คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตำแหน่งหน้าที่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือจากที่ได้รับมอบหมาย ไม่เข้าข่ายความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติงานด้านธุรการ ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานทะเบียนราษฎร์และงานบัตรประจำตัวประชาชน เมื่อโจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยกระทำมิชอบเกี่ยวกับงานด้านทะเบียนราษฎร์และงานบัตรประจำตัวประชาชนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148,157 และ 162จำเลยจึงไม่อาจกระทำความผิดตามบทกฎหมายมาตราดังกล่าวได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6106/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: การทวงถามค่าเสียหายในฐานะผู้รับผิดชอบตามตำแหน่งหน้าที่ ไม่ถือเป็นการเริ่มนับอายุความ
การที่โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายโดยหนังสือดังกล่าวมีข้อความว่าทรัพย์สินที่หายไปอยู่ใน ความรับผิดชอบของจำเลยจึงแจ้งให้จำเลยในฐานะผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าวชดใช้ทรัพย์สินแก่โจทก์ ภายในกำหนด 3 วันนั้น ย่อมเป็นการทวงถามให้ชดใช้ค่าเสียหายในฐานะผู้รับผิดชอบตามตำแหน่งหน้าที่เท่านั้น ไม่ใช่ในฐานะผู้ทำละเมิด อายุความจึงยังไม่เริ่มนับต่อเมื่อโจทก์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบ และโจทก์ทราบผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2524 ว่า ผู้ต้องรับผิดคือจำเลย โจทก์ฟ้องจำเลยในวันที่ 6 พฤษภาคม 2524 ไม่เกิน 1 ปี นับจากทราบผลดังกล่าว ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่: เมื่อเจ้าพนักงานไม่มีความผิด ผู้สนับสนุนก็ไม่มีความผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์อันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่3 ไม่ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการแล้วจำเลยที่ 5จึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการด้วย คงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรกเท่านั้น แม้จำเลยที่ 5 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5581/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันนายทะเบียนจงใจรับแจ้งย้ายที่อยู่เท็จ เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และแจ้งข้อความเท็จ
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกำนันและนายทะเบียนตำบลรู้ว่าห. ซึ่งเป็นลูกบ้านของตนอยู่บ้านเลขที่ 249 มิใช่บ้านเลขที่ 363 เมื่อจำเลยที่ 1 มาแจ้งขอย้ายชื่อ ห. จากทะเบียนบ้านเลขที่ 159 ไปอยู่บ้านเลขที่ 363 จำเลยที่ 3ย่อมรู้ได้ทันทีว่าข้อความในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17เป็นเท็จ จำเลยที่ 3 ลงชื่อในฐานะนายทะเบียนตำบลในเอกสารดังกล่าว จึงเป็นการลงชื่อรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 แจ้งย้ายที่อยู่ของ ห. ซึ่งจำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และยังรับแจ้งในฐานะนายทะเบียนตำบล เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162(1),157 ในฟ้องเดียวกันโจทก์อาจบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามกรอกข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 และบรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความในเอกสารร่วมกันปลอมลายมือชื่อ ห. โดยอาศัยโอกาสที่จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชนซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4023/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปีมิจำกัดตามตำแหน่งหน้าที่ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีนั้น ประกาศกระทรวงมหาดไทยฯได้กำหนดไว้ตาม ข้อ 45 โดยเฉพาะมิได้เกี่ยวด้วยข้อ 36 ถึงข้อ 42 ข้อ 43 และข้อ 44 ประการใด สิทธิของลูกจ้างตามข้อ 45 จะเกิดมีขึ้นต่อเมื่อถูกเลิกจ้าง ซึ่งต่างกว่าค่าทำงานในวันหยุดประเภทอื่นที่ลูกจ้างอาจเรียกร้องได้ในระหว่างทำงาน ดังนั้น ตำแหน่งหน้าที่ของลูกจ้างที่เรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี จึงไม่มีเกณฑ์จำกัดสิทธิตามตำแหน่งหน้าที่ไว้ดังวันหยุดประเภทอื่น แม้โจทก์จะเป็นลูกจ้างชั้นผู้บังคับบัญชาก็มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4403/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พนักงานที่ดินเอื้อประโยชน์ภริยาซื้อขายที่ดินให้กรมทางหลวง เสียผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่
