คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ถอนการยึด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินที่ถอนการยึด ผู้ยึดต้องรับผิดชอบ แม้สุจริตหรือไม่ได้ขอถอน
โจทก์ดำเนินการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดิน1แปลงอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แต่มีเหตุที่จะต้องถอนการยึดทรัพย์สินนั้นโจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา149และตาราง5ข้อ3ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งทั้งนี้โดยต้องชำระต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริตและเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่หากโจทก์ไม่ยอมชำระก็อาจถูกบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา295ตรีไม่ใช่เรื่องของความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินที่ถูกถอนการยึด แม้โจทก์สุจริตและมิได้ขอถอน
โจทก์ดำเนินการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดิน1แปลงอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แต่มีเหตุที่จะต้องถอนการยึดทรัพย์สินนั้นโจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา149และตาราง5ข้อ3ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งทั้งนี้โดยต้องชำระต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริตและเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่หากโจทก์ไม่ยอมชำระก็อาจถูกบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา295ตรีไม่ใช่เรื่องของความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ที่ขัดต่อคำสั่งศาล: อำนาจศาลในการแก้ไขและถอนการยึดทรัพย์ที่ไม่ถูกต้อง
ฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่า การยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย ไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์รายพิพาทได้ ดังนี้ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา แต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไปซึ่งคู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติจำกัดห้ามไว้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องทุเลาการบังคับคดีนั้น เป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา292(2) แม้บทกฎหมายมาตรานี้จะใช้คำว่าให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีเมื่อศาลได้ส่งคำสั่งนั้นไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม แต่ก็มีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง หาได้มีความหมายว่าคำสั่งให้งดการบังคับคดีจะมีผลต่อเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทราบคำสั่งแล้วเท่านั้นไม่ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยโดยฝ่าฝืนคำสั่งให้งดการบังคับคดี ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนการยึดทรัพย์ไม่ถือเป็นการสละสิทธิในการบังคับคดี ตราบใดที่หนี้ยังไม่ถูกชำระ
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์แล้วขอถอนการยึดไปโดยอ้างในคำร้องว่า โจทก์ยังไม่คิดจะยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดต่อไป ขอถอนการยึดโดยยอมเสียค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดี ตราบเท่าที่จำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีได้ต่อไปอีกภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้นโจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยที่เคยขอถอนการยึดไปแล้วนั้นได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนการยึดทรัพย์ไม่ถือเป็นการสละสิทธิในการบังคับคดี ตราบเท่าที่หนี้ยังไม่ถูกชำระ
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์แล้วขอถอนการยึดไปโดยอ้างในคำร้องว่า โจทก์ยังไม่คิดจะยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดต่อไป ขอถอนการยึดโดยยอมเสียค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดี ตราบเท่าที่จำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีได้ต่อไปอีกภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้นโจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยที่เคยขอถอนการยึดไปแล้วนั้นได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดหน่วงสิ้นสุดเมื่อศาลมีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ และโจทก์ไม่โต้แย้งคำสั่งนั้นแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าซ่อมรถ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์คันที่จำเลยมาซ่อมกับโจทก์และยังมิได้รับคืนไป ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ ในคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถยนต์คันพิพาทเป็นของผู้ร้องซึ่งมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ โจทก์จะยึดทรัพย์ของผู้ร้องมาขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์เป็นการไม่ชอบจะนำเรื่องสิทธิยึดหน่วงมาใช้บังคับกรณีนี้ไม่ได้มีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทนั้นโจทก์ไม่อุทธรณ์คัดค้าน คดีเป็นอันถึงที่สุดไปแล้วดังนี้ โจทก์จึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลอันถึงที่สุดแล้วนั้น โดยต้องคืนรถยนต์คันพิพาทให้ผู้ร้องผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไป(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2524)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ลำดับการบังคับคดีและการไม่อาจยอมรับเงินเพื่อถอนการยึด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งบ้านพิพาทออกเป็น 4 ส่วน หากไม่อาจทำได้ก็ให้เอาบ้านพิพาทออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน การบังคับคดีย่อมอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับ เมื่อการแบ่งบ้านพิพาทไม่อาจกระทำได้ก็ต้องขายทอดตลาดบ้านพิพาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะขอวางเงินแล้วขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: คำนวณจากราคาทรัพย์สินจริง ผู้ค้ำประกันต้องชำระครบถ้วนเพื่อถอนการยึด
ตามตาราง 5 ข้อ 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินและไม่มีการขายหรือจำหน่าย ให้คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์ที่ยึด จึงต้องคิดค่าธรรมเนียมตามราคาที่แท้จริงของทรัพย์ที่ยึด แม้ทรัพย์นั้นจะติดจำนองอยู่ ก็จะเอาหนี้จำนองมาหักราคาที่แท้จริงของทรัพย์ที่ยึดแล้วตีราคาตามยอดเงินที่เหลือจากเอาหนี้จำนองหักออกแล้วหาได้ไม่
เมื่อผู้ค้ำประกันขอวางเงินชำระหนี้ให้โจทก์เพื่อขอให้ศาลสั่งถอนการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีให้ครบถ้วนด้วย ศาลจึงจะสั่งถอนการยึดได้
(ปัญหาแรก ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดีและการถอนการยึดทรัพย์: คิดจากราคาจริงของทรัพย์สิน ผู้ค้ำประกันต้องชำระครบถ้วน
ตามตาราง 5 ข้อ 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินและไม่มีการขายหรือจำหน่าย ให้คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 3 ครึ่ง ของราคาทรัพย์ที่ยึด จึงต้องคิดค่าธรรมเนียมตามราคาที่แท้จริงของทรัพย์ที่ยึด แม้ทรัพย์นั้นจะติดจำนองอยู่ ก็จะเอาหนี้จำนองมาหักราคาที่แท้จริงของทรัพย์ที่ยึดแล้วตีราคาตามยอดเงินที่เหลือจากเอาหนี้จำนองหักออกแล้วหาได้ไม่
เมื่อผู้ค้ำประกันขอวางเงินชำระหนี้ให้โจทก์เพื่อขอให้ศาลสั่งถอนการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีให้ครบถ้วนด้วย ศาลจึงจะสั่งถอนการยึดได้(ปัญหาแรก ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แม้จะมีการถอนการยึดทรัพย์โดยคำสั่งศาล
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้น โจทก์ขอหมายบังคับคดี และนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลย ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชนะ จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ถอนการยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 251 ศาลสั่งอนุญาต และให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย และค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี นั้น เป็นการที่ชอบ เพราะโจทก์เป็นผู้แพ้คดี โจทก์ต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมไปจนกว่าศาลฎีกาจะได้มีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น และเรื่องความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161
of 3