พบผลลัพธ์ทั้งหมด 29 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์ในตลาด การคุ้มครองผู้ซื้อโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1332 และการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 3 อ้างเหตุว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 ซึ่งมีหลักฐานทางทะเบียนถูกต้องและเป็นผู้ครอบครองรถในขณะที่นำมาขายในตลาดนัดซื้อขายแลกเปลี่ยนและมีการซื้อขายมาหลายทอด จำเลยที่ 3 รับซื้อมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต เป็นการซื้อในท้องตลาดจากพ่อค้าผู้ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1332 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 3 ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 3หรือไม่ ย่อมเป็นการไม่ชอบ.
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 3 ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 3หรือไม่ ย่อมเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาสินค้าศุลกากร: การประเมินราคาที่แท้จริงตามสภาพตลาดและปัจจัยเปลี่ยนแปลง
โจทก์นำกระจกเข้ามาในราชอาณาจักรและสำแดงราคาเพื่อเสียภาษีอากรตามที่ซื้อมา แต่เป็นราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าซึ่ง จำเลยได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้ากระจกที่โจทก์นำเข้าในครั้งก่อน ๆ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างเวลานำเข้านั้นราคากระจกลดลงเพราะราคาน้ำมันดิบลดลง ค่าขนส่งลดลง เงินฟรังก์ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่โจทก์ซื้อกระจกมีค่าต่ำลง และบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวถูกยกเลิกโดยบริษัทผู้ผลิตและใช้บัญชีใหม่แทน จำเลยจึงไม่อาจใช้ราคาตามที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มราคากระจกและเก็บภาษีอากรเพิ่มเติมจากโจทก์ได้ ราคากระจกที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามความในมาตรา 2 ของ พ.ร.บ. ศุลกากรพุทธศักราช 2469 การเสียภาษีอากรของโจทก์ตามราคาที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแผงลอยในตลาด: พิจารณาว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือไม่
แผงลอยพิพาทอยู่ในตลาดซึ่งเป็นที่ขายของจำพวกอาหารมีลักษณะเป็นพื้นและฝากั้นแบ่งเป็นช่อง ๆ ซึ่งเป็นที่วางของขายบนพื้นดิน ประกอบกับคำฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันขนสินค้าเข้าไปขายในที่พิพาทอีกอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ คำว่าที่พิพาทตามคำฟ้องจึงมีความหมายอยู่ในตัวว่าเป็นพื้นดิน ฉะนั้นแผงลอยพิพาทตามฟ้องจึงหมายถึงพื้นดินอันเป็นที่ตั้งของแผงลอยจึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ มิใช่แผงลอยทั่วๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาว่าแผงลอยในตลาดเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ พิจารณาจากลักษณะและคำฟ้อง
แผงลอยพิพาทอยู่ในตลาดซึ่งเป็นที่ขายของจำพวกอาหารมีลักษณะเป็นพื้นและฝากั้นแบ่งเป็นช่องๆ ซึ่งเป็นที่วางของขายบนพื้นดิน ประกอบกับคำฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันขนสินค้าเข้าไปขายในที่พิพาทอีกอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ คำว่าที่พิพาทตามคำฟ้องจึงมีความหมายอยู่ในตัวว่าเป็นพื้นดินฉะนั้นแผงลอยพิพาทตามฟ้องจึงหมายถึงพื้นดินอันเป็นที่ตั้งของแผงลอย จึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ มิใช่แผงลอยทั่วๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1833/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกตลาดหลังสิ้นสุดสัญญาเช่ารายวัน แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษรก็ถือเป็นความผิด
เดิมตลาดที่เกิดเหตุเป็นของมารดาผู้เสียหาย จำเลยเป็นพ่อค้าเป็ดพะโล้และลูกชิ้นทอดเข็นรถเข้าไปตั้งขายตรงทางเดินอันเป็นส่วนหนึ่งของตลาดดังกล่าวมาหลายปี โดยชำระค่าเช่าเป็นรายวันไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน ต่อมามารดาผู้เสียหายถึงแก่กรรมได้ทำพินัยกรรมยกตลาดให้ผู้เสียหายจำเลยชำระค่าเช่าบ้างไม่ชำระบ้าง ผู้เสียหายจึงให้เจ้าพนักงานตำรวจเรียกจำเลยมาแจ้งไม่ให้เข้าไปขายของในตลาดพิพาท จำเลยยังขืนนำรถเข็นเข้าไปขายของดังที่เคยทำมา เช่นนี้การเช่าของจำเลยเป็นการเช่ารายวัน และพอสิ้นวันหนึ่ง ๆ จำเลยก็ได้ออกไปจากตลาด การครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลงเป็นวัน ๆ เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยเข้าไปขายของในตลาดอีกต่อไป จำเลยยังขืนเข้าไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยมิชอบ: ผู้ซื้อสุจริตในตลาดมีสิทธิไม่คืนทรัพย์ให้เจ้าของเดิม หากเจ้าของเดิมไม่ชดใช้ราคาซื้อ
