คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ติชม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นติชมการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพระภิกษุโดยสุจริต ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปกครองทางด้านการแสดงภาพยนตร์และเป็นเจ้าของไข้ของ จ. ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์จำเลยที่ 2 ว่า "นอกจากไม่นับถือ ไม่เชื่อถือแล้ว ยังเห็นว่าศิษย์ตถาคตผู้นุ่งเหลืองห่มเหลือง ประพฤติตัวไม่อยู่ในสมณวิสัยด้วย"และ "ทุก ๆ วันที่ปัญหาเดือดร้อนรำคาญมากกับหมอเถื่อน หมอดีทั้งที่เป็นฆราวาส ทั้งห่มผ้าเหลือง วันหนึ่ง ๆ มีเป็นสิบ ๆ คนไปรออยู่หน้าห้อง กล้องถ่ายรูปก็พร้อม เราก็กันไว้ไม่ให้ไปเพราะการรักษาควรจะเป็นเรื่องของแพทย์ เปิ้ลจะหายหรือไม่ก็อยู่ที่หมอไม่ใช่อยู่กับคนที่ยืนสวดมนต์ ชักลูกประคำพวกนี้ อยากจะบอกฝากไปถึงด้วยว่า ถ้าอยากดังนักก็ขอให้ไปดังที่อื่น คนป่วยของผมต้องการพักผ่อนอย่าได้ไปรบกวนกันเลย" การที่จำเลยที่ 1 กล่าวเช่นนั้นเนื่องจากโจทก์ที่ 2 เป็นพระภิกษุ ได้ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้แก่ จ. ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดแพทย์ห้ามเยี่ยมในห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาลที่ จ. นอนพักรักษาตัวอยู่ชิดเตียงที่ จ. นอนป่วยอันเป็นสิ่งไม่ควรปฏิบัติตามวิสัยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา อันมีเหตุให้จำเลยที่ 1 เชื่อโดยสุจริตว่าการกระทำของโจทก์มิใช่กิจอันอยู่ในสมณวิสัย จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมหรือติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งการประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุในศาสนาประจำชาติ อันเป็นวิสัยของจำเลยที่ 1 ชอบที่จะกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)(3) จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ลงข้อความดังกล่าวจึงไม่มีความผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นติชมการประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปกครองทางด้าน การแสดงภาพยนตร์และเป็นเจ้าของไข้ ของ จ. ได้ กล่าวต่อ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์จำเลยที่ 2ว่า "นอกจากไม่นับถือ ไม่เชื่อถือแล้ว ยังเห็นว่าศิษย์ตถาคตผู้นุ่งเหลืองห่ม เหลือง ประพฤติตัว ไม่อยู่ในสมณ วิสัยด้วย" และ"ทุก ๆ วันที่ปัญหาเดือดร้อนรำคาญมากกับหมอเถื่อน หมอ ดี ทั้งที่เป็นฆราวาส ทั้งห่ม ผ้าเหลือง วันหนึ่ง ๆ มีเป็นสิบ ๆ คนไปรออยู่หน้าห้อง กล้องถ่ายรูปก็พร้อม เรา ก็กันไว้ไม่ให้ไป เพราะการรักษาควรจะเป็นเรื่องของแพทย์ เปิ้ล จะหายหรือไม่ก็อยู่ที่หมอ ไม่ใช่อยู่กับคนที่ยืนสวดมนต์ ชักลูกประคำพวกนี้ อยากจะบอกฝากไปถึงด้วยว่าถ้า อยากดัง นัก ก็ขอให้ไปดัง ที่อื่น คนป่วยของผมต้องการพักผ่อนอย่าได้ ไปรบกวนกันเลย" การที่จำเลยที่ 1 กล่าวเช่นนั้นเนื่องจากโจทก์ซึ่ง เป็นพระภิกษุได้ ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ให้แก่ จ. ซึ่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง ขนาดแพทย์ห้ามเยี่ยมในห้องพักคนไข้ ของโรงพยาบาลที่ จ. นอนพักรักษาตัว อยู่ชิด เตียง ที่ จ. นอนป่วยอันเป็นสิ่งไม่ควรปฏิบัติตามวิสัยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา อันมีเหตุให้จำเลยที่ 1 เชื่อ โดยสุจริตว่าการกระทำของโจทก์มิใช่กิจ อันอยู่ในสมณ วิสัย จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ตาม คลองธรรม หรือติชมด้วย ความเป็นธรรมซึ่ง การประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุในศาสนาประจำชาติ อันเป็นวิสัยของจำเลยที่ 1 ชอบที่จะกระทำได้ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา329(1)(3) จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐาน หมิ่นประมาท ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่ง เป็นเจ้าของและเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ลงข้อความดังกล่าวจึงไม่มีความผิดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทผ่านสื่อสิ่งพิมพ์: การติชมด้วยความเป็นธรรมและการเจตนา
