คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำกัดขอบเขต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับบุคคลนอกคดีและการโอนมรดก: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้จำกัดขอบเขตการโอนเฉพาะส่วนของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาท ร. สามีจำเลยเป็นผู้ไปแจ้งการครอบครอง และ ร. ได้นำที่ดินไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ทั้งปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวว่ามีชื่อ ร.เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ต่อมา ร. ตาย จำเลย และบุตรได้จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินแปลงนี้ต่อมาตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดี เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งหมดมาด้วย คำพิพากษาอุทธรณ์ที่พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ด้วยนั้น จึงมีผลเป็นการบังคับบุคคลนอกคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้ถูกต้องโดยพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3999/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายทางละเมิดต้องเป็นค่าเสียหายโดยตรง ศาลจำกัดเฉพาะค่าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลโดยตรง
ค่าเสียหายในคดีละเมิดที่โจทก์จะเรียกจากจำเลยได้ต้องเป็นค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ดังนี้ ค่ารถแท็กซี่พาพยานไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนและค่าถ่ายรูปเพื่อใช้ประกอบคดี จึงมิใช่เป็นค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดจากการทำละเมิดของจำเลย โจทก์เรียกเอาจากจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดขอบเขตคำขอศาลไม่อาจลงโทษฐานอื่นนอกเหนือจากที่ฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงสอดคล้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะบัญญัติให้ถือว่าเป็นการแตกต่างในรายละเอียดก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตาม มาตรา 192 วรรคแรก คงลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3627/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายหลังการให้โดยเสน่หาและการประพฤติเนรคุณ ศาลจำกัดขอบเขตการเพิกถอนเฉพาะจำเลยที่ 1
โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 โดยเสน่หา แล้วจำเลยที่ 1 โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 โจทก์ฟ้องถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยที่ 1 ประพฤติเนรคุณ และขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยอ้างว่าเป็นการสมยอมกันเพื่อฉ้อฉลโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 รับซื้อที่ดินพิพาทมาโดยสุจริต โจทก์ก็ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้จำเลยที่ 1 คืนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณากับมิได้อุทธรณ์ คงอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 3 ดังนี้ คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาจำกัดเฉพาะสิ่งที่ระบุในคำพิพากษา ศาลสั่งชดใช้ค่าเสียหายเมื่อบังคับคดีไม่ได้มิได้
ศาลพิพากษาตามคำขอของโจทก์ว่า ให้จำเลยยอมรับการไถ่ถอนที่ดินทั้งสองแปลงตามฟ้องในราคา 64,000 บาท จากโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแทนเพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับได้เนื่องจากจำเลยโอนที่ดินให้แก่บุตรแล้ว จึงเป็นการบังคับจำเลยนอกเหนือจากคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งเช่นนั้น
บทบัญญัติมาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นเรื่องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาลหรือโดยทางเจ้าพนักงานของศาล มิได้หมายความว่า ถ้าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ใช้ค่าเสียหายแทนทั้งที่มิได้พิพากษาเช่นนั้น ซึ่งเป็นการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาเช่า: ศาลจำกัดขอบเขตค่าเสียหายเฉพาะค่าเช่าที่แท้จริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย โดยกล่าวในคำฟ้องว่า หากจำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์แล้วโอนขายให้กับ ส. ได้ตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ ส. โจทก์จะได้รับชำระราคาที่ดินที่ยังค้างชำระจาก ส. ซึ่งเงินจำนวนนี้โจทก์ย่อมนำไปทำธุรกิจหาผลประโยชน์ต่อไปได้ อย่างน้อยที่สุดนำไปฝากธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปี ดังนี้ ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุการที่จำเลยไม่ยอมออกจากตึกแถวหรือออกจากตึกแถวล่าช้าค่าเสียหายควรเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันสัญญาเช่ารถยนต์ จำกัดตามที่ระบุในสัญญาเท่านั้น
อ.เป็นผู้เช่าและรับรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันผู้เช่าให้ไว้แก่โจทก์ ต่อมาคนร้ายลักรถยนต์ที่เช่าไปขณะอยู่ในครอบครองของ อ.ผู้เช่า สัญญาค้ำประกันมีใจความสารสำคัญว่า จำเลยยินดีชดใช้หรือรับผิดชอบให้กับผู้เช่า ในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบโดยรับผิดชอบตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. การเสียหายของรถอันเกิดจากอุบัติเหตุหรือรถชนกันถ้าต่ำกว่า 1,000 บาท จำเลยจะต้องรับผิด 2. ถ้าเกิดรถหายในระหว่างเช่าจำเลยจะต้องรับผิดชอบ ดังนี้ จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็แต่เฉพาะในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ และจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา 2 ข้อเท่านั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ในวันที่รถยนต์หายนั้น อ.ผู้เช่าไปแจ้งที่บริษัทโจทก์ว่ารถหายและมอบกุญแจรถคืนให้โจทก์แล้ว จึงมิใช่เป็นกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ จำเลยหาจำต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2691/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกคำฟ้องในคดีละเมิด: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ถูกฟ้องเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันทำละเมิด โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ร่วมทุจริตกับจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมทุจริตกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเกินเลยไปว่า จำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการพิพากาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอในสัญญาซื้อขายที่ไม่จดทะเบียน: ศาลจำกัดขอบเขตการบังคับคดีตามที่โจทก์ขอ
ฟ้องว่าจำเลยขายที่ดินมือเปล่าและเรือน ส่งมอบแก่โจทก์และรับชำระราคาแล้ว จำเลยเช่าโจทก์ต่อไป จำเลยไม่ชำระค่าเช่า ขอให้ขับไล่ส่งคืนที่ดินและชำระค่าเช่าที่ค้าง ได้ความว่าสัญญาซื้อขายไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ โจทก์ยังไม่ได้ครอบครองที่ดินและเรือนก็พิพากษายกฟ้องเท่านั้นจะให้จำเลยคืนค่าที่ดินนอกเหนือคำฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอุทธรณ์: การจำกัดขอบเขตอุทธรณ์เฉพาะฟ้องโจทก์ และผลต่อค่าธรรมเนียมศาล
อุทธรณ์ของจำเลยได้ระบุไว้ชัดแล้วว่า จำเลยอุทธรณ์เฉพาะที่โจทก์ฟ้องจำเลยเท่านั้น มิได้อุทธรณ์ข้อที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามที่ฟ้องแย้งอีก ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เรียกค่าธรรมเนียมตามฟ้องแย้งเพิ่ม จำเลยแถลงเข้ามาใหม่ว่าจำเลยอุทธรณ์เฉพาะฟ้องโจทก์ ไม่ประสงค์อุทธรณ์ในข้อฟ้องแย้งต่อไปและไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลตามฟ้องแย้ง ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ถือเอาคำแถลงของจำเลยเป็นข้อวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำสั่งใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิจารณาวินิจฉัยให้จำเลยเฉพาะแต่ที่เกี่ยวกับฟ้องโจทก์เท่านั้น กรณีไม่มีเหตุที่จะสั่งจำหน่ายคดี
of 4