พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม – การบรรยายรายละเอียดสภาพแห่งข้อหาไม่ชัดเจน ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าบำเหน็จจากจำเลย โดยบรรยายว่า โจทก์ทำการเป็นตัวแทนนายหน้าขายรถแทร็คเตอร์และอุปกรณ์เป็นเงินสด 628,512 บาท ซึ่งจำเลยจะต้องจ่ายค่าบำเหน็จให้โจทก์ร้อยละ 12 เป็นเงิน 75,421.64 บาท และโจทก์เป็นนายหน้าจัดหาผู้เช่าซื้อเข้าทำสัญญาเช่าซื้อรถแทร็คเตอร์และอุปกรณ์จากจำเลยหลายรายรวมเป็นค่าเช่าซื้อ 316,759.60 บาท รวมค่าบำเหน็จนายหน้าทั้งสิ้น 392,181.24 บาท จำเลยชำระให้บ้างแล้วยังค้างอยู่อีก 265,149.64 บาท มิได้บรรยายรายละเอียดโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่า โจทก์ได้กระทำการเป็นตัวแทนขายให้แก่จำเลยตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน โจทก์ได้จัดการชี้ช่องให้ผู้ใดมาเป็นผู้เช่าซื้อรถแทร็คเตอร์และอุปกรณ์ ทำสัญญากันเมื่อใด จำนวนรถกี่คัน ราคาคันละเท่าใด บุคคลใดเป็นผู้เช่าซื้อด้วยราคาเท่าใดและโจทก์ได้เก็บเงินค่าเช่าซื้อส่งมอบให้แก่จำเลยแล้วเท่าใด ทำให้จำเลยเสียเปรียบและต่อสู้คดีได้ไม่ถูกต้องและครบถ้วน เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม – การบรรยายรายละเอียดสภาพแห่งข้อหาไม่ชัดเจน ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าบำเหน็จจากจำเลยโดยบรรยายว่าโจทก์ทำการเป็นตัวแทนนายหน้าขายรถแทร็คเตอร์และอุปกรณ์เป็นเงินสด 628,512 บาทซึ่งจำเลยจะต้องจ่ายค่าบำเหน็จให้โจทก์ร้อยละ 12 เป็นเงิน 75,421.64 บาทและโจทก์เป็นนายหน้าจัดหาผู้เช่าซื้อเข้าทำสัญญาเช่าซื้อรถแทร็คเตอร์และอุปกรณ์จากจำเลยหลายรายรวมเป็นค่าเช่าซื้อ 316,759.60 บาท รวมค่าบำเหน็จนายหน้าทั้งสิ้น 392,181.24 บาท จำเลยชำระให้บ้างแล้วยังค้างอยู่อีก 265,149.64 บาท มิได้บรรยายรายละเอียดโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่า โจทก์ได้กระทำการเป็นตัวแทนขายให้แก่จำเลยตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน ขายรถให้ใครกี่คัน ราคาคันละเท่าใดผู้ซื้อได้ชำระราคาให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้วหรือไม่ โจทก์ได้จัดการชี้ช่องให้ผู้ใดมาเป็นผู้เช่าซื้อรถแทร็คเตอร์และอุปกรณ์ ทำสัญญากันเมื่อใด จำนวนรถกี่คัน ราคาคันละเท่าใดบุคคลใดเป็นผู้เช่าซื้อด้วยราคาเท่าใดและโจทก์ได้เก็บเงินค่าเช่าซื้อส่งมอบให้แก่จำเลยแล้วเท่าใด ทำให้จำเลยเสียเปรียบและต่อสู้คดีได้ไม่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอาญา: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดิน แปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัด สุวเทพและจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอาญาต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิดใหม่
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า 'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดินแปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัดสุวเทพ และจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า 'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษ ก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีเช็ค: วันที่ออกเช็คไม่ใช่ข้อสารสำคัญ การแก้ฟ้องต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
คำฟ้องกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2511 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจออกเช็คสั่งจ่ายเงินใน วันที่ 8 สิงหาคม 2511 มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เป็นคำฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้า เช่นนี้ ต้องถือเอาวันถึงกำหนดใช้เงินที่ลงไว้ในเช็คเป็นวันเวลากระทำผิด วันที่จำเลยออกเช็ค หรือวันที่เขียนเช็คส่งมอบให้โจทก์จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคำฟ้อง
การที่โจทก์ขอแก้วันที่จำเลยออกเช็คหรือวันที่เขียนเช็คให้โจทก์ในเวลาภายหลังต่อมา เท่ากับเป็นการแก้ไขในข้อที่ไม่ใช่ข้อสารสำคัญในคำฟ้องและเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่นำสืบรับว่าได้ออกเช็คตามฟ้องจริง แต่ออกให้คนอื่น ดังนี้ ไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือข้อที่โจทก์แก้ฟ้อง
ถึงแม้จะปรากฏว่าวันออกเช็คให้โจทก์หรือวันเขียนเช็คให้โจทก์ตามคำฟ้องจะเป็นวันหนึ่ง ทางพิจารณากลับเป็นอีกวันหนึ่งต่างกัน ก็มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสารสำคัญ และจำเลยหลงต่อสู้อันต้องแยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
