พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือพื้นดินไม่บริบูรณ์เมื่อไม่จดทะเบียน การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่นต้องใช้สิทธิทางศาล
โจทก์ก่อสร้างตึกเต็มเนื้อที่ดินของโจทก์ แล้วทำทางเท้าและคันหินบนทางเท้าล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกัน โดยจำเลยตกลงยินยอม ถือว่าเป็นการได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดิน อันเป็นทรัพสิทธิ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ย่อมไม่บริบูรณ์ ครั้นต่อมาจำเลยบอกกล่าวไม่ยินยอมให้มีทางเท้าและคันหินล้ำบนที่ดินของจำเลยอีกต่อไป โจทก์ก็ไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยได้แต่ทางเท้าและคันหินนั้นไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย
เมื่อจำเลยบอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนทางเท้าและคันหินออกไปจากที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่ยอมรื้อถอน ก็ชอบที่จำเลยจะใช้สิทธิทางศาล ไม่มีอำนาจเข้ารื้อถอนโดยพลการ เพราะไม่เข้าเกณฑ์แห่งบทบัญญัติว่าด้วยนิรโทษกรรม หากจัดการรื้อถอนเสียเอง ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
เมื่อจำเลยบอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนทางเท้าและคันหินออกไปจากที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่ยอมรื้อถอน ก็ชอบที่จำเลยจะใช้สิทธิทางศาล ไม่มีอำนาจเข้ารื้อถอนโดยพลการ เพราะไม่เข้าเกณฑ์แห่งบทบัญญัติว่าด้วยนิรโทษกรรม หากจัดการรื้อถอนเสียเอง ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือพื้นดินไม่สมบูรณ์ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่นและการละเมิด
โจทก์ก่อสร้างตึกเต็มเนื้อที่ดินของโจทก์ แล้วทำทางเท้าและคันหินบนทางเท้าล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกัน โดยจำเลยตกลงยินยอมถือว่าเป็นการได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดิน อันเป็นทรัพยสิทธิ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ย่อมไม่บริบูรณ์ ครั้นต่อมาจำเลยบอกกล่าวไม่ยินยอมให้มีทางเท้าและคันหินล้ำบนที่ดินของจำเลยอีกต่อไป โจทก์ก็ไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยได้แต่ทางเท้าและคันหินนั้นไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย
เมื่อจำเลยบอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนทางเท้าและคันหินออกไปจากที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่ยอมรื้อถอน ก็ชอบที่จำเลยจะใช้สิทธิทางศาลไม่มีอำนาจเข้ารื้อถอนโดยพลการ เพราะไม่เข้าเกณฑ์แห่งบทบัญญัติว่าด้วยนิรโทษกรรม หากจัดการรื้อถอนเสียเอง ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
เมื่อจำเลยบอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนทางเท้าและคันหินออกไปจากที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่ยอมรื้อถอน ก็ชอบที่จำเลยจะใช้สิทธิทางศาลไม่มีอำนาจเข้ารื้อถอนโดยพลการ เพราะไม่เข้าเกณฑ์แห่งบทบัญญัติว่าด้วยนิรโทษกรรม หากจัดการรื้อถอนเสียเอง ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าชดใช้สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น: โรงเรือนและต้นลำใย
โจทก์ปลูกสร้างโรงเรือนและต้นลำใยลงในที่ๆโจทก์ซื้อแต่ยกให้จำเลยการปลูกโรงเรือนและต้นผลไม้นี้ทำให้ราคาที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเมื่อโจทก์จะออกไปจากที่ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระราคาสิ่งปลูกสร้างคือค่าเรือนโรงและต้นผลไม้เอาจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างบนที่ดินผู้อื่นโดยรู้เห็น การไม่มีสิทธิอยู่ต่อเมื่อเจ้าของไม่ยินยอม
ปลูกเรือนลงในที่ดิน โดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น ซื่งให้ตนอาศัย ดังนี้ กรณีไม่ต้องด้วย ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1310, 1312 ฉะนั้น เมื่อเจ้าของที่ดินไม่ประสงค์จะให้ผู้นั้นอยู่ในที่ดินของเขา ต่อไปก็จะอ้างมาตรา 1310 หรือ 1312 มายันเจ้าของที่ดินไม่ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่นโดยรู้เห็น การอ้างสิทธิอยู่ต่อไม่เป็นผล