จำเลยเป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณาและเจ้าของหนังสือพิมพ์ที่พิมพ์จำหน่ายแพร่หลายแก่บุคคลทั่วไปในเขตจังหวัดอุบลราชธานีและเป็นเจ้าของนามปากกาว่า "ขุนช้าง" จำเลยได้ลงข่าวเกี่ยวกับโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานีมีข้อความว่า "ชอบใจที่ พล.อ.สิทธิ จิรโรจน์ ร.ม.ต.มหาดไทยกล่าวว่า ทำไมผู้กำกับจึงมาร้องตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่เรื่องมีมานานขุนช้างว่าคงพึ่งคิดวิธีทำอาญาให้เป็นแพ่งได้กระมังจริงไหมครับพ.ต.อ.นิยม ไกรลาศ" อันเป็นข้อความที่เกี่ยวโยงกับกรณีกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่การเงินกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ร่วมยักยอกเงินของทางราชการจำนวนหลายล้านบาทย่อมทำให้บุคคลทั่วไปที่ได้อ่านข้อความที่จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเข้าใจว่าโจทก์ร่วมรู้เห็นในการทุจริตยักยอกเงินของทางราชการข้อความที่จำเลยลงโฆษณานอกจากจำเลยอ้างถึงข้อความที่พลเอกสิทธิ จิรโรจน์ กล่าวดังกล่าวแล้วจำเลยไม่ได้อ้างถึงข้อความจริงอันใดให้จำเลยแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น ทั้งผู้ได้อ่านก็ไม่ได้รู้ถึงความจริงอันควรเชื่อหรือไม่ว่าเป็นดังจำเลยกล่าว แต่จำเลยยืนยันข้อเท็จจริงให้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์เชื่อว่าโจทก์ร่วมรู้เห็นในการทุจริต จึงไม่ใช่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ทั้งไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ข้อความที่จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวจึงเป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 และเมื่อเป็นความผิดตามมาตรานี้แล้ว ก็ไม่ต้องยกมาตรา 326 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2818/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกล่าวติชมในที่ประชุมสภาเทศบาล ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
การที่จำเลยซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเป็นเจ้าพนักงานในเทศบาลผู้หนึ่งได้กล่าวอภิปรายในที่ประชุมสมาชิกสภาเทศบาลนั้น มิใช่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของนายกเทศมนตรี และถ้อยคำที่จำเลยกล่าวก็เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรมในฐานะที่จำเลยเป็นผู้เสนอญัตติและเพื่อให้สมาชิกสภาเทศบาลรับทราบเรื่องที่จำเลยได้เสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุม จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นประมาทโจทก์ ตามรายงานกระบวนพิจารณาครั้งสุดท้ายมีว่าคู่ความมีการเจรจาเพื่อตกลงกันโดยศาลช่วยไกล่เกลี่ยและศาลเห็นว่าคู่ความมีทางตกลงกันได้โดยโจทก์ขอเวลาไปไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจ ขอให้ศาลเลื่อนการฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งไปก่อนเช่นนี้ ถือได้ว่าผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นผู้นั่งพิจารณาคดีนี้แล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณานี้จะมิได้นั่งพิจารณาสืบพยานโจทก์โดยตลอดคงทำการพิจารณาและจดรายงานกระบวนพิจารณาครั้งสุดท้ายเพียงครั้งเดียวผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณานี้ชอบที่จะทำคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2818/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานกล่าวติชมในที่ประชุมสภาเทศบาล ไม่เป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือหมิ่นประมาท
การที่จำเลยซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเป็นเจ้าพนักงานในเทศบาลผู้หนึ่งได้กล่าวอภิปรายในที่ประชุมสมาชิกสภาเทศบาลนั้นมิใช่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของนายกเทศมนตรี และถ้อยคำที่จำเลยกล่าวก็เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรมในฐานะที่จำเลยเป็นผู้เสนอญัตติ และเพื่อให้สมาชิกสภาเทศบาลรับทราบเรื่องที่จำเลยได้เสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุมจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นประมาทโจทก์
ตามรายงานกระบวนพิจารณาครั้งสุดท้ายมีว่าคู่ความมีการเจรจาเพื่อตกลงกันโดยศาลช่วยไกล่เกลี่ยและศาลเห็นว่าคู่ความมีทางตกลงกันได้ โดยโจทก์ขอเวลาไปไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจ ขอให้ศาลเลื่อนการฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งไปก่อนเช่นนี้ถือได้ว่าผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นผู้นั่งพิจารณาคดีนี้แล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณานี้จะมิได้นั่งพิจารณาสืบพยานโจทก์โดยตลอดคงทำการพิจารณาและจดรายงานกระบวนพิจารณาครั้งสุดท้ายเพียงครั้งเดียวผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณานี้ชอบที่จะทำคำพิพากษาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นติชมการทุจริตในการสอบเข้างานเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตและป้องกันส่วนได้เสีย
