คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชำรุดบกพร่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: การซ่อมแซมต่อเนื่องทำให้สะดุดหยุดลง และการปฏิเสธความรับผิดทำให้เริ่มนับอายุความใหม่
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา474บัญญัติไว้ว่า"ในข้อรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องนั้นท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาหนึ่งปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง"โจทก์พบเสื้อเกียร์แตกครั้งแรกเมื่อวันที่27มีนาคม2532และจำเลยที่1ได้รับไปซ่อมเมื่อวันที่29มีนาคม2532แล้วนำมาส่งคืนเมื่อวันที่24สิงหาคม2532เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่1กระทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์แล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันที่29มีนาคม2532ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา172(เดิม)ต่อมาวันที่16ธันวาคม2532โจทก์ติดตั้งเกียร์ทดพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นครั้งที่2ใช้งานจนถึงวันที่25ธันวาคม2532ปรากฎว่าเสื้อเกียร์ได้แตกเหมือนเดิมจำเลยที่1ได้รับคืนไปซ่อมอีกแล้วส่งคืนโจทก์เมื่อวันที่9สิงหาคม2533และมีการติดตั้งเกียร์ทดพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นครั้งที่3จากนั้นวันที่20พฤศจิกายน2533โจทก์ได้ใช้เกียร์ทดพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวใช้ได้ประมาณ2ถึง3วันเสื้อเกียร์ก็แตกอีกดังนี้แสดงว่าจำเลยที่1ยังไม่สามารถแก้ไขความชำรุดบกพร่องในจุดเดิมคือที่เสื้อเกียร์ของเกียร์ทดและอุปกรณ์นั้นให้โจทก์สามารถใช้งานได้ตามปกติอันเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายในสัญญาอายุความจึงยับคงสะดุดหยุดลงอยู่ต่อมาโจทก์มีหนังสือแจ้งให้แต่จำเลยที่1ส่งช่างไปแก้ไขแต่จำเลยที่1กลับปฎิเสธความรับผิดเมื่อวันที่28พฤศจิกายน2533จึงเป็นเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นได้สิ้นสุดลงต้องเริ่มนับอายุความเดิม1ปีใหม่ตั้งแต่วันที่28พฤศจิกายน2533