จำเลยเป็นพนักงานที่ดินอำเภอ มีหน้าที่ออกหนังสือสำคัญ สำหรับที่ดินและการรังวัดเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เมื่อกรมทางหลวงจะสร้างศูนย์เครื่องมือกลในอำเภอ การที่ภริยาจำเลย รับโอนที่ดินจากราษฎรแล้วนำไปขายต่อให้กรมทางหลวงก่อสร้าง ศูนย์เครื่องมือกล จึงเป็นการได้ผลประโยชน์มาโดยมิชอบ เนื่องมาจาก การที่จำเลยได้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินและ โอนขายที่ดิน ซึ่งเป็นการกระทำในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3907/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดี: หนังสือมอบอำนาจระบุถึงบุคคลที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่ ไม่ใช่การฟ้องนิติบุคคล
ข้อความในหนังสือมอบอำนาจระบุชัดว่าให้ยื่นฟ้อง'อธิบดีกรมที่ดิน' โดยเฉพาะข้อความต่อไปที่ว่า 'ในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่' และ ' ได้ปฏิบัติและละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ไปในทางมิชอบในขณะที่ ดำรงตำแหน่งอยู่' แสดงให้เห็นว่าให้ยื่นฟ้องบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมที่ดิน ไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงว่าประสงค์ให้ฟ้องกรมที่ดิน ในฐานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งต้องรับผิดในความเสียหายที่ผู้จัดการหรือ ผู้แทนอื่นๆได้ก่อให้เกิดขึ้นที่โจทก์อ้าง ว่ามีเจตนาให้ฟ้องกรมที่ดินนั้น เห็นว่าความดังกล่าวแปลได้เพียงว่าเป็นการมอบอำนาจให้ฟ้อง ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินในฐานะตำแหน่งหน้าที่ราชการเท่านั้น ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้องกรมที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานหลอกลวงประชาชนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเข้าข่ายความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน มีหน้าที่ด้านพัฒนาชุมชนโดยเป็นผู้วางแผนหรือวางโครงการพัฒนาท้องถิ่นร่วมกับราษฎรและติดต่อประสานงานระหว่างราษฎรกับทางราชการ จำเลยเป็น ผู้วางโครงการจัดสร้างทำนบฝายน้ำล้นตามความต้องการของราษฎร เพื่อเสนอให้ พ. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนำไปชี้แจงขอรับ เงินจัดสรร จากรัฐบาล การที่จำเลยหลอกลวงเอาเงินราษฎรที่ เข้าร่วมประชุมด้วยการเสนอข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปมอบ ให้ พ.เป็นค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้นขอจัดสรรเงินจากทางราชการ และเอาเงินนั้นไว้เป็นของตนจึงเป็นการ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวมิได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบแม้จะเป็นการจูงใจ ให้ราษฎรที่ประชุมมอบเงินหรือทรัพย์สินให้แก่จำเลยก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148
การกระทำอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น ถือเอาเจตนาแสดง ข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอก ให้แจ้งแก่ประชาชนเป็นข้อสำคัญ มิได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อยเป็นเกณฑ์ การที่ จำเลยหลอกลวงเอาเงินจากราษฎรที่มาประชุมจัดสร้างทำนบ ฝายน้ำล้นแม้บุคคลที่ถูกจำเลยหลอกลวงจะมีหลายคน ก็ถือ ไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน ตามมาตรา 343
คดีที่โจทก์ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222แต่ข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้นไม่พอแก่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานใน สำนวนเพิ่มเติมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันในฐานะตำแหน่งหน้าที่ราชการผูกพันเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งขณะนั้น เมื่อย้ายแล้วพ้นความรับผิดชอบ
นายอำเภอค้ำประกันการชำระหนี้ค่าซื้อเชื่อปุ๋ยในฐานะที่ดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ตามคำสั่งของกรมการปกครอง มิใช่ค้ำประกันในฐานะส่วนตัวสัญญาค้ำประกันดังกล่าวผูกพันผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอในขณะที่ดำรงตำแหน่งนั้น เมื่อนายอำเภอย้ายไปย่อมหมดความรับผิดชอบ นายอำเภอผู้ย้ายมาแทนก็ต้องรับผิดชอบต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการคืนของกลาง ยึดถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ได้ออกตรวจท้องที่ตามปกติและได้พบเลื่อยวงเดือน 2 ใบ ของ ส. ซึ่งจำเลยเชื่อว่าเป็นเครื่องมือที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จึงยึดไว้เป็นของกลางแล้วจำเลยเรียกเอาเงิน 500 บาทจาก ส. เป็นการไถ่ใบเลื่อยคืน ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แล้ว
of 4