ปลูกเรือนลงในที่ดิน โดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น ซึ่งให้ตนอาศัย ดังนี้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310,1312 ฉะนั้นเมื่อเจ้าของที่ดินไม่ประสงค์จะให้ผู้นั้นอยู่ในที่ดินของเขา ต่อไป ก็จะอ้างมาตรา 1310 หรือ 1312 มายันเจ้าของที่ดินไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าชดใช้ค่าใช้จ่าย/ค่าบำรุงที่ดินเมื่อเข้าทำประโยชน์ในที่ดินผู้อื่นโดยไม่ได้ตกลง
การเข้าอยู่อาศัยทำกินในที่ดินของผู้อื่นนั้น เมื่อไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นพิเศษ ผู้อาศัยจะเรียกให้เจ้าของที่ดินชดใช้ค่าใช้จ่ายหรือที่ได้ลงทุนทำให้ที่ดินดีขึ้น จากเจ้าของที่ดินหาได้ไม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายใดแล้ว ผู้ยื่นฎีกามิได้คัดค้านคำสั่งนั้นแต่อย่างใด ศาลฎีกาคงวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมาเท่านั้น
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายใดแล้ว ผู้ยื่นฎีกามิได้คัดค้านคำสั่งนั้นแต่อย่างใด ศาลฎีกาคงวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมาเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือนฝากระดานบนที่ดินผู้อื่น: ไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน, ประเด็นต้องยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ต้น
ข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ จำเลยจะต้องยกขึ้นต่อสู้ไว้โดยตรง แต่ในชั้นยื่นคำให้การ มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เรือนฝากระดานซึ่งปลูกอยู่ในที่ของผู้อื่น อาจเข้าบทมาตรา 109 ป.ม.แพ่งฯ ซึ่งไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน.
เรือนฝากระดานซึ่งปลูกอยู่ในที่ของผู้อื่น อาจเข้าบทมาตรา 109 ป.ม.แพ่งฯ ซึ่งไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือนฝากระดานบนที่ดินผู้อื่น: ไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน, จำเลยต้องยกข้อต่อสู้ในชั้นคำให้การ
ข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ จำเลยจะต้องยกขึ้นต่อสู้ไว้โดยตรง แต่ในชั้นยื่นคำให้การ มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เรือนฝากระดานซึ่งปลูกอยู่ในที่ของผู้อื่น อาจเข้าบทมาตรา 109 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน
เรือนฝากระดานซึ่งปลูกอยู่ในที่ของผู้อื่น อาจเข้าบทมาตรา 109 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่น: ศาลตัดสินตามข้อต่อสู้ของจำเลยให้รื้อถอนได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโรงซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์ ทางพิจารณาได้ความว่า โรงเป็นของจำเลย แต่ที่ดินเป็นของโจทก์ ศาลพิพากษาว่าให้จำเลยรื้อโรงออกไปเสีย จากที่ดินของโจทก์ ดังนี้ มีความหมายว่าจำเลยย่อมมีสิทธิรื้อไปได้ ไม่ใช่บังคับให้จำเลยรื้อ
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม ม.1410
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม ม.1410
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของโรงเรือนบนที่ดินของผู้อื่น: ศาลตัดสินตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ยินดีรื้อถอน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโรงซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์ทางพิจารณาได้ความว่า โรงเป็นของจำเลย แต่ที่ดินเป็นของโจทก์ ศาลพิพากษาว่าให้จำเลยรื้อโรงออกไปเสียจากที่ดินของโจทก์ ดังนี้มีความหมายว่าจำเลยย่อมมีสิทธิรื้อไปได้ ไม่ใช่บังคับให้จำเลยรื้อ
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม มาตรา 1410
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม มาตรา 1410