คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ถึงแก่กรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับสัญญาประกันภัยเมื่อเจ้าของทรัพย์สินหลักประกันถึงแก่กรรมก่อนผิดสัญญา
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาคดีอาญาไว้กับโจทก์โดยได้รับมอบอำนาจจาก จ. ให้นำที่ดินมาเป็นหลักประกัน จ. ถึงแก่กรรมก่อนที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาประกันสัญญาประกันเฉพาะที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของ จ. ที่มอบให้จำเลยที่ 1 นำมาเป็นหลักทรัพย์ประกันรายนี้ก็ย่อมเป็นอันระงับลงไม่ตกทอดไปยังทายาททายาทผู้รับมรดกของ จ. จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าปรับ ให้ โจทก์ตามสัญญาประกันดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรม และผลกระทบต่อการดำเนินคดี
ผู้ร้องได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย หลังจากนั้นผู้ร้องกับผู้คัดค้านมีข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินหลายประการ จนเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถจัดการแบ่งปันมรดกได้ตามคำแถลงของผู้ร้องและผู้คัดค้านนั้น เมื่อผู้ร้องถึงแก่กรรมในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา คำสั่งของศาลที่แต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกจึงไม่มีผลต่อไปและการเป็นผู้จัดการมรดกเป็นการเฉพาะตัวของผู้ร้อง จะรับมรดกความกันไม่ได้จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านที่ขอให้บังคับผู้ร้องให้จัดการแบ่งมรดกตาม คำสั่งของศาลชั้นต้นอีก ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสถานะผู้จัดการมรดกเมื่อผู้รับมอบหมายถึงแก่กรรม และผลกระทบต่อคดีความ
ผู้ร้องได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหลังจากนั้นผู้ร้องกับผู้คัดค้านมีข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินหลายประการ จนเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถจัดการแบ่งปันมรดกได้ ตามคำแถลงของผู้ร้องและผู้คัดค้านนั้น เมื่อผู้ร้องถึงแก่กรรมในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา คำสั่งของศาลที่แต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกจึงไม่มีผลต่อไป และการเป็นผู้จัดการมรดกเป็นการเฉพาะตัวของผู้ร้อง จะรับมรดกความกันไม่ได้ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านที่ขอให้บังคับผู้ร้องให้จัดการแบ่งมรดกตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอีก ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญเมื่อหุ้นส่วนสามัญถึงแก่กรรม
ผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญคนหนึ่งตาย ห้างเลิกกันโดยผลของกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้คัดค้านถึงแก่กรรมก่อนศาลตัดสินคดีแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ทายาทจึงไม่มีสิทธิฎีกา
คดีขอตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อผู้ร้องคัดค้านถึงแก่กรรม ทายาทจะขอรับมรดกความแทนที่ไม่ได้ ทายาทดังกล่าวจึงเป็นบุคคลภายนอกคดีและไม่อยู่ในฐานะที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสภาพการเป็นคู่ความในคดีมรดกเมื่อผู้คัดค้านถึงแก่กรรม และสิทธิในการฎีกา
คดีขอตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อผู้ร้องคัดค้านถึงแก่กรรมทายาทจะขอรับมรดกความแทนที่ไม่ได้ ทายาทดังกล่าวจึงเป็นบุคคลภายนอกคดีและไม่อยู่ในฐานะที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ฟ้องถึงแก่กรรมหลังยื่นฎีกาและไม่มีผู้สืบสิทธิเข้ามาดำเนินคดี
