คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ท้าทาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายหลักฐานที่ไม่ชัดเจน และหน้าที่นำสืบพยานของผู้ฟ้อง
คู่ความท้ากันว่า ถ้าจำเลยนำหนังสือซื้อขายที่ดินหรือสำเนาที่อำเภอรับรองมาจากอำเภอได้ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่มีหนังสือดังกล่าวที่พิพาทตกเป็นของโจทก์ เมื่ออำเภอมีหนังสือแจ้งมาว่าค้นไม่พบ คู่ความท้ากันใหม่ว่าให้ศาลเอาหนังสือตอบนี้ไปประกอบกับคำท้าเดิมแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทจะเป็นของฝ่ายใด ศาลวินิจฉัยว่าตามหนังสือตอบของอำเภอฟังไม่ถนัดว่ามีหนังสือซื้อขายที่พิพาทหรือไม่ จึงชี้ขาดให้แพ้ชนะกันตามคำท้าไม่ได้ เมื่อต่างแถลงไม่สืบพยานคดีนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ โจทก์จึงต้องแพ้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับข้อเท็จจริงจากการท้าทายให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ และผลผูกพันตามกฎหมาย
แม้จะเป็นฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยาน และจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ แต่โดยที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและพิพากษาในวันเดียวกัน ไม่มีโอกาสที่จำเลยจะโต้แย้งได้ก่อน จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้
ถ้ามีปัญหาข้อใดในคดี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย หากคู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง และอีกฝ่ายหนึ่งไม่รับ ย่อมเกิดเป็นประเด็นข้อพิพาท และคู่ความย่อมมีสิทธินำพยานเข้าสืบในข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อพิพาทนั้นได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183, 184, 185 และ 85 แต่ถ้าปัญหาข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง และอีกฝ่ายหนึ่งรับแล้ว ย่อมไม่เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาท เพราะเป็นอันฟังได้ตามที่รับกันนั้นโดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานใดๆ ในปัญหาข้อนั้นอีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 84
การที่คู่ความท้ากันในคดี ถือได้ว่าเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 84 นั้นเอง แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน ถ้าผลแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นสมความประสงค์ของคู่ความฝ่ายใดตามที่ท้ากัน อีกฝ่ายหนึ่งก็ยอมรับตามข้ออ้างที่สมประสงค์นั้นทั้งหมด
คู่ความท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจลายมือชื่อผู้ค้ำประกันในช่องผู้ค้ำประกันในสัญญาหมาย จ.2 เปรียบเทียบกับลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ในที่ต่างๆ หากผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกันในสัญญาหมาย จ. 2 น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้ง 4 คนย่อมแพ้ ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 โจทก์ยอมแพ้ ผลจึงเป็นดังที่กล่าวข้างต้น กล่าวคือ โจทก์จำเลยต่างจะยอมรับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้าง ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้เชี่ยวชาญอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งสมความประสงค์ของฝ่ายใด ฉะนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์แล้วและมีความเห็นว่า ลายมือชื่อผู้ค้ำประกันในเอกสารหมาย จ. 2 กับลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ในใบแต่งทนาย ใบรับหมายและตัวอย่างที่เขียนต่อหน้าศาลน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่า ลายมือชื่อผู้ค้ำประกันในเอกสารหมาย จ. 2 น่าจะเป็นลายมือชื่อจำเลยที่ 2 นั่นเอง จึงเป็นการสมความประสงค์ของโจทก์และเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าตรงตามคำท้าแล้ว ก็มีผลตามความเห็นว่า จำเลยยอมรับตามข้ออ้างของโจทก์ทั้งหมดและยอมแพ้คดี คู่ความจึงไม่มีภาระการพิสูจน์ตามข้ออ้างนั้นอีก เมื่อเป็นดังนี้ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานของทั้งสองฝ่าย จึงไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอย่างใด
ข้อที่ฎีกาว่า ผลการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญไม่ตรงตามคำท้าในรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งจะแปลความหมายแห่งถ้อยคำในรายงานกระบวนพิจารณา จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ก็ด้วยการแสดงความเห็นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 130 จะยืนยันข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะไม่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นพยานนั้นด้วยตนเองโดยตรง
