คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ต่อสู้ขัดขวาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือพยานผู้จับกุมมีผลต่อการรับฟังพยานหลักฐานในคดีต่อสู้ขัดขวางการจับกุม
ประจักษ์พยานโจทก์ที่นำสืบทั้งสองปากเป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมนั้นมิได้แต่งเครื่องแบบ เหตุที่เข้าจับกุมจำเลยก็สืบเนื่องจากเหตุวิวาทส่วนตัวระหว่างจำเลยกับผู้จับกุมถึงขั้นลงมือทำร้ายกันก่อนที่พยานโจทก์อ้างว่าได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จึงเห็นได้ชัดว่าลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ของพยานผู้จับกุมเป็นผลสืบเนื่องจากการวิวาทส่วนตัวน้ำหนักความเป็นกลางของพยานผู้จับกุมจึงน้อย ไม่อาจจะรับฟังเชื่อถือได้มั่นคง ดังนี้ เมื่อพิเคราะห์ถึงข้อเท็จจริงที่มีประจักษ์พยานบุคคลอื่นซึ่งเป็นประชาชนแต่โจทก์หาได้นำสืบประกอบเพื่อสนับสนุนให้คำเบิกความของพยานผู้จับกุมมีน้ำหนักดีขึ้นแต่ประการใดไม่ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบจึงไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยโดยปราศจากข้อสงสัย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4724/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษความผิดต่อเจ้าพนักงาน: การต่อสู้ขัดขวางโดยใช้อาวุธ
ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 138 วรรคสอง และมาตรา 140 วรรคสามนั้น การปรับบทลงโทษเพียงตามมาตรา 140 วรรคสามนั้น ยังไม่ชัดเจน เพราะไม่แน่ชัดว่าจำเลยผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่งของมาตรา 140วรรคแรก หรือวรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยมีและใช้อาวุธปืน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง, 140 วรรคแรก และวรรคสาม ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4724/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษความผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธปืน และการวินิจฉัยปัญหาความสงบเรียบร้อยของศาล
ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา138วรรคสองและมาตรา140วรรคสามนั้นการปรับบทลงโทษเพียงตามมาตรา140วรรคสามนั้นยังไม่ชัดเจนเพราะไม่แน่ชัดว่าจำเลยผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่งของมาตรา140วรรคแรกหรือวรรคสองเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยมีและใช้อาวุธปืนการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา138วรรคสอง,140วรรคแรกและวรรคสามปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140
ศาลล่างพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา140วรรคสามโดยไม่ปรับบทตามมาตรา138วรรคสองและมาตรา140วรรคแรกด้วยนั้นไม่ถูกต้องเพราะมาตรา140วรรคสามมิได้บัญญัติความผิดไว้ชัดแจ้งในตัวและการไม่ปรับบทว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา140วรรคแรกหรือวรรคสองย่อมไม่ทราบว่าจำเลยต้องระวางโทษหนักกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่งของมาตรา140วรรคหนึ่งหรือวรรคสองและปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5802/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายจับและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: จำเลยไม่รู้ตัวว่าผู้จับกุมเป็นเจ้าพนักงาน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 ห้ามมิให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับเว้นแต่กรณีต้องด้วยข้อยกเว้นตามบทมาตราดังกล่าว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าวันที่ไปจับกุมจำเลยทั้งสอง ผู้เสียหายในคดีที่ถูกทำร้ายร่างกายร่วมไปกับจ่าสิบตำรวจส.และพลตำรวจท.