คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บัตรเครดิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 124 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2841/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: มูลคดีเกิดที่ใดเมื่อบัตรเครดิตถูกรับที่ทำงานจำเลย
คำว่ามูลคดีหมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้อง ตามสำเนาใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตระบุว่าสถานที่รับบัตรและส่งใบเรียกเก็บเงินคือที่ทำงานของจำเลย ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มิใช่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ ดังนั้น การอนุมัติและการออกบัตรเครดิตโดยสำนักงานใหญ่ของโจทก์จึงเป็นเพียงขั้นตอนปฏิบัติของโจทก์เท่านั้น เมื่อจำเลยรับบัตรเครดิต ณ ที่ทำงานของจำเลยอันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเลยจะสามารถนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปใช้แทนการชำระค่าสินค้าค่าบริการ และหรือใช้ถอนเงินสดจากสำนักงานสาขาของโจทก์ หรือเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ จนเป็นเหตุพิพาทซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิและมูลหนี้ตามฟ้องหากปราศจากเหตุและขั้นตอนสุดท้ายดังกล่าวเสียแล้ว โจทก์จำเลยย่อมไม่มีนิติสัมพันธ์เกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือสินเชื่อต่อกัน เช่นนี้ มูลคดีจึงมิได้เกิดในเขตอำนาจของศาลแขวงพระโขนง ที่ศาลแขวงพระโขนงสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: มูลคดีเกิดจากสถานที่รับบัตรเครดิต ไม่ใช่สำนักงานใหญ่
คำว่า มูลคดี หมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้อง เมื่อใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตของจำเลยระบุว่า สถานที่รับบัตรและส่งใบเรียกเงินคือที่ทำงานของจำเลย ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา มิใช่สำนักงานใหญ่ของธนาคารโจทก์ ดังนั้น การอนุมัติและการออกบัตรเครดิตโดยสำนักงานใหญ่ของโจทก์จึงเป็นเพียงขั้นตอนปฏิบัติของโจทก์เท่านั้น เมื่อจำเลยรับบัตรเครดิต ณ ที่ทำงานของจำเลย อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเลยจะสามารถนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปใช้แทนการชำระค่าสินค้าค่าบริการ หรือใช้ถอนเงินสดจากสถานประกอบกิจการค้าหรือธนาคารที่มีข้อตกลงในการรับบัตรของโจทก์ จนเป็นเหตุซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิและมูลหนี้ตามฟ้อง หากปราศจากเหตุและขั้นตอนสุดท้ายดังกล่าวเสียแล้ว โจทก์จำเลยย่อมไม่มีนิติสัมพันธ์เกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือสินเชื่อต่อกัน เช่นนี้ มูลคดีจึงมิได้เกิดขึ้น ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความของหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและบัตรเครดิต: ผลของการผิดนัดชำระหนี้และจุดเริ่มต้นของอายุความ
โจทก์ฟ้องเรียกร้องสิทธิตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี และหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตโดยมีหนังสือรับสภาพหนี้ระบุว่า หากผิดนัดชำระหนี้ไม่ว่างวดใดงวดหนึ่งหรือกรณีใดกรณีหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ชำระหนี้แก่โจทก์ครั้งสุดท้ายในวันที่ไม่ตรงกำหนดในหนังสือรับสภาพหนี้ เหตุที่ให้อายุความสะดุดหยุดลงจึงได้สิ้นสุดในวันดังกล่าวหาใช่สิ้นสุดในวันครบกำหนดตามหนังสือรับสภาพหนี้ไม่ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินสองปีนับแต่วันดังกล่าว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7788/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: มูลคดีเกิดที่ไหนเมื่อบัตรเครดิตถูกใช้จริงที่สาขา
มูลคดี หมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้อง แต่ตามคำฟ้องของธนาคารโจทก์ที่ว่า ในทางบัญชีหลังจากจำเลยได้ทำสัญญาและรับบัตรเครดิตไปจากโจทก์จำเลยใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการหลายครั้งหลายหนประกอบกับสถานที่รับบัตรเครดิตคือธนาคารโจทก์สาขาหนองคาย ดังนั้น การอนุมัติและการออกบัตรเครดิตจึงเป็นเพียงขั้นตอนปฏิบัติระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขาหนองคาย เมื่อจำเลยทำสัญญาและรับบัตรเครดิตจากโจทก์สาขาหนองคายอันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเลยจะสามารถนำบัตรเครดิตไปชำระหนี้ค่าสินค้าและบริการจนเป็นเหตุพิพาทซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิและมูลหนี้ตามