พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776-794/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินรกร้างถูกหวงห้ามเพื่อจัดตั้งนิคมฯ โจทก์เข้าทำกินภายหลัง สิทธิครอบครองไม่สมบูรณ์ ยันจำเลยไม่ได้
ที่พิพาทเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาตั้งแต่ปี 2478 ต่อมามีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามในท้องที่ตำบลพรหมพิราม ฯลฯพ.ศ.2487 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินพ.ศ.2478 กำหนดเขตหวงห้ามในที่ดินดังกล่าว โดยหวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งนิคมกสิกรตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485ซึ่งต่อมาได้มีพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ใช้บังคับติดต่อกันมา หลังจากนั้นทางราชการได้ประกาศจัดตั้งนิคมสร้างตนเองทุ่งสาน มีอาณาเขตคลุมถึงที่พิพาทด้วยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 246 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2515 ดังนี้ เห็นได้ว่าที่พิพาทมิใช่เป็นเพียงที่ดินรกร้างว่างเปล่าธรรมดา หากแต่เป็นที่ดินซึ่งได้หวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ทางราชการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 ตั้งแต่ปี 2487 ตลอดมาอีกด้วย แม้พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินพ.ศ.2478 จะได้ถูกยกเลิกไปโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 4(6) แต่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 10 ก็บัญญัติว่าที่ดินซึ่งได้หวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 หรือตามกฎหมายอื่นอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ให้คงเป็นที่หวงห้ามต่อไปดังนั้นแม้โจทก์จะได้เข้าครอบครองและทำกินในที่พิพาทมาตั้งแต่ปี 2507 จนบัดนี้ก็เป็นการเข้ายึดถือที่ดินซึ่งทางราชการได้ประกาศหวงห้ามแล้วเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หากจะถือว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครอง ก็ไม่อาจใช้สิทธิยันจำเลยซึ่งเป็นหน่วยราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ถูกจัดสรรนิคมต้องเป็นที่รกร้าง หากมีผู้ครอบครองทำประโยชน์ก่อน สิทธิครอบครองเดิมย่อมคุ้มครอง
คดีอาญาที่ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงศาลฎีกาต้องถือตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ถ้าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอ ศาลฎีกาหยิบยกข้อเท็จจริงอย่างอื่นขึ้นพิจารณาประกอบด้วยได้
ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 มาตรา4 แสดงว่า ที่ดินซึ่งรัฐบาลจะจัดตั้งนิคมสร้างตนเองได้นั้น พึงเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่ายังไม่มีผู้ใดเข้ายึดถือครอบครองทำกินอยู่ก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดิน 25 ไร่นี้ จำเลย(ซึ่งเป็นสมาชิกของนิคม) ได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อน ทางราชการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรี และที่ดินรายนี้ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเสียแล้วในขณะพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ.2485 ออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2485 ใช้บังคับ (ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 974/2505)เช่นนี้จะนำกฎหมายหรือข้อบังคับว่าด้วยการเข้าอยู่ในที่ดินจัดสรรของนิคมฯมาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผู้ปกครองนิคมฯออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดินไม่มีผลแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งนั้น ก็จะเอาผิดแก่จำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 มาตรา4 แสดงว่า ที่ดินซึ่งรัฐบาลจะจัดตั้งนิคมสร้างตนเองได้นั้น พึงเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่ายังไม่มีผู้ใดเข้ายึดถือครอบครองทำกินอยู่ก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดิน 25 ไร่นี้ จำเลย(ซึ่งเป็นสมาชิกของนิคม) ได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อน ทางราชการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรี และที่ดินรายนี้ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเสียแล้วในขณะพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ.2485 ออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2485 ใช้บังคับ (ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 974/2505)เช่นนี้จะนำกฎหมายหรือข้อบังคับว่าด้วยการเข้าอยู่ในที่ดินจัดสรรของนิคมฯมาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผู้ปกครองนิคมฯออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดินไม่มีผลแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งนั้น ก็จะเอาผิดแก่จำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินรกร้างว่างเปล่า เทศบาลไม่มีอำนาจคัดค้านการขอออกโฉนด
ที่ดินรกร้างว่างเปล่านั้นบุคคลอาจได้มาตาม ก.ม.ที่ดินและที่ดินประเภทนี้ การที่เจ้าพนักงานที่ดินจะวินิจฉัย เทศบาลไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะไปคัดค้านการขอรับโฉนดดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินรกร้างว่างเปล่า เทศบาลไม่มีอำนาจคัดค้านการออกโฉนด
ที่ดินรกร้างว่างเปล่านั้นบุคคลอาจได้มาตาม กฎหมายที่ดินและที่ดินประเภทนี้ การที่เจ้าพนักงานที่ดินจะออกโฉนดให้แก่ผู้ครอบครองหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของเจ้าพนักงานที่ดินจะวินิจฉัยเทศบาลไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะไปคัดค้านการขอรับโฉนดดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินรกร้างไม่เข้าข่ายที่สวน อายุความครอบครองปรึกษากันได้
