คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับตามคำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 34 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาคดีอาญา แม้คดีที่ให้นับโทษต่อยังไม่สิ้นสุด
จำเลยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีอื่นแล้ว แม้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยังต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่เหตุที่จะนับโทษต่อไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4478/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ผลของการบังคับตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้า 429,377 บาทแก่โจทก์ และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามฟ้องแย้งเป็นเงินประมาณ 430,000บาท แต่เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วโจทก์จำเลยต่างไม่มีหนี้ต่อกันพิพากษายกฟ้องและยกฟ้องแย้ง คดีมีปัญหาในชั้นอุทธรณ์เฉพาะค่าสินค้าตามฟ้อง ส่วนค่าเสียหายตามฟ้องแย้งไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยจะต้องรับผิดในค่าสินค้าต่อโจทก์เป็นเงิน353,877.44 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้ หนี้จำนวน 430,000 บาท ที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลฎีกาเกิดขึ้นตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยจึงมีสิทธิขอหักกลบลบหนี้อันเป็นผลให้จำเลยหลุดพ้นหนี้ของตนในส่วนที่ต้องชำระให้โจทก์เท่าที่หักกลบลบหนีกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341 ได้ตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา หาใช่ตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ซึ่งเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงต้องออกคำบังคับให้จำเลยชำระหนี้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับตามคำพิพากษาหลังยึดทรัพย์ก่อนศาลตัดสิน: ผู้ร้องมีสิทธิจดทะเบียนได้จนกว่าจะมีการขายทอดตลาด
แม้โจทก์ยึดที่พิพาทก่อนศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องก็ตาม แต่ ต่อมาเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิตาม คำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300ตราบใด ที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ผู้ร้องย่อมใช้ สิทธิตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้(คำพิพากษาฎีกาที่ 738/2511 ประชุมใหญ่).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3496/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องสอดในคดีประนีประนอมยอมความ ผู้ร้องสอดต้องมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษา
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1) อ้างว่า ผู้ร้องสอดถูกเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งผู้ร้องสอดเป็นผู้รับอาวัลฟ้องให้รับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินร่วมกับจำเลย ดังนี้ ผู้ร้องสอดยังไม่ได้มีสิทธิเรียกร้องใดเหนือทรัพย์สินที่จำเลยต้องโอนให้โจทก์ตามคำพิพากษา จึงหาใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องสอดมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวด้วยการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ ผู้ร้องสอดจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องสอด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวต้องอยู่ภายในประเด็นคำฟ้องและเพื่อบังคับตามคำพิพากษา
การขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลนั้น ชอบที่จะเป็นเรื่องทรัพย์สินสิทธิหรือประโยชน์ ซึ่งอยู่ในขอบข่ายแห่งประเด็นในคำฟ้องของโจทก์และเพื่อบังคับตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลย และให้จำเลยทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้ถูกต้องเท่านั้น โจทก์จะมาขอให้ศาลคุ้มครองประโยชน์ โดยกำหนดให้โจทก์เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อร่วมทำการแทนบริษัทจำเลยด้วย ซึ่งเป็นเรื่องมิได้อยู่ในประเด็นแห่งคำฟ้องของโจทก์ และมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวต้องอยู่ในขอบเขตประเด็นคำฟ้องและเพื่อบังคับตามคำพิพากษา
การขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลนั้น ชอบที่จะเป็นเรื่องทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์ซึ่งอยู่ในขอบข่ายแห่งประเด็นในคำฟ้องของโจทก์และเพื่อบังคับตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลย และให้จำเลยทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้ถูกต้องเท่านั้น โจทก์จะมาขอให้ศาลคุ้มครองประโยชน์โดยกำหนดให้โจทก์เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อร่วมทำการแทนบริษัทจำเลยด้วย ซึ่งเป็นเรื่องมิได้อยู่ในประเด็นแห่งคำฟ้องของโจทก์ และมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลชั่วคราวต้องอยู่ในประเด็นคำฟ้องและเพื่อบังคับตามคำพิพากษา
การขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลนั้น ชอบที่จะเป็นเรื่องทรัพย์สินสิทธิหรือประโยชน์ซึ่ง อยู่ในขอบข่ายแห่งประเด็นในคำฟ้องของโจทก์และเพื่อบังคับตาม คำพิพากษา เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลย และให้จำเลยทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้ถูกต้อง เท่านั้น โจทก์จะมาขอให้ศาลคุ้มครองประโยชน์โดย กำหนดให้โจทก์เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อร่วมทำการแทนบริษัทจำเลยด้วย ซึ่ง เป็นเรื่องมิได้อยู่ในประเด็นแห่งคำฟ้องของโจทก์ และมิใช่เพื่อบังคับตาม คำพิพากษาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาถึงบริวาร และการอ้างสิทธิพิเศษจากความเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ได้รับการยินยอม
ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารกรณีจึงถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย ของจำเลยก็หาทำให้ผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนข้อที่ผู้ร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ทรัพย์พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายประการใดที่จะอ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้น ขึ้นยันโจทก์ได้ และที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีคดีอีก 2 คดีที่พิพาทกันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินคดีนี้และคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น แม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะ แต่ผู้ร้องก็หามีสิทธิอย่างอื่นนอกเหนือไปกว่า สิทธิของผู้ร้องสอดก่อนมรณะไม่ซึ่งคดี 2 คดีนั้นก็ปรากฏว่าผู้ร้อง มิได้เป็นคู่ความโดยตรง และประเด็นข้อพิพาทต่างกับประเด็น ที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้ ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้อง เป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ฉะนั้น คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงินระหว่างพิจารณาคดี: ผลต่อเนื่องหลังคดีถึงที่สุดและการบังคับตามคำพิพากษา
เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้น อายัดเงินของจำเลยไว้จนกว่าคดีถึงที่สุดศาลชั้นต้นอนุญาต จึงต้องถือว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นมีผลต่อไปจนกว่าคดีถึงที่สุดต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องและสั่งว่าหากติดใจอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วันนับแต่วันทราบคำสั่งครบกำหนดแล้วจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียม มาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลย โจทก์ ยื่นคำแถลงว่า ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยังไม่ทราบคำบังคับ ขอให้แจ้งคำบังคับให้จำเลยทราบ ดังนี้แม้คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยังไม่ทราบคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตาม คำพิพากษาต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้อายัดเงินของจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณาคงมีผลต่อไปจนกว่าจำเลยจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) จำเลยไม่มีสิทธิ ขอให้ถอนการอายัดเงินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2276-2277/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งรื้อถอนอาคารแทนจำเลยและให้จำเลยรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เป็นการบังคับตามคำพิพากษา
คำพิพากษาที่ว่าหากจำเลยไม่รื้อถอนอาคารไป ก็ให้โจทก์รื้อถอนแทน โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย เป็นวิธีการบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา ที่ให้จำเลยรื้อถอนอาคารไป ดังที่บัญญัติไว้ ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 คำพิพากษาจึงชอบแล้ว
of 4