คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำลายหลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำลายหลักฐานเพื่อช่วยตนเอง ไม่ถือว่าช่วยผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อเจ้าพนักงานไปที่บ้านจำเลยทั้งสองเพื่อตรวจค้นจับกุม จำเลยที่ 1 รับห่อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2 แล้วโยนทิ้งในทันทีดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำไปเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดหลักฐานเกี่ยวกับความผิดได้ที่ตนเป็นการกระทำด้วยเจตนาเพื่อช่วยตนเองแม้จำเลยที่ 2 อาจจะได้รับประโยชน์จากการกระทำดังกล่าวด้วยจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียหายทำลายพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา184

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้เสียหายจากการทำลายหลักฐานการทำไม้ และการเปลี่ยนเลขหมายไม้โดยมิชอบ
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 สมคบกันถากทำลายตราประจำต้นไม้ของนายจงกลซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ แล้วสมคบกันตีราคาเลขหมายอื่น เป็นเลขของนายพิจิตรจำเลยขึ้นใหม่โดยทางการมิได้อนุญาตเพื่อประสงค์จะให้ไม้ของนายจงกลตกเป็นของนายพิจิตร จำเลย โดยจำเลยหวังผลประโยชน์จากนายพิจิตร
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานใหม่เพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงหลังทำลายหลักฐานคดีอาญา
จำเลยหลบหนีเรือนจำไปโดยไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มากว่า 10 ปีแล้วจึงจับจำเลยได้ปรากฏว่าสำนวนทำลายเสียหมดคงเหลือแต่ฟ้องและคำพิพากษาเท่านั้นไม่อาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยใหม่เพื่อศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยต่อไปก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่ยักยอกทรัพย์ในหน้าที่และทำลายหลักฐานการรักษาทรัพย์
ผู้ช่วยสมุห์บัญชีอำเภอรักษากุญแจเซฟเก็บเงินผลประโยชน์ของทางราชการซึ่งตั้งรักษาไว้บนสถานีตำรวจภูธรอำเภอนั้น แทนสมุห์บัญชีกับปลัดอำเภอเป็นผู้รักษากุญแจเซฟอีกสองดอกแทนนายอำเภอ การปิดเปิดเซฟโดยปกติต้องใช้กุญแจทั้งสามดอก แต่ในคราวเปิดเซฟครั้งหนึ่ง เมื่อปิดเซฟผู้ช่วยสมุห์บัญชีเพทุบายใช้กุญแจดอกที่ตนรักษาดอกเดียวปิดเซฟ โดยปลัดอำเภอไม่ทราบ ครั้นตกตอนกลางคืน ผู้ช่วยสมุหบัญชีนั้นได้ลอบมาเปิดเซฟด้วยกุญแจดอกที่ตนรักษาไว้แล้วเอาเงินในเซฟนั้นไปหมด ดังนี้ผู้ช่วยสมุห์บัญชีมีผิดฐานยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตุสำหรับจำเลยเอง เมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเอง+เพื่อเอาเงินในเซฟ+ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตตรา 130

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขูดลบเครื่องหมายประจำปืนไม่เป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
ขูดลบทำลายเครื่องหมายประจำปืนที่เจ้าพนักงานทำไว้ไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือตาม มาตรา 222

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำให้เสียหลักฐาน (สักขีพยาน) ไม่จำเป็นต้องทำให้สูญหายโดยสมบูรณ์ การทิ้งของกลางเพื่อทำให้ยากต่อการพิสูจน์ความผิดถือเป็นความผิด
สักขีพยานตามมาตรา 154 ( 1 ) ไม่จำต้องสูญหายไปทีเดียวเมื่อได้ความว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเอามูลฝิ่นของกลางไปทิ้งนอกบ้าน ก็ย่อมได้ชื่อว่าเปนการทำให้สักขีพยานสูญหายไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายเอกสารเปล่าไม่เป็นความผิดฐานทำลายหลักฐานตาม ม.150 อาญา
ฉีกกระดาษคำให้การที่ได้ยื่นไว้ในคดี โดยกระดาษที่ถูกฉีกขาดออกไปเป็นกระดาษว่างเปล่า ไม่มีข้อความใดๆ เลยดังนี้ ยังไม่มีความผิดฐานทำลายหลักฐาน ตาม ม.150 แห่งกฏหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2480

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายหลักฐานหนี้สินทางการเงินเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
สมุดรับส่งเงินระหว่างเสมียนกับเหรัญญิกเพื่อแสดงการรับเงินระหว่างกันนั้นเป็นหลักฐานแห่งหนี้สิน เป็นหนังสือสำคัญตาม ม.6(20) ผู้ใดทำลายต้องมีผิดตาม ม.228

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322-2323/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจโดยมิชอบ หักคะแนนนักศึกษา และทำลายเอกสารหลักฐาน ศาลพิพากษาลงโทษฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 กำหนดเงื่อนไขสำคัญว่า ผู้เสียหายที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนได้นั้น ผู้เสียหายต้องมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 ในขอบเขตแห่งการที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่ให้แก่มหาวิทยาลัย ร. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ จำเลยจึงได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 5 ที่บัญญัติว่า "หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดของเจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีที่ผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้" โดยผลของมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงไม่มีอำนาจฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้กระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ได้ และย่อมส่งผลพลอยทำให้ผู้เสียหายจากการกระทำละเมิดเนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีสิทธิจะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1
การมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ร่วมเข้าเป็นโจทก์ร่วม กับสิทธิของโจทก์ร่วมในการยื่นคำร้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 เป็นหลักการคนละเรื่องกัน และแม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับคำร้องตามมาตรา 44/1 ของโจทก์ร่วมไว้พิจารณา โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้าน ก็หาตัดอำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะยกปัญหาเรื่องอำนาจยื่นคำร้องขอตามมาตรา 44/1 ดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยไม่ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้ แม้ว่าจะมิได้ยกขึ้นมาว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ทั้งนี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง
of 2