ด้วย และเป็นผู้ชี้แจ้งให้เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสองกรณีจึงต้องด้วยข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(4) เจ้าพนักงานตำรวจที่ไปจับกุมจำเลยที่ 1 ไม่มีผู้ใดแต่งเครื่องแบบตำรวจหรือแสดงหลักฐานให้เห็นได้ว่าตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำการตามหน้าที่การที่เจ้าพนักงานตำรวจสวมกางเกงสีกากีเสื้อคอกลม บางคนก็สวมกางเกงยีนจะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจเอาเองว่าบุคคลที่เข้ามาจับกุมนั้นเป็นเจ้าพนักงานตำรวจย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่พลตำรวจ ท. เบิกความว่าขณะวิ่งไล่ตามจำเลยที่ 1ได้ร้องบอกว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจขอจับกุม แต่ลักษณะการเข้าจับกุมจำเลยที่ 1 มีพวกญาติของผู้เสียหายหลายคนวิ่งกรูเข้าไปร่วมจับกุมด้วย จึงอาจทำให้จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าจะเข้ามาทำร้ายเมื่อจำเลยทั้งสองไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้าจ่าสิบตำรวจ ส.และพลตำรวจ ท. กับพวกมาก่อน แม้จะได้ต่อสู้ขัดขวางไม่ให้จับกุม จำเลยทั้งสองก็หามีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและใช้ความรุนแรง ย่อมเป็นตัวการร่วม
จำเลยที่ 2 มีความเกี่ยวพันเป็นอาเขย ของจำเลยที่ 1และจำเลยที่ 1 ทราบดีอยู่แล้วว่า จำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง การที่จำเลยที่ 1 ยอมเปลี่ยนเป็นคนขับ รถจักรยานยนต์แทนจำเลยที่ 2 ก็เพื่อให้โอกาสจำเลยที่ 2ที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จะได้ใช้อาวุธปืนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นเมื่อจำเป็นจะต้องใช้ และจำเลยที่ 1 ทราบดีอยู่แล้วว่าเจ้าพนักงานตำรวจกำลังติดตามตรวจค้นจำเลยทั้งสองดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิงจ่าสิบตำรวจ ม. ผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นตัวการร่วมกระทำความผิด กับจำเลยที่ 2 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระโดดหนีเจ้าพนักงานไม่ถึงขั้นต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และข้อสงสัยในการใช้ปืน
จ่าสิบตำรวจ ส.กับพวกพบจำเลยกับพวกสะพาย อาวุธปืนยาวมาคนละกระบอก จ่าสิบตำรวจ ส. กับพวกจึงขอตรวจค้น จำเลยส่งอาวุธปืนยาวให้เจ้าพนักงานตำรวจแล้วได้กระโดดหนีเจ้าพนักงานตำรวจ และจ่าสิบตำรวจ ส.จึงได้กระโดดเข้าจับจำเลยและกอดปล้ำกันตกลงไปตามทางลาดชัน การที่จำเลยกระโดดหนีเจ้าพนักงานตำรวจนี้ ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2608/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้การต่อสู้ขัดขวางไม่มีความผิด
เจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้แต่งเครื่องแบบและไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมกลุ่มเด็กวัยรุ่นโดยไม่แจ้งข้อหาแก่เด็กวัยรุ่นคนใดว่าเป็นผู้ดูหมิ่นตนและจะต้องถูกจับ กลับสั่งให้คนขับรถที่เด็กวัยรุ่นโดยสารมาขับรถไปสถานีตำรวจ จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานโดยชอบ ผู้ต่อสู้ขัดขวางมิให้จับกุมไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2608/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การที่เจ้าพนักงานไม่ได้แสดงตนและแจ้งข้อหา ทำให้การจับกุมไม่ชอบธรรม
ขณะที่ ส.ต.ต. บ. กับ ส.ต.ท. บ. จะเข้าจับกุมกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกของจำเลยนั้น บุคคลทั้งสองไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจและไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งจะปฏิบัติตามหน้าที่ทั้งไม่ได้แจ้งข้อหาแก่เด็กวัยรุ่นคนใดว่าเป็นผู้ดูหมิ่นตนและจะต้องถูกจับ จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานโดยชอบ ฉะนั้น แม้หากจำเลยจะต่อสู้ขัดขวางมิให้ ส.ต.ต. บ.กับ ส.ต.ท. บ. เข้าจับกุมพวกของจำเลย ก็ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4884/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, การปรับบทและลงโทษ
จำเลยขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้มลงแล้วขับรถยนต์หลบหนี เจ้าพนักงานตำรวจจึงขับรถยนต์ติดตามเพื่อจับกุม แต่จำเลยขัดขวางการจับกุมโดยขับรถยนต์ปาด ไปทางซ้ายและทางขวาจนถึงบริเวณที่เจ้าพนักงานตำรวจยืนอยู่ที่จุดสกัดจับ จำเลยก็ขับรถพุ่งเข้าใส่เจ้าพนักงานตำรวจที่ยืนอยู่นั้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ไม่ใช่สองกรรมสองกระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน จำคุกไม่เกิน 5 ปี แต่ความผิดฐานดังกล่าวเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนั้น ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไปด้วย.
of 7