คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ซักค้าน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2480

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพะยานที่แก้ไขภายหลังการเบิกความเดิม โดยจำเลยมิได้มีโอกาสซักค้าน ถือเป็นคำพะยานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พะยานที่ให้การถึงวันแลเวลาที่จำเลยกระทำผิดแล้วภายหลังจะยื่นคำร้องข้อก้วันแลเวลาที่จำเลยกระทำผิดใหม่ดังนี้ไม่ได้เพราะจำเลยไม่มีโอกาศซักค้าน ไม่ถือว่าเป็นคำพะยานที่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในเวลากลางวัน , ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดในเวลากลางคืน ดังนี้ต้องยกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซักค้านพยานจำเลยด้วยคำให้การชั้นสอบสวนเพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ
การถามคำพะยานจำเลยเพื่อให้แตกต่างกับคำของจำเลยที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนนั้น ถือว่าเป็นวิธีหนึ่งของการซักค้านพะยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีนอกคำขอและหลักการใช้พยานที่ไม่เปิดโอกาสให้ซักค้าน
บังคับคนนอกสำนวนเดิมมีการฟ้องกันเรื่องขอให้ส่งเด็กคืนสำนวนหนึ่งแล้วต่อมาบิดาของเด็กนั้นฟ้องโจทก์ในสำนวนก่อนนี้เป็นจำเลยขอให้ส่งเด็กซึ่งเป็นบุตรของตนคืนบ้าง ศาลสั่งให้พิจารณารวมกันแล้วกลับบังคับให้จำเลยในสำนวนก่อนนั้นคืนเด็กให้แก่โจทก์ในสำนวนใหม่นี้ เรียกว่าเป็นการที่ศาลบังคับคดีนอกคำขอผิดประเด็นผิดสำนวน
พะยาน
เอาคำพะยานซึ่งคู่ความไม่มีโอกาศซักค้านถามพะยานมาประกอบเป็นหลักฐานบังคับคดีอีกเรื่องหนึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานที่ไม่สามารถซักค้านได้ และพยานหลักฐานลบล้างกันในคดีอาญา
ลักษณพะยาน พะยานชั้นไต่สวนซึ่งจำเลยไม่มีโอกาศที่จะซักค้านได้นั้นฟังไม่ได้ วิธีพิจารณาอาญา หลักวินิจฉัยคำพะยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5671/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานก่อนฟ้องคดี: ความชอบด้วยกฎหมายและการให้โอกาสจำเลยซักค้าน
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้สืบพยานไว้ก่อนโดยคำร้องอ้างเหตุถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 237 ทวิ ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานให้และเห็นว่าไม่อาจตั้งทนายความให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ทัน จึงชอบด้วยเหตุผล ทั้งตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ทำในวันนั้นปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้แจ้งให้จำเลยทั้งสี่ทราบและให้โอกาสซักถามพยานได้ ซึ่งจำเลยทั้งสี่ไม่คัดค้าน โดยจำเลยที่ 1 เองก็ได้ซักถามพยานด้วยแต่จำเลยอื่นไม่ติดใจถามค้านตามบันทึกท้ายคำเบิกความ ส่วนที่ศาลชั้นต้นไม่ซักถามพยานนั้นเป็นดุลพินิจที่ทำได้โดยชอบ หากเห็นว่าคำเบิกความชัดเจนแล้ว ดังนี้การสืบพยานปากผู้เสียหายไว้ก่อนฟ้องคดีของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10238/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานจากคำให้การในชั้นสอบสวนในคดีอาญา ต้องมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งและจำเลยต้องมีโอกาสซักค้าน
โจทก์มีเวลาที่จะติดตามตัวผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาลนับแต่วันฟ้องถึงวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นเวลา 5 เดือนเศษ ระหว่างนั้นศาลชั้นต้นได้นัดพร้อม 2 ครั้ง เพื่อตรวจสอบผลการส่งหมายแก่พยานโดยกำชับโจทก์ให้เร่งติดตามผู้เสียหายมาศาลในวันนัดให้ได้ แต่พนักงานสอบสวนแถลงต่อศาลลอยๆ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ว่ายังไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัดของผู้เสียหาย ดังนั้น การที่โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความ จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง ศาลจึงไม่สามารถรับฟังสื่อภาพและเสียงคำให้การของผู้เสียหายในชั้นสอบสวน เสมือนหนึ่งเป็นคำเบิกความของผู้เสียหายในชั้นพิจารณาของศาลตาม ป.วิ.อ. มาตรา 172 ตรี วรรคท้าย ได้ คงรับฟังได้ในฐานะพยานบอกเล่าตามธรรมดาเท่านั้น
แม้จะได้ความจากเทปบันทึกภาพและเสียงคำให้การและบันทึกคำให้การของผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่า ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้งตั้งแต่ผู้เสียหายอายุได้ 10 ปีก็ตาม แต่การสอบสวนดังกล่าวมิได้กระทำต่อหน้าจำเลย จำเลยไม่มีโอกาสถ้ามค้านเพื่อให้ผู้เสียหายเบิกความถึงข้อเท็จจริงที่อาจเป็นการทำลายน้ำหนักพยานหลักฐานดังกล่าวของโจทก์ได้ ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าโจทก์มี ณ. เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดพังงา มาเบิกควายืนยันว่าผู้เสียหายเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังสอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหาย ก็เห็นได้ชัดว่า ณ. ได้รับการบอกเล่ามาจากผู้เสียหายอีกทีหนึ่ง คำเบิกความของ ณ. จึงไม่ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
เมื่อผู้เสียหายสมัครใจที่จะดำเนินคดีแก่จำเลย ผู้เสียหายก็น่าจะมาเบิกความต่อศาลให้เป็นที่สิ้นสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามที่ผู้เสียหายกล่าวหาจริง การที่โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาล จึงทำให้พยานโจทก์ยังตกอยู่ในความสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริงหรือไม่
of 2