การที่โจทก์ขอแก้วันที่จำเลยออกเช็คหรือวันที่เขียนเช็คให้โจทก์ในเวลาภายหลังต่อมา เท่ากับเป็นการแก้ไขในข้อที่ไม่ใช่ข้อสารสำคัญในคำฟ้องและเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่นำสืบรับว่าได้ออกเช็คตามฟ้องจริง แต่ออกให้คนอื่น ดังนี้ ไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือข้อที่โจทก์แก้ฟ้อง
ถึงแม้จะปรากฏว่าวันออกเช็คให้โจทก์หรือวันเขียนเช็คให้โจทก์ตามคำฟ้องจะเป็นวันหนึ่ง ทางพิจารณากลับเป็นอีกวันหนึ่งต่างกัน ก็มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสารสำคัญ และจำเลยหลงต่อสู้อันต้องแยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควร, ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ, ก่อนสืบพยาน
ฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด ก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดโดยอ้างว่าพิมพ์ตกไป เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในข้อนี้ ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ โดยถือว่าวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องที่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ: ศาลไม่อนุญาตหากเป็นการกล่าวอ้างการกระทำผิดใหม่
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยทุจริต ยักยอกเงินผลประโยชน์และเงินประเภทต่าง ๆ ของเทศบาลรวมเงิน 33,449 บาท 42 สตางค์ จำเลยให้การปฏิเสธ สืบพยาน 4 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องโดยแยกลักษณะ ประเภทเงิน และจำนวนเงินเพิ่มขึ้นอีก 155,079 บาท 76 สตางค์ และจำนวนเงินตามรายการที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่ ไม่ได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ และสอบสวนในข้อหาใหม่ดังนี้ คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์เป็นการกล่าวอ้างการกระทำผิดของจำเลยขึ้นใหม่ จึงทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติม ฟ้องไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตาม มาตรา 164 ตอนต้นของ ป.วิ.อ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องเพิ่มเติมในคดีอาญา: การกล่าวอ้างการกระทำผิดใหม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยทุจริต ยักยอกเงินผลประโยชน์และเงินประเภทต่างๆ ของเทศบาลรวมเงิน 33,449 บาท 42 สตางค์ จำเลยให้การปฏิเสธ สืบพยาน 4 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องโดยแยกลักษณะประเภทเงิน และจำนวนเงินเพิ่มขึ้นอีก 155,079 บาท 76 สตางค์ และจำนวนเงินตามรายการที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่ไม่ได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ และสอบสวนในข้อหาใหม่ดังนี้ คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์เป็นการกล่าวอ้างการกระทำผิดของจำเลยขึ้นใหม่จำเลยไม่มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วถึงการกระทำที่จำเลยถูกกล่าวหาขึ้นใหม่จึงทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 164 ตอนต้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องที่ขาดการลงชื่อ - ศาลมีอำนาจสั่งให้แก้ไขได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
สืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่า คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ โจทก์ยังมิได้ลงชื่อ ทั้งเป็นสำเนาด้วย โจทก์ขอส่งคำขอท้ายฟ้องอันแท้จริงใหม่ ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลย จำเลยว่าแล้วแต่ศาลจะสั่ง ดังนี้ ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของโจทก์ หาชอบไม่น่าจะเป็นความพลั้งเผลอของผู้ที่กลัดคำฟ้อง กลัดสับสนกันไป หากศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์จัดทำใหม่ให้ถูกต้อง ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายในการดำเนินคดี หรือต่อสู้คดีแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมวันเวลาทำผิดในฟ้องอาญา: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
การขอเพิ่มเติมฟ้องอ้างเหตุความพลั้งเผลอ ถือว่ามีเหตุสมควรตาม วิ.อาญา มาตรา 163 วรรคแรก
การขอเพิ่มเติมวัน เวลาทำผิดในฟ้องเดิม เป็นการขอเพิ่มเติมรายละเอียดตามวิ.อาญา ม.158(5) ซึ่งตาม วิ.อาญา ม.164 การขอเพิ่มเติมรายละเอียดที่มิได้กล่าวไว้เช่นนี้ ไม่ว่าทำในระยะใด ในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อนั้น ก็ให้รับคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์.
การขอเพิ่มเติมวัน เวลาทำผิดในฟ้องเดิม เป็นการขอเพิ่มเติมรายละเอียดตามวิ.อาญา ม.158(5) ซึ่งตาม วิ.อาญา ม.164 การขอเพิ่มเติมรายละเอียดที่มิได้กล่าวไว้เช่นนี้ ไม่ว่าทำในระยะใด ในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อนั้น ก็ให้รับคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์.