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7502/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าจ้างจากสัญญาจ้างทำของที่ไม่ใช่การชำรุดบกพร่อง ใช้บังคับตามอายุความทั่วไป 10 ปี
กรณีตามคำฟ้องของโจทก์หาใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องอันมีอายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 601 ไม่บทบัญญัติแห่งมาตรา 601 นั้นใช้บังคับแก่กรณีที่เกิดขึ้นตามมาตรา 600 กล่าวคือถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา เมื่อได้ส่งมอบงานกันแล้วปรากฏว่างานที่จ้างมีการชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นภายหลัง จึงกำหนดให้ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้น แต่กรณีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าจ้างตามที่มีข้อสัญญาตกลงกันไว้เป็นพิเศษ โจทก์และจำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญานั้นซึ่งผูกพันกันอยู่อีกส่วนหนึ่งต่างหาก ถ้าการชำรุดบกพร่องนั้นเป็นกรณีที่จำเลยต้องรับผิด และจำเลยได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากโจทก์แล้วไม่ทำการซ่อมให้เป็นที่เรียบร้อยภายใน30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง โจทก์มีสิทธิจ้างผู้อื่นทำแทนและเรียกค่าจ้างที่ต้องเสียไปเพราะจ้างผู้อื่นทำแทนนั้นได้ เมื่อมีข้อสัญญาตกลงกันไว้เช่นนี้และจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตาม ย่อมถือว่าเป็นการผิดสัญญา ซึ่งเข้าลักษณะสัญญาจ้างธรรมดาโจทก์มีสิทธิฟ้องให้จำเลยผู้รับจ้างรับผิดต่อโจทก์ได้ กรณีดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปคือ 10 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 164 เดิม ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7502/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาจ้างเหมา: ต่างจากอายุความชำรุดบกพร่อง หากมีข้อตกลงพิเศษเรื่องการซ่อมแซม
กรณีตามคำฟ้องของโจทก์หาใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องอันมีอายุความ1ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา601ไม่บทบัญญัติแห่งมาตรา601นั้นใช้บังคับแก่กรณีที่เกิดขึ้นตามมาตรา600กล่าวคือถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาเมื่อได้ส่งมอบงานกันแล้วปรากฏว่างานที่จ้างมีการชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นภายหลังจึงกำหนดให้ฟ้องคดีภายใน1ปีนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นแต่กรณีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าจ้างตามที่มีข้อสัญญาตกลงกันไว้เป็นพิเศษโจทก์และจำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญานั้นซึ่งผูกพันกันอยู่อีกส่วนหนึ่งต่างหากถ้าการชำรุดบกพร่องนั้นเป็นกรณีที่จำเลยต้องรับผิดและจำเลยได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากโจทก์แล้วไม่ทำการซ่อมให้เป็นที่เรียบร้อยภายใน30วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งโจทก์มีสิทธิจ้างผู้อื่นทำแทนและเรียกค่าจ้างที่ต้องเสียไปเพราะจ้างผู้อื่นทำแทนนั้นได้เมื่อมีข้อสัญญาตกลงกันไว้เช่นนี้และจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามย่อมถือว่าเป็นการผิดสัญญาซึ่งเข้าลักษณะสัญญาจ้างธรรมดาโจทก์มีสิทธิฟ้องให้จำเลยผู้รับจ้างรับผิดต่อโจทก์ได้กรณีดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความทั่วไปคือ10ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164เดิมที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: เริ่มนับจากวันตรวจรับสินค้าโดยตัวแทน
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขาย เมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้า เมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่อง ตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกัน ต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้ว ดังนั้น การที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2531 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้น สิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2531 แล้ว หาใช่ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่ เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: เริ่มนับจากวันที่ตัวแทนผู้ซื้อตรวจพบความชำรุด ไม่ใช่วันที่ผู้ซื้อทราบ
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขาย เมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้า เมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่อง ตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกัน ต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้น การที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2531 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2531 แล้ว หาใช่ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่ เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: ตัวแทนตรวจรับสินค้าถือว่าผู้ซื้อทราบความชำรุดแล้ว
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขายเมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้าเมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่องตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกันต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้นการที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่18เมษายน2531จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่18เมษายน2531แล้วหาใช้ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้วฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: ตัวแทนรับสินค้าถือเป็นการพบเห็นความชำรุด
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขายเมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้าเมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่องตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกันต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้นการที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่18เมษายน2531จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่18เมษายน2531แล้วหาใช่ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้วฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีชำรุดบกพร่องสินค้า: นับแต่วันพบความชำรุด ไม่ใช่วันส่งมอบ
สัญญาซื้อขายเยื่อใยสั้นฟอกขาวซัลเฟต ชานอ้อย ข้อ 1 ข้อ 2และข้อ 4 ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่า ผู้ซื้อตกลงซื้อและผู้ขายตกลงขายสินค้าดังกล่าวมีรายการคุณภาพตามสัญญาข้อ 1.1 โดยผู้ขายรับรองว่าเยื่อใยสั้นฟอกขาวซัลเฟต ชานอ้อยที่ขายให้ผู้ซื้อมีคุณภาพไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ และเมื่อทำการตรวจสอบต้องมีคุณภาพไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ด้วย การตรวจสอบจะต้องให้ผู้ตรวจสอบในต่างประเทศทำการตรวจสอบและออกใบรับรองให้เป็นไปตามที่ตกลงซื้อขายกันเสียก่อนจึงจะส่งลงเรือได้ และผู้ซื้อจะให้สถาบันตรวจสอบวิเคราะห์ของทางราชการทำการตรวจสอบหรือวิเคราะห์คุณภาพ โดยให้ถือว่าผลการตรวจสอบหรือวิเคราะห์คุณภาพของสถาบันนี้เป็นที่สุด ถ้าเยื่อใยสั้นฟอกขาวซัลเฟต ชานอ้อยที่วิเคราะห์แล้วไม่เป็นไปตามรายการคุณภาพตามสัญญาข้อ 1.1 ผู้ซื้อจะรับไว้ทั้งหมดหรือไม่รับทั้งหมดหรือจะรับไว้เป็นบางส่วนก็ได้ ถ้าผู้ซื้อรับไว้ทั้งหมดหรือรับไว้เป็นบางส่วนก็ดี ผู้ซื้อจะลดราคาตามส่วนคุณภาพที่ด้อยลง ข้อสัญญานี้เป็นเรื่องความรับผิดเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อขาย โจทก์กล่าวในฟ้องยืนยันว่า จำเลยกระทำผิดข้อสัญญาโดยส่งมอบเยื่อใยสั้นฟอกขาวซัลเฟตชานอ้อยให้แก่โจทก์ แต่รายการคุณภาพความยาวเมื่อขาดหน่วยเป็นเมตรต่ำกว่าที่กำหนดไว้5,000 เมตร เป็น 4,180 เมตร การด้อยคุณภาพของเยื่อใยสั้นฟอกขาวซัลเฟตชานอ้อยดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำเยื่อใยยาวมาผสมเพิ่มขึ้นให้ได้มาตรฐานคิดเป็นจำนวน 276,083.58 บาท ขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้ขายรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามคำฟ้องแสดงชัดว่าโจทก์ฟ้องตามข้อสัญญาเรื่องความรับผิดเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อขายเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ฟ้องบังคับตามข้อสัญญาในเรื่องอื่น อีกทั้งตามสัญญาข้อ 7 และข้อ 8 ซึ่งเป็นกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญา อันมีผลทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือมีสิทธิเรียกเบี้ยปรับต่อกัน ก็มิได้กล่าวให้มีผลบังคับถึงสัญญาข้อ 4 ในเรื่องความรับผิดเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อขายแต่อย่างใด กรณีตามฟ้องจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดฐานส่งมอบสินค้าที่ชำรุดบกพร่องให้โจทก์ไม่ใช่ฟ้องให้รับผิดฐานผิดสัญญาซื้อขายจึงต้องห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 474

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: การฟ้องค่าซ่อมหม้อแปลงไฟฟ้าต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับจากพบความชำรุด
การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปในการซ่อมแซมหม้อแปลงไฟฟ้าที่จำเลยขายให้โจทก์ ซึ่งเกิดชำรุดขึ้นภายในระยะเวลาที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบ เป็นการฟ้องจำเลยให้รับผิดเพื่อชำรุดบกพร่อง มิใช่เป็นการฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซื้อขาย หรือเลิกสัญญากับจำเลย โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 474

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: จำเลยรับรองคุณภาพหม้อแปลงไฟฟ้า การฟ้องเรียกค่าซ่อมเป็นเรื่องชำรุดบกพร่อง ไม่ใช่ผิดสัญญา
การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปในการซ่อมแซมหม้อแปลงไฟฟ้าที่จำเลยขายให้โจทก์ ซึ่งเกิดชำรุดขึ้นภายในระยะเวลาที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบ เป็นการฟ้องจำเลยให้รับผิดเพื่อชำรุดบกพร่อง มิใช่เป็นการฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซื้อขาย หรือเลิกสัญญากับจำเลยโจทก์จึงต้องฟ้องจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 474.
of 4