พบผลลัพธ์ทั้งหมด 63 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าของรวมแม้เป็นพระภิกษุ: คดีทรัพย์สินร่วมหลังมรดก
เจ้ามรดกตาย โจทก์และ ล. บุตรเจ้ามรดกซึ่งเป็นทายาทได้รับมรดกที่ดินพิพาทมาแล้วร่วมกันครอบครองโดยมิได้แบ่งแยกจึงมิใช่มรดกของเจ้ามรดกอีกต่อไป แต่เป็นทรัพย์สินร่วมกันของโจทก์และ ล. เมื่อ ล. ตายส่วนของ ล. ตกแก่จำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นบุตร ล. โจทก์ขอแบ่งส่วนของตน จำเลยทั้งห้าไม่ยอม จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์ในฐานะที่เป็นเจ้าของรวม มิใช่ในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมเนียม เรียกร้องเอาทรัพย์มรดก แม้โจทก์จะเป็นพระภิกษุก็ฟ้องจำเลยทั้งห้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแบ่งทรัพย์สินร่วม: แม้เป็นพระภิกษุ ก็มีสิทธิเรียกร้องในฐานะเจ้าของรวมได้
เมื่อเจ้ามรดกตาย โจทก์และ ล.บุตรเจ้ามรดกซึ่งเป็นทายาทได้รับมรดกที่ดินพิพาทมาและร่วมกันครอบครองโดยมิได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทจึงมิใช่มรดกของเจ้ามรดกอีกต่อไป แต่เป็นทรัพย์สินร่วมกันของโจทก์และ ล. มารดาของจำเลยทั้งห้าเมื่อ ล.ตายส่วนของ ล. ตกแก่จำเลยทั้งห้า การที่จำเลยทั้งห้าไม่ยอมแบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ในฐานะเจ้าของรวม จึงมีอำนาจฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทได้ แม้โจทก์จะเป็นพระภิกษุ ก็หามีบทกฎหมายห้ามโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการชำระหนี้จากทรัพย์สินร่วม โจทก์มีสิทธิได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อเจ้าหนี้รายอื่นมิได้ใช้สิทธิ
โจทก์นำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดในฐานที่เป็นทรัพย์สินของจำเลย โดยผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์สินดังกล่าวร่วมกับจำเลยมิได้ยื่นคำคัดค้านหรือขอใช้สิทธิอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. ส่วนผู้ร้องก็เพียงแต่ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในเงินที่ขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานเจ้าหนี้บุริมสิทธิเท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้ว สำหรับเงินส่วนที่เหลือผู้ร้องเจ้าหนี้ของจำเลยในคดีหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีนี้มิได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 290 ดังนั้นเมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็ชอบที่จะต้องจ่ายเงินสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิแล้วให้แก่โจทก์ไปตามที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับเต็มจำนวน ผู้ร้องจะมายื่นคำแถลงคัดค้านขอให้งดการจ่ายเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุว่าขอยึดไว้ในคดีอื่นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการชำระหนี้จากทรัพย์สินร่วม: สิทธิของเจ้าหนี้เฉพาะตัวและเจ้าหนี้บุริมสิทธิ
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาขายทอดตลาดในฐานที่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ส. ภริยาจำเลยซึ่งมีชื่อ ส.ถือกรรมสิทธิ์อยู่โดยกองมรดกของส. ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วมิได้ยื่นคำคัดค้านหรือขอใช้สิทธิอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่วนผู้ร้องเพียงแต่ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในเงินที่ขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองเท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตแล้ว สำหรับเงินส่วนที่เหลือผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาในคดีอื่น ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยคดีนี้ มิได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ดังนั้น เมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็ชอบที่จะต้องจ่ายเงินสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิให้ผู้ร้องแล้วให้แก่โจทก์ไปตามที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับเต็มจำนวน ผู้ร้องจะมายื่นคำแถลงคัดค้านขอให้งดการจ่ายเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุว่าทรัพย์ที่ขายเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส. มิใช่ของจำเลยเงินส่วนที่เหลือต้องตกเป็นกองมรดกของ ส. ซึ่งผู้ร้องได้ขอยึดไว้ในคดีอื่นแล้วหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกแทนทายาทโดยธรรมและการครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน ศาลยกฟ้องคดีขับไล่
