คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตรวจพิสูจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ และการรับฟังรายงานผล
คู่ความตกลงท้ากันให้ส่งเอกสารไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ เพื่อพิสูจน์ลายมือชื่อ โดยมิได้ระบุตัวผู้เชี่ยวชาญไว้ ศาลย่อมส่งเอกสารไปให้ผู้เชี่ยวชาญของกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ คนใดคนหนึ่งตรวจพิสูจน์ก็ได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 130 เมื่อผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นเป็นหนังสือ และไม่มีความจำเป็น ศาลก็ไม่ต้องเรียกมาให้เบิกความรับรองหรืออธิบายด้วยวาจาอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมตรวจพิสูจน์เอกสารเพื่อพิสูจน์ลายมือ ถือเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่ผู้แพ้คดีต้องชดใช้
ค่าธรรมเนียมในการตรวจพิสูจน์เอกสาร เป็นค่าฤชาธรรมเนียม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันตามข้อตกลงท้าทายตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ: คำยืนยันตามหลักวิชาถือเป็นการยอมรับ
ท้ากันให้ตรวจพิสูจน์ลายเซ็นผู้ค้ำประกันในเอกสารที่โจทกอ้างเทียบเคียงกับลายเซ็นตัวอย่างของจำเลยว่าเป็นลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ถ้าผู้เชี่ยวชาญยืนยันหรือกล่าวทำนองยืนยันว่าเป็นของบุคคลคนเดียวกันแล้ว จำเลยยอมแพ้ หากปฏิเสธหรือกล่าวทำนองปฏิเสธ โจทก์ยอมแพ้ เมื่อผู้ตรวจพิสูจน์ลงความเห็นว่า น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ถือว่า มีลักษณะเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยัน ตรงตามคำท้าของคู่ความแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันตามคำท้าตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ: การยอมรับผลจากความเห็นผู้เชี่ยวชาญ
ท้ากันให้ตรวจพิสูจน์ลายเซ็นผู้ค้ำประกันในเอกสารที่โจทก์อ้างเทียบเคียงกับลายเซ็นตัวอย่างของจำเลยว่าเป็นลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ถ้าผู้เชี่ยวชาญยืนยันหรือกล่าวทำนองยืนยันว่าเป็นของบุคคลคนเดียวกันแล้ว จำเลยยอมแพ้หากปฏิเสธหรือกล่าวทำนองปฏิเสธโจทก์ยอมแพ้ เมื่อผู้ตรวจพิสูจน์ลงความเห็นว่า น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกัน ดังนี้ ถือว่า มีลักษณะเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยัน ตรงตามคำท้าของคู่ความแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานจากการตรวจพิสูจน์สัญญากู้ แม้จำเลยไม่ยินยอมชำระค่าอ้างรายงาน
โจทก์อ้างสัญญากู้และเสียค่าอ้างสำหรับสัญญากู้ไว้แล้วโดยชอบ จำเลยขอให้ศาลส่งสัญญากู้ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์และขออ้างรายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้นด้วย ทั้งจำเลยได้ยอมชำระค่าธรรมเนียมการตรวจพิสูจน์โดยครบถ้วน ถึง 2,000 บาท รายงานผลการตรวจพิสูจน์จึงเป็นเอกสารอันแท้จริง ในสำนวนเมื่อรายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้นเป็นพิรุธแก่จำเลย และขัดแย้งกับคำพยานบุคคลของจำเลยจำเลยจึงไม่ยอมเสียค่ารายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้น โดยจำเลยเห็นว่า ศาลจะได้ไม่รับฟังรายงานผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อรายงานผลการพิสูจน์นี้ปรากฏต่อศาล ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ตามนัย ป.วิ.พ. มาตรา 86 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5886/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ในคดีอาญา: ข้อจำกัดอัตราโทษและความชอบด้วยกฎหมาย
คดีความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีเท่านั้น หากพนักงานสอบสวนจะทำการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ พนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 131/1 วรรคสอง คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เป็นคดีความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี จึงไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติดังกล่าว
การที่พนักงานสอบสวนพบจำเลยนอนหมดสติอยู่บนเตียงผู้ป่วยและได้กลิ่นสุรา แต่ไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ จึงเป็นกรณีที่พันตำรวจโท ส. สงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราหรือไม่ พันตำรวจโท ส. จึงมีอำนาจที่จะทำการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 131/1 วรรคหนึ่ง การที่พันตำรวจโท ส. มีหนังสือขอให้แพทย์ผู้ตรวจรักษาจำเลยเก็บตัวอย่างเลือดของจำเลยเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จึงเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานเท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับความผิดที่จำเลยถูกกล่าวหาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 131 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 การสอบสวนของพันตำรวจโท ส. พนักงานสอบสวนจึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2562

