พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญานายหน้าที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน: การจดทะเบียนเช่าเป็นสำคัญ
จำเลยประสงค์จะให้เช่าที่ดินมีกำหนดเวลาเกิน 3 ปีจึงระบุในสัญญาว่าจำเลยมอบให้โจทก์ไปจัดการให้จดทะเบียนณ สำนักงานที่ดิน แล้วจำเลยยอมจ่ายค่านายหน้าให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 5% ของเงินดังกล่าวโดยจ่ายให้ในวันจดทะเบียนที่ดิน ณ สำนักงานที่ดิน จึงเป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน คือถือการจดทะเบียนการเช่าระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่าที่สำนักงานที่ดินเป็นเงื่อนไขความสำเร็จของการเป็นนายหน้า เมื่อยังมิได้มีการจดทะเบียนการเช่าเพราะผู้เช่าผิดสัญญา ดังนี้ โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกค่านายหน้าจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมไม่บังคับจดทะเบียนเช่าเพราะที่ดินยังไม่ได้แบ่งแยก คดีใหม่ขอให้แบ่งแยกและจดทะเบียนเช่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวให้โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตึกแถวปลูกอยู่ในที่ดินส่วนใดเพราะยังไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัดไม่อาจบังคับได้ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยไปจัดการแบ่งที่ดินออกเป็นส่วนสัดเฉพาะที่ปลูกตึกแถว และให้ไปจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนกับการจดทะเบียนเช่า: การผูกพันตามข้อตกลง
จำเลยถมดินในที่ดินของ ส. ที่เป็นที่หนองและที่บ่อแล้วปลูกเรือนอยู่อาศัย เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงิน 237,000 บาท เฉพาะค่าถมดินเป็นเงิน 20,000 บาทเศษ โดยมี ข้อตกลงด้วยวาจากับ ส. ว่าจะให้จำเลยเช่าอยู่จนตลอดชีวิต ตามข้อตกลงและพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว ย่อมผูกพันโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ให้ต้องไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องจดทะเบียนเช่าจากสัญญาต่างตอบแทน แม้ไม่ใช่คู่สัญญาโดยตรง
จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ปลูกตึกแถวในที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้วให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้มาขอเช่าตึกได้ และจำเลยที่1 จะทำสัญญาเช่าให้มีกำหนดสิบปี เมื่อโจทก์เข้าทำสัญญากับจำเลยที่ 2 และเสียเงินค่าก่อสร้างตึกให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จดทะเบียนการเช่าได้ตามสัญญา
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1135/2506)
แม้จำเลยที่ 1 จะไม่เป็นคู่สัญญากับโจทก์แต่ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญากับโจทก์ได้การชำระหนี้ที่จำเลยที่1ต้องปฏิบัติตามสัญญากับจำเลยที่ 2 นี้ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่โจทก์หรือ นัยหนึ่งโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองด้วยการที่จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์เช่าตึกเป็นการตอบแทนตามสิทธิของโจทก์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 นั้นด้วย จำเลยที่ 1 จึงต้องจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1135/2506)
แม้จำเลยที่ 1 จะไม่เป็นคู่สัญญากับโจทก์แต่ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญากับโจทก์ได้การชำระหนี้ที่จำเลยที่1ต้องปฏิบัติตามสัญญากับจำเลยที่ 2 นี้ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่โจทก์หรือ นัยหนึ่งโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองด้วยการที่จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์เช่าตึกเป็นการตอบแทนตามสิทธิของโจทก์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 นั้นด้วย จำเลยที่ 1 จึงต้องจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องจดทะเบียนเช่าจากสัญญาต่างตอบแทน แม้ไม่ใช่คู่สัญญาโดยตรง
จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ปลูกตึกแถวในที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้วให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1.โดยจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้มาขอเช่าตึกได้. และจำเลยที่1 จะทำสัญญาเช่าให้มีกำหนดสิบปี. เมื่อโจทก์เข้าทำสัญญากับจำเลยที่ 2 และเสียเงินค่าก่อสร้างตึกให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว. สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2ย่อมเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จดทะเบียนการเช่าได้ตามสัญญา. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1135/2506)
แม้จำเลยที่ 1 จะไม่เป็นคู่สัญญากับโจทก์.แต่ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสอง. จำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญากับโจทก์ได้. การชำระหนี้ที่จำเลยที่1ต้องปฏิบัติตามสัญญากับจำเลยที่ 2 นี้ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่โจทก์. หรือ นัยหนึ่งโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสอง.ด้วยการที่จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์เช่าตึกเป็นการตอบแทนตามสิทธิของโจทก์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 นั้นด้วย. จำเลยที่ 1 จึงต้องจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์.
