พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนทรัพย์สินลูกหนี้ตามคำพิพากษา: ศาลมีอำนาจไต่สวนเมื่อมีเหตุผลเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอื่นนอกเหนือจากที่ทราบ
จำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้จำนองที่ดินเป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท เงินจำนวนนี้อาจมีเหลืออยู่ อันเป็นเหตุผลพิเศษที่โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเชื่อว่าจำเลยมีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับมากกว่าที่ตนทราบ จึงมีเหตุให้ศาลทำการไต่สวนและออกหมายเรียกจำเลยมาให้ถ้อยคำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 277
โจทก์ทราบเกี่ยวกับทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องอยู่แล้วเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องสืบเสาะหาราคาเองว่าทรัพย์ที่จำนองไว้ราคาเท่าใดและจำนองไว้เท่าใด ทั้งคำร้องของโจทก์ก็ไม่ได้เจาะจงระบุชื่อนามสกุลบุคคลที่ขอให้ศาลหมายเรียกมา เพื่อให้ศาลได้พิเคราะห์ถึงเหตุผลว่าบุคคลดังกล่าวจะสามารถให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์จริงหรือไม่ โจทก์จะขอให้หมายเรียกเจ้าหนี้บุริมสิทธิของจำเลย ผู้รับโอนและเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังมาให้ถ้อยคำไม่ได้
โจทก์ทราบเกี่ยวกับทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องอยู่แล้วเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องสืบเสาะหาราคาเองว่าทรัพย์ที่จำนองไว้ราคาเท่าใดและจำนองไว้เท่าใด ทั้งคำร้องของโจทก์ก็ไม่ได้เจาะจงระบุชื่อนามสกุลบุคคลที่ขอให้ศาลหมายเรียกมา เพื่อให้ศาลได้พิเคราะห์ถึงเหตุผลว่าบุคคลดังกล่าวจะสามารถให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์จริงหรือไม่ โจทก์จะขอให้หมายเรียกเจ้าหนี้บุริมสิทธิของจำเลย ผู้รับโอนและเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังมาให้ถ้อยคำไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอเฉลี่ยทรัพย์ ต้องพิสูจน์ความยากลำบากในการบังคับคดีจากทรัพย์สินอื่นก่อน
ผู้ร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ โจทก์คัดค้านว่าหนี้ที่ผู้ร้องขอเฉลี่ย เป็นหนี้สมยอมและผู้ร้องสามารถยึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้มาชำระหนี้ได้ ต่อมาคู่ความยอมรับกันว่าผู้ร้อง เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยจำเลยมีที่ดินอีก 1 แปลงติดจำนองธนาคารอยู่แล้วคู่ความไม่สืบพยานดังนี้ เมื่อจำเลยมีที่ดินอีก 1 แปลง ยังไม่ถูกยึด ผู้ร้องย่อมดำเนินการยึดเอามาชำระหนี้ได้ แม้หากจำเลยนำที่ดินไปจำนองไว้แล้วผู้ร้องก็ยังบังคับเอาชำระหนี้ได้ ส่วนหนี้จำนองจะมีจำนวนเท่าใดเมื่อบังคับคดีแล้วจะมีเงินเหลือ เพียงพอชำระหนี้ผู้ร้องได้โดยสิ้นเชิงหรือไม่ ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบให้ศาลรับฟัง เมื่อผู้ร้องไม่สืบพยาน จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ได้ศาลจึงต้องยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์: เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องพิสูจน์ความยากลำบากในการบังคับคดีจากทรัพย์สินอื่นก่อน
ผู้ร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ โจทก์คัดค้านว่าหนี้ที่ผู้ร้องขอเฉลี่ยเป็นหนี้สมยอมและผู้ร้องสามารถยึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้มาชำระหนี้ได้ ต่อมาคู่ความยอมรับกันว่าผู้ร้อง เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย จำเลยมีที่ดินอีก 1 แปลงติดจำนองธนาคารอยู่แล้วคู่ความไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อจำเลยมีที่ดินอีก 1 แปลง ยังไม่ถูกยึด ผู้ร้องย่อมดำเนินการยึดเอามาชำระหนี้ได้ แม้หากจำเลยนำที่ดินไปจำนองไว้แล้ว ผู้ร้องก็ยังบังคับเอาชำระหนี้ได้ ส่วนหนี้จำนองจะมีจำนวนเท่าใด เมื่อบังคับคดีแล้วจะมีเงินเหลือ เพียงพอชำระหนี้ผู้ร้องได้โดยสิ้นเชิงหรือไม่ ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบให้ศาลรับฟัง เมื่อผู้ร้องไม่สืบพยาน จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ได้ ศาลจึงต้องยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้บุริมสิทธิในการบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ แม้มีการจดทะเบียนบุริมสิทธิไว้แล้ว
จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ แต่ยังมิได้ชำระราคาที่ดินทั้งหมดในวันจดทะเบียนโอนที่ดินที่ซื้อขายกัน โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนราคาที่ดินส่วนที่ยังค้างชำระเป็นหนี้บุริมสิทธิเหนือที่ดินที่ตกลงซื้อขายกันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยยังค้างชำระ อันทำให้โจทก์มีบุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เหนือที่ดินนั้น เพื่อเอาชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ ซึ่งหากได้ไม่พอชำระหนี้ โจทก์ก็มีสิทธิจะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนสิ้นเชิงได้ หามีบทบัญญัติอื่นใดที่จะตัดทอนอำนาจของโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ไม่ แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 289 จะได้บัญญัติว่า "ว่าถึงผลแห่งบุริมสิทธินอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 281 ถึง 288 นี้แล้วท่านให้นำบทบัญญัติทั้งหลายแห่งลักษณะจำนองมาใช้บังคับด้วยตามแต่กรณี" ก็ตาม ก็มีความหมายแต่เพียงว่าให้นำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดกับต่อบทในลักษณะบุริมสิทธิ ซึ่งให้สิทธิแก่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะเอาชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นเท่านั้น เหตุดังกล่าวจึงนำบทบัญญัติมาตรา 733 มาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้ ดังนั้น หากยึดที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิขายทอดตลาดยังไม่พอชำระหนี้ มาตรา 273, 276 ห้ามเพียงมิให้โจทก์บังคับบุริมสิทธิเอาแก่ทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิตามฟ้องเท่านั้นแต่มิได้ห้ามโจทก์ในอันที่จะยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยมาชำระหนี้จนกว่าจะครบอย่างเจ้าหนี้สามัญ ศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่นมาชำระหนี้จนกว่าจะครบได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้บุริมสิทธิในการบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ แม้บังคับชำระจากทรัพย์สินที่จดจำนองแล้วยังไม่พอ
จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ แต่ยังมิได้ชำระราคาที่ดินทั้งหมดในวันจดทะเบียนโอนที่ดินที่ซื้อขายกันโจทก์จำเลยได้จดทะเบียนราคาที่ดินส่วนที่ยังค้างชำระเป็นหนี้บุริมสิทธิเหนือที่ดินที่ตกลงซื้อขายกันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยยังค้างชำระ อันทำให้โจทก์มีบุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เหนือที่ดินนั้น เพื่อเอาชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ซึ่งหากได้ไม่พอชำระหนี้ โจทก์ก็มีสิทธิจะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนสิ้นเชิงได้ หามีบทบัญญัติอื่นใดที่จะตัดทอนอำนาจของโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ไม่ แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 289 จะได้บัญญัติว่า'ว่าถึงผลแห่งบุริมสิทธินอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 281ถึง 288 นี้แล้ว ท่านให้นำบทบัญญัติทั้งหลายแห่งลักษณะจำนองมาใช้บังคับด้วยตามแต่กรณี' ก็ตาม ก็มีความหมายแต่เพียงว่าให้นำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดต่อบทในลักษณะบุริมสิทธิ ซึ่งให้สิทธิแก่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะเอาชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นเท่านั้น เหตุดังกล่าวจึงนำบทบัญญัติมาตรา 733 มาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้ ดังนั้น