ทนายโจทก์ยื่นฎีกาหลังจากที่โจทก์ซึ่งเป็นตัวความได้มรณะแล้วแม้ทนายโจทก์จะมีอำนาจยื่นฎีกาแทนโจทก์ได้ก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่ามีผู้ใด(บุคคลที่ระบุไว้ในมาตรา 42ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ จนล่วงเลยกำหนด 1 ปีนับแต่ทนายโจทก์ยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำหน่ายคดีคือฟ้องฎีกาของโจทก์เสียจากสารบบความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับชำระหนี้และการฟ้องบังคับสิทธิหลังลูกหนี้ถึงแก่กรรม โดยไม่ต้องทวงถามก่อน
โจทก์ฟ้องว่า จ. สามีจำเลยทั้งสองยืมเงินโจทก์ไป 2 ครั้ง ครั้งแรก 110,000 บาท ครั้งที่สอง 90,000 บาท ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จ. ทำหนังสือสัญญากู้ 2 ราย และรับเงินกู้ไป 200,000 บาทจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า จ. ไม่ได้รับเงินกู้รายแรก แต่ไม่ได้อุทธรณ์ว่าจ. ไม่ได้ทำสัญญากู้รายแรก ดังนี้ ประเด็นว่า จ. ได้ทำสัญญากู้รายแรกหรือไม่ จึงยุติเพียงศาลชั้นต้นว่า จ.ได้ทำสัญญากู้รายแรกจริงจำเลยที่ 2 จึงฎีกาในปัญหาข้อนี้ไม่ได้ แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหานี้ให้ ก็เป็นการที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวโดยชอบ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จ. จะได้ยืมเงินจากโจทก์ หรือไม่ จำเลยที่ 2 ไม่ทราบไม่รับรอง ลายมือชื่อในสัญญากู้ไม่ใช่ของ จ. จ. ไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้ สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์ ดังนี้ ที่จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จ. ไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้นั้นเป็นการประกอบคำให้การที่ว่าลายมือชื่อในสัญญากู้ไม่ใช่ของ จ.คำให้การดังกล่าวจึงมีความหมายว่าเนื่องด้วยสัญญากู้ปลอมจ. จึงไม่ได้รับเงินที่ระบุไว้ในสัญญากู้ ดังนั้นเมื่อฟังว่า จ.ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริง ไม่ใช่สัญญากู้ปลอมแล้ว ข้อต่อสู้ว่า จ. ไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้เป็นอันตกไปต้องฟังว่า จ.ได้รับเงินตามสัญญากู้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสามบัญญัติให้เจ้าหนี้ต้องฟ้องบังคับสิทธิเรียกร้องเสียภายในกำหนด 1 ปี ย่อมเป็นการให้สิทธิเจ้าหนี้ฟ้องคดีให้ชำระหนี้ได้ตั้งแต่วันที่ลูกหนี้ถึงแก่กรรมโดยเจ้าหนี้ไม่จำเป็นต้องทวงถามให้ชำระหนี้ก่อน ฉะนั้น แม้สัญญากู้ซึ่ง จ. กู้เงินโจทก์ไปจะมีข้อความว่าหากโจทก์ต้องการเงินคืนเมื่อใดจ. จะคืนให้ทันที แต่ต้องบอกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 เดือนก็ตามเมื่อ จ. ถึงแก่กรรม โจทก์ย่อมฟ้องคดีได้ทันทีโดยไม่จำต้องทวงถามก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าระงับสิ้นเมื่อผู้เช่าถึงแก่กรรม ศาลจำหน่ายคดี
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินคืนโจทก์ศาลล่างพิพากษาตามฟ้อง แต่ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยได้ถึงแก่กรรมบุตรจำเลยได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลย เมื่อจำเลยซึ่งในระหว่างพิจารณายังมีชื่อเป็นผู้เช่าที่ดินได้ถึงแก่กรรมไปแล้วเช่นนี้ สัญญาเช่าอันเป็นสิทธิเฉพาะตัวย่อมระงับสิ้นไป การที่จะบังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ย่อมไม่อาจทำได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไป ศาลฎีกาย่อมสั่งจำหน่ายคดีเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าระงับสิ้นเมื่อผู้เช่าถึงแก่กรรม ศาลจำหน่ายคดี
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินคืนโจทก์ ศาลล่างพิพากษาตามฟ้อง แต่ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยได้ถึงแก่กรรมบุตรจำเลยได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลย เมื่อจำเลยซึ่งในระหว่างพิจารณายังมีชื่อเป็นผู้เช่าที่ดินได้ถึงแก่กรรมไปแล้วเช่นนี้ สัญญาเช่าอันเป็นสิทธิเฉพาะตัวย่อมระงับสิ้นไป การที่จะบังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ย่อมไม่อาจทำได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไป ศาลฎีกาย่อมสั่งจำหน่ายคดีเสีย
of 3