่อโจทก์โอนมาเป็นพนักงานของจำเลยและได้รับบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเช่าบ้านที่ได้รับอยู่เดิมจากจำเลยได้ ข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. 2523 ข้อ 5(2) กำหนดว่า "ผู้ซึ่ง กปภ.บรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกในท้องที่ใดและยังคงปฏิบัติงานประจำในท้องที่นั้น ไม่มีสิทธิได้ รับค่าเช่าบ้าน" ดังนั้นเมื่อโจทก์ได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกใน กรุงเทพมหานคร และยังคงปฏิบัติงานประจำอยู่ใน กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้าน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้าจากเงินเดือนลูกจ้าง: ไม่ถือเป็นหนี้อื่นตามประกาศ มท. หากเกี่ยวข้องกับสัญญาจ้าง
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 30 ห้ามมิให้นายจ้างนำหนี้อื่นมาหักจากเงินค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง คำว่า "หนี้อื่น" นี้หมายถึงหนี้อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง การที่โจทก์มีสิทธิเข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านของบริษัทจำเลยนั้น ก็เพราะโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย แม้โจทก์จะเสียเงินค่าเช่าเดือนละ 300 บาท และค่าไฟฟ้าก็เป็นจำนวนน้อยมาก สิทธิของโจทก์ดังกล่าวเป็นผลโดยตรงจากความผูกพันในฐานะลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์จำเลย หนี้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นหนี้อันเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง หาใช่หนี้อื่นตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 30 ไม่จำเลยมีสิทธิหักค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้าจากเงินเดือนของโจทก์ได้