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดถูกระงับ หากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการตรวจพิสูจน์ตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูฯ
ในชั้นสอบสวนจำเลยถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิด 2 ข้อหา คือ ความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) และความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) แต่ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (แอมเฟตามีน) จำเลยย่อมหลุดพ้นจากผู้ต้องหาหรือมิได้ต้องหาในความผิดดังกล่าว ต่อมาได้โอนคดีให้สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงสุพรรณบุรีฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เป็นคดีนี้อันต้องด้วยเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง ในส่วนที่บัญญัติว่า "...ถ้าไม่ปรากฏว่าต้องหาหรือไม่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก..." ดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่บัญญัติในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง โดยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการนำตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดต่อไป เมื่อโจทก์มิได้ปฏิบัติดังกล่าวมาแต่แรกเป็นเหตุให้จำเลยต้องสูญเสียสิทธิอันพึงจะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามหลักการและเหตุผลในการออก พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8962/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเสพยาเสพติด ต้องส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจพิสูจน์การติดยาเสพติดก่อน หากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีฐานขับขี่เสพยา
แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องได้ความว่า จำเลยถูกพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดสองฐาน คือ ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนนั้นเป็นความผิดฐานอื่น ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่ความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนนั้น เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนที่ควรส่งตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดเสียแต่แรก เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีแล้วพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีมีคำสั่งไม่ฟ้องจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนและผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ไม่โต้แย้งคำสั่ง เช่นนี้ เท่ากับพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน ย่อมส่งผลให้จำเลยมิได้ตกเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนอีกต่อไป และต้องหาเพียงความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนเพียงข้อหาเดียว จึงเข้าเงื่อนไขที่จะได้รับการส่งตัวไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 ทั้งการที่พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อันเป็นเหตุยกเว้นที่พนักงานสอบสวนสามารถส่งตัวผู้ต้องหาไปศาลเกินกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงได้ ดังนั้น เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน และยังไม่มีการส่งตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด พนักงานสอบสวนต้องนำตัวจำเลยไปศาลเพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดเสียก่อน การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง ดังกล่าว จึงทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7123/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสุ่มตรวจยาเสพติดและหลักวิชาการสถิติ: การรับฟังผลการตรวจพิสูจน์
การที่ผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสุ่มตรวจเมทแอมเฟตามีนที่บรรจุหีบห่อในอัตราร้อยละ 10 กระจายไปตามซองที่บรรจุอยู่ในมัด โดยไม่ได้นำปะปนกันเป็นวิธีการสุ่มตัวอย่าง ย่อมทำให้ตัวอย่างเม็ดวัตถุที่เก็บมาจากแต่ละซองสามารถเฉลี่ยเป็นตัวแทนของเม็ดวัตถุที่อยู่ในซองแต่ละซองในมัดดังกล่าวได้ทั้งหมด ตามหลักวิชาการวิจัยและสถิติ ดังนั้น ปริมาณสารเมทแอมเฟตามีนที่คำนวณได้ตามผลรายงานการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีดังกล่าว จึงเป็นไปตามหลักวิชาการวิจัยและสถิติที่รับฟังได้
of 2