เมื่อมารดาโจทก์จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินและบ้านพิพาทจากเจ้ามรดกโดยใส่ชื่อมารดาโจทก์คนเดียวนั้นเป็นการถือกรรมสิทธิ์แทนทายาทโดยธรรมทุกคนรวมทั้งจำเลยที่ 2 ด้วย ที่ดินและบ้านพิพาทจึงยังมิได้มีการแบ่งปันกันระหว่างทายาทโดยธรรม มารดาโจทก์ไม่มีสิทธิจดทะเบียนยกที่ดินและบ้านพิพาทในส่วนมรดกที่ตกได้แก่ทายาทอื่นให้แก่โจทก์ โจทก์คงมีกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของมารดาโจทก์ที่รับมรดกมาในฐานะทายาทโดยธรรม จำเลยที่ 2 ย่อมมีสิทธิยึดถือครอบครองโดยอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาทได้ ส่วนจำเลยที่ 1สามีจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นบริวารของจำเลยที่ 2ย่อมมีสิทธิอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาท เมื่อที่ดินและบ้านพิพาทยังเป็นมรดกอยู่โจทก์และจำเลยที่ 2 รวมทั้งทายาทอื่นจึงเป็นเจ้าของรวม ดังนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าร่วมกัน: แม้ลงชื่อเช่าเพียงคนเดียว หากหามาได้ด้วยกันถือเป็นทรัพย์สินร่วม
โจทก์จำเลยแต่งงานกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นได้เช่าร้านพิพาทพักอาศัย และร่วมทำการค้าในร้านพิพาทด้วยกันเรื่อยมา ดังนั้น สิทธิการเช่าร้านพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินของโจทก์จำเลยร่วมกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4209/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สามีภริยาโดยพฤตินัยมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับทายาทโดยธรรม
ผู้คัดค้านกับผู้ตายอยู่กินเป็นสามีภริยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ได้ร่วมกันทำมาหากินจนมีทรัพย์สินต่าง ๆ บุคคลทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินเหล่านั้น ดังนี้สมควรที่จะตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินร่วมจากการอยู่กินฉันสามีภรรยา แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส การโอนโดยไม่สุจริตของผู้รับโอน
การที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ที่พิพาทมาในระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสนั้นถือว่าเป็นทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกัน มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง แม้ที่พิพาทจะมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดแต่ผู้เดียวก็เป็นการกระทำแทนโจทก์ด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิเอาที่พิพาทส่วนของโจทก์ไปจดทะเบียนโอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 รับโอนที่พิพาทมาจากจำเลยที่ 1 โดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย จึงเป็นการไม่สุจริต ไม่ผูกพันส่วนของโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาทด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3725/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินร่วมกันของคู่ความที่ไม่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย การพิสูจน์เจตนาเป็นเจ้าของร่วมกัน
แม้โจทก์จะเป็นหญิงแต่ก็มีนิสัยและทำตัวอย่างผู้ชาย คนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นชาย โจทก์มีความรักใคร่จำเลยฉันชู้สาว จึงพาจำเลยมาอยู่กับโจทก์ในฐานะเป็นแม่บ้านของโจทก์เป็นเวลาเกือบ20 ปี โดยโจทก์จำเลยได้ร่วมกันทำมาหากินแสวงหาทรัพย์สินซึ่งไม่ว่าจะเป็นด้วยแรงหรือเงินของฝ่ายใดก็ตาม ถือว่าทรัพย์ที่ได้มานั้นเป็นทรัพย์ที่ทั้งโจทก์จำเลยมีเจตนาที่จะเป็นเจ้าของร่วมกันโจทก์และจำเลยจึงมีส่วนในทรัพย์ที่พิพาททั้งหมดคนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในทรัพย์สินร่วม และผลของการโอนกรรมสิทธิ์เมื่อโฉนดมีชื่อผู้รับโอนแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อสามีทำหนังสือสละสิทธิในทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่ภรรยาที่พิพาทซึ่งในโฉนดมีชื่อภรรยาถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของภรรยาโดยสมบูรณ์ หาจำต้องจดทะเบียนกันอีกไม่