คู่ความท้ากันในรายงานกระบวนพิจารณาว่า หากผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ว่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในช่องผู้ค้ำประกันในสัญญาหมาย จ. 2 น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยทั้งสี่คนยอมแพ้คดี แต่ถ้าไม่ใช่ โจทก์ยอมแพ้คดีการท้ากันในคดีนี้จึงเห็นได้อยู่ในตัวว่าเป็นการท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญแสดงความหาใช่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันข้อเท็จจริงไม่ ฉะนั้น แม้ผู้เชี่ยวชาญจะแสดงเหตุผลในการแสดงความเห็นอย่างใดก็ตาม แต่ในที่สุดเห็นว่าลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกันในเอกสารหมาย จ.2 น่าจะเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 แล้ว ก็ย่อมเป็นการแสดงความเห็นที่สมประสงค์ของโจทก์ตรงตามคำท้าจำเลยจึงต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูถูกดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นความผิดตาม ม.116 แม้เป็นการท้าทายด้วยวาจา
จำเลยกล่าววาจาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานจราจรซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ว่า "ผมผิดแค่นี้ ใคร ๆ ก็ผิดได้ ทำไมมาว่าผม อย่างคุณจะเอาผมไป คุณถอดเครื่องแบบมาชกกับผมตัวต่อตัวดีกว่า " และยังแสดงอาการดูถูกดูหมิ่น เป็นผิดตาม มาตรา 116
คำว่า "หมิ่นประมาท" ใน ม. 116 เป็นคำกว้างหมายถึงการใส่ความหรือการดูถูกดูหมิ่นก็ได้ กิริยาและถ้อยคำที่จำเลยกล่าท้าทายเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายให้มาชกกับจำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการดูถูกหรือดูหมิ่นเจ้าพนักงาน มาตรา 116.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูถูกหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 แม้เป็นคำพูดท้าทาย
จำเลยกล่าววาจาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานจราจรซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ว่า "ผมผิดแค่นี้ ใครๆ ก็ผิดได้ ทำไมมาว่าผม อย่างคุณจะเอาผมไป คุณถอดเครื่องแบบมาชกกับผมตัวต่อตัวดีกว่า" และยังแสดงอาการดูถูกดูหมิ่น เป็นผิดตาม มาตรา 116
คำว่า "หมิ่นประมาท"ใน มาตรา 116 เป็นคำกว้างหมายถึงการใส่ความหรือการดูถูกดูหมิ่นก็ได้ กิริยาและถ้อยคำที่จำเลยกล่าวท้าทายเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายให้มาชกกับจำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการดูถูกหรือดูหมิ่นเจ้าพนักงานตาม มาตรา 116 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายในงานทอดผ้าป่า: การต่อสู้ป้องกันตัวและเหตุเกิดจากการท้าทาย ไม่เข้าข่ายสมคบคิดทำร้ายร่างกาย
ท้าทายแล้วจำเลยกับพวกต่างทยอยกันเข้าต่อสู้ทำร้ายกับผู้บาดเจ็บในทันทีทันใดไม่ได้สมคบกัน จำเลยไม่ต้องร่วมรับโทษในบาดแผลที่คนอื่นกระทำให้สาหัส หรือในทุกๆ แผลรวมกันจนเป็นเหตุให้รับทุกขเวทนาถึงสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันฆ่า: การร่วมเดินทาง, ท้าทาย, และการอยู่ในที่เกิดเหตุแสดงเจตนา
จำเลยกับผู้มีชื่ออีก 3 คนเดินทางไปบ้านผู้ตายด้วยกัน คนหนึ่งร้องท้าทายผู้ตาย ๆ ลงเรือนมาแล้วเกิดทำร้ายกันขึ้นกับผู้ที่ไปด้วยกันนั้นจำเลยก็ใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที แล้วจำเลยกับผู้มีชื่อก็หนีไปด้วยกันทั้งพวกปรากฎว่าผู้ตายตายในที่เกิดเหตุนั่นเอง ดังนี้ถือว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฆ่าผู้ตายตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าคนตายจากการลงมือทำร้ายก่อนและบาดแผลฉกรรจ์
จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุท้าทายเขาวิวาท และจำเลยเป็นผู้ลงมือทำร้ายเขาก่อนโดยเขายังมิได้ทำร้ายจำเลยแต่ประการใด จำเลยย่อมเลือกทำร้ายได้ก่อนและจำเลยได้ใช้มีดแทงเขาถูกที่ใต้ราวนมซ้ายอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเป็นบาดแผลฉกรรจ์ลึกทะลุภายใน เขาได้ขาดใจตายเพราะพิษบาดแผลนั้นในเวลากระชั้นชิดกันนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยอาจเห็นผลแห่งการกระทำของตนว่าจะเป็นเหตุให้เขาถึงตายได้จำเลยย่อมมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะหลังถูกทำร้ายและท้าทาย ศาลลดโทษฐานบันดาลโทสะ
จำเลยถูกผู้ตายไล่ทำร้ายและวิ่งหนีขึ้นบันไดเรือนจำเลยได้ร้องท้าทายผู้ตายว่า 'มึงดีก็มา' ในขณะที่ผู้ตายไล่ทำร้ายจำเลย จำเลยได้ใช้มีดฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่จำเลยร้องท้าทายผู้ตายเป็นการก่อให้เกิดการทำร้ายด้วยความสมัครใจ จะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันไม่ได้แต่ปรากฏว่าจำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายด้วยเหตุไม่เป็นธรรมทั้งต่อยและเตะ มิหนำซ้ำเมื่อจำเลยวิ่งหนีแล้ว ผู้ตายก็ยังไล่ติดตามอย่างกะทันหันเพื่อทำร้ายจำเลยต่อไปอีก ยากที่ใครจะไม่บันดาลโทสะประกอบกับอาวุธที่จำเลยใช้เป็นมีดขนาดเล็กมิได้มีการซ้ำเติมอย่างใด จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2484

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาทต่อสู้บนถนนหลวง: การกระทำร่วมและความต่อเนื่องของการท้าทายและการทำร้าย
สองคนด่าว่ากันอยู่ที่ถนนหลวงแล้วคนหนึ่งไปพาบุตรของตนมา พอมาถึงผู้เป็นบุตรก็เข้าทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งดังนี้ ถือว่า-ทั้งสามคนมีความผิดฐานวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: ผู้ถูกทำร้ายท้าทายแต่ผู้ถูกทำร้ายเสียเปรียบ
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
of 3