แม้จำเลยที่ 1 จะไม่เป็นคู่สัญญากับโจทก์.แต่ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสอง. จำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญากับโจทก์ได้. การชำระหนี้ที่จำเลยที่1ต้องปฏิบัติตามสัญญากับจำเลยที่ 2 นี้ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่โจทก์. หรือ นัยหนึ่งโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสอง.ด้วยการที่จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์เช่าตึกเป็นการตอบแทนตามสิทธิของโจทก์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 นั้นด้วย. จำเลยที่ 1 จึงต้องจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องแย้งไม่เป็นเงื่อนไข – สิทธิเรียกคืนเงินและค่าเสียหายควบคู่กับสิทธิเรียกร้องการจดทะเบียนเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งโจทก์รับโอนกรรมสิทธิมาจากผู้ให้เช่าเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่า ผู้ให้เช่าเดิมให้จำเลยเช่า เป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยจำเลยยอมให้ผู้ให้เช่าเดิมหักหนี้ 100,000 บาท กับจำเลยได้ซ่อมแซมห้องเช่าอีก 5,000 บาท ซึ่งผู้ให้เช่าเดิมสัญญาให้จำเลยเช่าตลอดชีวิต จำเลยจึงขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเดิมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม และฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับให้โจทก์กับผู้ให้เช่าเดิมจดทะเบียนการเช่ารายนี้ ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องก็ขอให้ศาลพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ร่วมกันคืนเงินหนึ่งแสนบาท ใช้ค่าซ่อมบ้าน 5,000 บาท กับค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 1,870 บาท คำฟ้องแย้งนี้เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3 และมาตรา 179 วรรคท้าย และคำฟ้องแย้งนี้ไม่เป็นเงื่อนไข เพราะถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและขับไล่จำเลยตามฟ้องของโจทก์แล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกเงินกินเปล่าคืน หรือได้รับค่าสินไหมทดแทนแต่ประการใด แต่ถ้าคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยมีสิทธิเรียกให้โจทก์จดทะเบียนการเช่าจนตลอดชีวิตของจำเลยแล้ว ก็ย่อมบังคับตามคำฟ้องแย้งของจำเลยได้
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น มิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลย หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น มิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลย หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเพื่อบังคับจดทะเบียนเช่าตลอดชีวิตและเรียกคืนเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะ ค่าซ่อมแซม รวมถึงค่าเสียหายในคดีขับไล่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งโจทก์รับโอนกรรมสิทธิมาจากผู้ให้เช่าเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่า ผู้ให้เช่าเดิมให้จำเลยเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยยอมให้ผู้ให้เช่าเดิมหักหนี้ 100,000 บาทกับจำเลยได้ซ่อมแซมห้องเช่าอีก 5,000 บาท ซึ่งผู้ให้เช่าเดิมสัญญาให้จำเลยเช่าตลอดชีวิต จำเลยจึงขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเดิมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม และฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับให้โจทก์กับผู้ให้เช่าเดิมจดทะเบียนการเช่ารายนี้ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องก็ขอให้ศาลพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ร่วมกันคืนเงินหนึ่งแสนบาท ใช้ค่าซ่อมบ้าน 5,000 บาทกับค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 1,870 บาท คำฟ้องแย้งนี้เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคท้าย และคำฟ้องแย้งนี้ไม่เป็นเงื่อนไข เพราะถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและขับไล่จำเลยตามฟ้องของโจทก์แล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกเงินกินเปล่าคืนหรือได้รับค่าสินไหมทดแทนแต่ประการใดแต่ถ้าคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยมีสิทธิเรียกให้โจทก์จดทะเบียนการเช่าจนตลอดชีวิตของจำเลยแล้วก็ย่อมบังคับตามคำฟ้องแย้งของจำเลยได้
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นมิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลยหากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นมิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลยหากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น