ที่ดินซึ่งมีกอไผ่สีสุกขึ้นเองเต็ม รกและหนาเหมือนป่าจนทำนาและสวน หรือปลูกเรือนไม่ได้ ไม่ใช่ที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 แย่งครอบครอง 1 ปี ก็เอาคืนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจับจองที่ดินรกร้างว่างเปล่าและการฟ้องแย้งสิทธิเมื่อถูกคัดค้าน
โจทก์ยื่นคำร้องขอจับจองที่ดินต่อคณะกรมการอำเภอจำเลยคัดค้าน คณะกรรมการอำเภอจึงยกคำร้องโจทก์เสียเช่นนี้นับว่าสิทธิจับจองที่ดินของโจทก์ตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินถูกโต้แย้ง โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินย่อมมีได้แม้ไม่ได้ขอเหยียบย่ำ หากเข้าทำประโยชน์ก่อน การขอเหยียบย่ำทับที่ดินที่มีผู้ครอบครองแล้วเป็นโมฆะ
เข้าถางที่รกร้างว่างเปล่าจนเตียน แล้วยกคันนาทำเป็นนาขึ้นย่อมได้สิทธิครอบครองแม้จะได้ทำเมื่อใช้พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดินฉบับที่ 6 แล้ว โดยมิได้ขอใบเหยียบย่ำ สิทธิครอบครองก็ไม่เสื่อมเสียไปเป็นแต่เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้ออกจากที่ดิน ถ้าขัดขืนก็มีโทษตามพระราชบัญญัติ
ที่ดินที่มีผู้ครอบครองอยู่แล้ว แม้จะครอบครองโดยไม่ได้ขอใบเหยียบย่ำตามพระราชบัญญัติผู้ใดจะขอใบเหยียบย่ำทับที่นั้นไม่ได้
ใบเหยียบย่ำออกทับที่ ที่ มีผู้ครอบครองอยู่แล้วศาลพิพากษาให้ทำลายเสียได้
ที่ดินที่มีผู้ครอบครองอยู่แล้ว แม้จะครอบครองโดยไม่ได้ขอใบเหยียบย่ำตามพระราชบัญญัติผู้ใดจะขอใบเหยียบย่ำทับที่นั้นไม่ได้
ใบเหยียบย่ำออกทับที่ ที่ มีผู้ครอบครองอยู่แล้วศาลพิพากษาให้ทำลายเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติ: การหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าและการครอบครองเพื่อประโยชน์สาธารณะ
คำว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 ตรงกันกับคำว่า " ที่ดินรกร้างว่างเปล่า " ใน ป.พ.พ.มาตรา 1304 (1) เมื่อทางการต้องการหวงห้ามที่ดินที่ยังรกร้างว่างเปล่า เพื่อจะใช้เป็นสาธารณประโยชน์ใด ก็ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัตินี้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 (2) ป.พ.พ. ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่า ที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ณาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้น โจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาาพของลักษณะที่ดิน ที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304 (1) แต่อย่างใด
โจทย์ฟ้องว่าโจทก์เทศบาลได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 (2) ป.พ.พ. ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่า ที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ณาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้น โจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาาพของลักษณะที่ดิน ที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304 (1) แต่อย่างใด
โจทย์ฟ้องว่าโจทก์เทศบาลได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติ: การหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่า และสิทธิการครอบครองของเทศบาล
คำว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ใน พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 ตรงกันกับคำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่า " ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(1)เมื่อทางการต้องการหวงห้ามที่ดินที่ยังรกร้างว่างเปล่า เพื่อจะใช้เป็นสาธารณประโยชน์ใด ก็ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัตินี้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304(2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ฌาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้นโจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาพของลักษณะที่ดินที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304(1)แต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์(เทศบาล)ได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304(2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ฌาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้นโจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาพของลักษณะที่ดินที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304(1)แต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์(เทศบาล)ได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินรกร้างว่างเปล่าต้องประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาเพื่อหวงห้าม การเพิกถอนใบเหยียบย่ำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ถ้ารัฐบาลต้องการจะหวงห้าม หรือสงวนไว้ จะต้องกระทำโดยออกประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน 2478 มาตรา 4-5 เพียงแต่ทางจังหวัดมีคำสั่งหวงห้ามหรือสงวนที่รกร้างว่างเปล่าไว้เป็นที่หลวงหวงห้ามนั้น ยังหาเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายไม่ จึงยังถือว่าเป็นที่หลวงหวงห้ามไม่ได้
นายอำเภอประกาศถอนใบเหยียบย่ำที่ดินของราษฎร โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ราษฎรผู้นั้นย่อมมีสิทธิอำนาจฟ้องศาลขอให้สั่งเพิกถอนประกาศถอนใบเหยียบย่ำนั้นเสียได้
นายอำเภอประกาศถอนใบเหยียบย่ำที่ดินของราษฎร โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ราษฎรผู้นั้นย่อมมีสิทธิอำนาจฟ้องศาลขอให้สั่งเพิกถอนประกาศถอนใบเหยียบย่ำนั้นเสียได้