แม้จะปรากฏว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของโจทก์ไม่ใช่ของจำเลย แต่ผู้ร้องได้ซื้อมาโดยสุจริตในท้องตลาดผู้ร้องไม่จำต้องคืนให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงเว้นแต่ โจทก์จะชดใช้ราคาที่ซื้อมา ซึ่งเป็นสิทธิอย่างหนึ่งที่ผู้ร้องได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ดังกล่าวโดยไม่ชดใช้ราคา ที่ผู้ร้องซื้อมาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าตลาด: ค่าเช่าคำนวณจากรายได้ทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะเงินประมูลเช่าช่วง
จำเลยทำสัญญาเช่าตลาดสดจากโจทก์โดยมีข้อสัญญาว่า จำเลยผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้ในอัตราเดือนละ 30 เปอร์เซนต์ของเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายในกรณีที่จำเลยเป็นผู้ดำเนินการเก็บค่าเช่าเอง หรือในกรณีที่มีการให้ประมูลเช่าช่วงไปนอกจากนั้นหากจำเลยให้มีประมูลไปบางส่วนและดำเนินการเองบางส่วนรายได้ของจำเลยในส่วนนี้ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เช่นเดียวกันดังนี้ ตามข้อสัญญาดังกล่าวจำเลยผู้เช่าจึงต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์ในอัตราเดือนละ 30 เปอร์เซนต์ของเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายไม่ว่ากรณีจำเลยผู้เช่าเก็บค่าเช่าเองหรือกรณีจำเลยผู้เช่าให้ประมูลเช่าช่วงไปทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ใช่ชำระค่าเช่าเพียงอัตราร้อยละ 30 ของจำนวนเงินที่บุคคลอื่นประมูลเช่าช่วงไปหากจำนวนเงินที่ประมูลเช่าช่วงนั้นต่ำกว่ารายได้ทั้งหมดของตลาดที่แท้จริง ในเมื่อคดีฟังได้ว่าเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดได้รับมากกว่าค่าเช่าที่จำเลยให้ผู้อื่นประมูลเช่าช่วงไป แต่จำเลยกลับชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียงร้อยละ 30 ของจำนวนเงินค่าเช่าที่ได้จากการประมูลเช่าช่วงดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363-393/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตลาดในวัดเป็นพื้นที่เอกชน การค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตผิดเทศบัญญัติ
ตลาดที่จัดตั้งขึ้นในบริเวณวัดแม้จะได้รับอนุญาตให้จัดตั้งหรือไม่ก็ตาม ก็ยังเป็นสถานที่เอกชน ผู้ที่นำของไปขายในสถานที่นั้นโดยมิได้รับอนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลย่อมเป็นความผิดต่อเทศบัญญัติซึ่งออกตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้เทศบาลสร้างตลาดโดยไม่มีเงื่อนไขผูกพันการคืนที่ดินภายหลัง
โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้เทศบาลเพื่อเทศบาลจะได้จัดสร้างตลาด เมื่อไม่มีเงื่อนไขว่าเทศบาลจะต้องทำเป็นตลาดนานเท่าใด และหากเมื่อใดเทศบาลไม่ใช้เป็นตลาดแล้ว จะต้องคืนที่พิพาทให้โจทก์ เช่นนี้แล้ว ต่อมาเทศบาลก็ได้สร้างตลาดตรงที่พิพาทสิ้นเงินไปถึง 40,000 บาท นับว่าเทศบาลได้ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขที่โจทก์ประสงค์แล้ว แม้ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนตัวนายกเทศมนตรีใหม่ จึงมีการเปลี่ยนแปลงตลาดนี้เป็นโรงมหรสพไป โจทก์ก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างเพื่อขอคืนที่ดินนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้เทศบาลเพื่อสร้างตลาด โดยไม่มีเงื่อนไขการคืนที่ดิน ทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนได้
โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้เทศบาลเพื่อเทศบาลจะได้จัดสร้างตลาด เมื่อไม่มีเงื่อนไขว่าเทศบาลจะต้องทำเป็นตลาดนานเท่าใด และหากเมื่อใดเทศบาลไม่ใช้เป็นตลาดแล้ว จะต้องคืนที่พิพาทให้โจทก์ เช่นนี้แล้ว ต่อมาเทศบาลก็ได้สร้างตลาดตรงที่พิพาทสิ้นเงินไปถึง 40,000 บาท นับว่าเทศบาลได้ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขที่โจทก์ประสงค์แล้ว แม้ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนตัวนายกเทศมนตรีใหม่ จึงมีการเปลี่ยนแปลงตลาดนี้เป็นโรงมหรสพไป โจทก์ก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างเพื่อขอคืนที่ดินนี้ได้