หากยึดที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิขายทอดตลาดยังไม่พอชำระหนี้มาตรา273,276 ห้ามเพียงมิให้โจทก์บังคับบุริมสิทธิเอาแก่ทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิตามฟ้องเท่านั้น แต่มิได้ห้ามโจทก์ในอันที่จะยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยมาชำระหนี้จนกว่าจะครบอย่างเจ้าหนี้สามัญศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่นมาชำระหนี้จนกว่าจะครบได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องแสดงความยากลำบากในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขออนุญาตเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ถูกยึดในคดีอื่น มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่า ตนไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่าผู้ยื่นคำขอเฉลี่ยไม่สุจริต
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่าผู้ยื่นคำขอเฉลี่ยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์ต้องแสดงความยากลำบากในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขออนุญาตเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ถูกยึดในคดีอื่น มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่า ตนไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่าผู้ยื่นคำขอเฉลี่ยไม่สุจริต
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่าผู้ยื่นคำขอเฉลี่ยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งเงินในบัญชี สัญญาตกเป็นโมฆะเมื่อเงินไม่มี และไม่ผูกพันทรัพย์สินอื่น
สัญญายอมความที่จำเลยตกลงแบ่งเงินของเจ้ามรดกในธนาคารให้โจทก์โดยเฉพาะนั้น เมื่อเงินไม่มีอยู่ในธนาคารโดยไม่ใช่ความผิดของจำเลยแล้ว สัญญาแบ่งเงินนั้นก็ไม่มีผลผูกพันทรัพย์อื่นของจำเลย ฉะนั้น โจทก์จะขอให้ยึดทรัพย์จำเลยมาใช้เงินตามสัญญานั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับหนี้ด้วยการชำระเงิน vs. การยอมรับทรัพย์สินอื่นแทนเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๕๓
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้ เงินโจทก์แต่ จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริง แต่ได้ชำระเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยโจทก์จำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะเป็นผู้รับเงินค่าจ้างทำทางจากกรมทางฯ แทนบริษัทพาณิชย์ฯ ซึ่งจำเลยรับจ้างจากบริษัทพาณิชย์ ฯ ขุดดินถมคันทางที่บริษัทพาณิชย์ฯ รับจ้างสร้างทางจากกรมทางฯ และโจทก์ก็ได้รับเงินจากกรมทางฯ ไปแล้วโดยโจทก์ได้หักเงินจำนวนนั้น ชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้ พร้อมด้วยดอกเบี้ยครบถ้วนแล้ว หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีเหลืออยู่ ที่จำเลยให้การต่อสู้ดังนี้ ย่อมหมายความว่า หนี้เงินกู้รายนี้ได้ระงับโดยมีใช้เงินกันแล้ว หาใช่ระงับไปเพราะมีการยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินไม่ เมื่อการใช้หนี้เงินกู้รายนี้ จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดงทั้งจำเลยยอมรับว่าสัญญากู้เวลานี้ยังอยู่ที่โจทก์โดยมิได้มีการสลักหลังกันแต่ประการใด จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำสืบการใช้เงินกู้นี้ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นก่อน
ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรค 2 มิใช่หมายความว่า เพียงแต่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ยังมีทรัพย์สินอื่นให้ผู้ร้องเรียกหรือบังคับเอาได้แล้ว ก็ต้องห้ามมิให้เฉลี่ย หากแต่หมายความถึงกรณีที่ทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องมีอยู่เพียงพอที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา คือผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จะสามารถเอาชำระได้ด้วย จึงจะต้องห้ามมิให้ขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งยึดขายในคดีอื่น