เมื่อมีพฤติการณ์ที่ทำให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจว่า ผู้เสียหายทุจริตในขณะเป็นกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ จำเลยจึงกล่าวข้อความเช่นนั้นในขณะพูดหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) และเนื่องจากจำเลยเป็นผู้สมัครสอบในครั้งนั้นด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามมาตรา 329 (1) อีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การติชมด้วยความสุจริตเพื่อประโยชน์สาธารณะและการป้องกันส่วนได้เสีย ย่อมได้รับการยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท
เมื่อมีพฤติการณ์ที่ทำให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจว่าผู้เสียหายทุจริตในขณะเป็นกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการจำเลยจึงกล่าวข้อความเช่นนั้นในขณะพูดหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วยจึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) และเนื่องจากจำเลยเป็นผู้สมัครสอบในครั้งนั้นด้วยการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามมาตรา 329(1)อีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3316/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การใส่ความทำให้เสียชื่อเสียงโดยไม่มีเจตนาติชมเพื่อประโยชน์สาธารณะ
โจทก์เป็นผู้ควบคุมการสร้างท่อประปาที่สี่แยกคลองโพธิ์อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย การก่อสร้างท่อประปาดังกล่าวไม่ถูกแบบแปลนและไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด แต่ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติว่ามีการทุจริตหรือไม่ จำเลยที่ 1 ได้เขียนข้อความลงในหนังสือพิมพ์ว่าโจทก์เป็นข้าราชการที่เคยคดในข้องอในกระดูก ฉ้อราษฎร์บังหลวงทุจริตโกงกินในการสร้างท่อประปาเป็นเหตุให้บ้านเมืองฉิบหายพร้อมกับสาปแช่งโจทก์ดังนี้ ข้อความที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเป็นการใส่ความโจทก์ต่อผู้อ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง ทั้งถือไม่ได้ว่าเป็นการเสนอข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของหนังสือพิมพ์จะพึงกระทำ หรือเป็นการลงข่าวตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นข่าวที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวจึงเป็นการหมิ่นประมาทและละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การติชมการก่อสร้างงานกุศลโดยสุจริต ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการอำนวยการงานฤดูหนาวและกาชาดได้กล่าวต่อจำเลยที่ 2 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้นำไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ว่าสงสัยว่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกแผนผังและก่อสร้างกับพวกจะร่วมกันทุจริตเงินก่อสร้างนั้น เป็นเพราะมีพฤติการณ์ให้เข้าใจว่าผู้เสียหายกับพวกได้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างแพงกว่าความเป็นจริงส่อไปในทางทุจริต งานนี้เป็นงานกุศลสาธารณประโยชน์ ประชาชนทั่วไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องและจำเลยที่ 1 มีส่วนรับผิดชอบในฐานะเป็นกรรมการอำนวยการ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การติชมด้วยความสุจริตเพื่อประโยชน์สาธารณะและการป้องกันส่วนได้เสีย ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการอำนวยการงานฤดูหนาวและกาชาดได้กล่าวต่อจำเลยที่ 2 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้นำไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ว่าสงสัยว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกแผนผังและก่อสร้างกับพวกจะร่วมกันทุจริตเงินก่อสร้างนั้นเป็นเพราะมีพฤติการณ์ให้เข้าใจว่าผู้เสียหายกับพวกได้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างแพงกว่าความเป็นจริงส่อไปในทางทุจริต งานนี้เป็นงานกุศลสาธารณประโยชน์ ประชาชนทั่วไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องและจำเลยที่ 1 มีส่วนรับผิดชอบในฐานะเป็นกรรมการอำนวยการ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
of 5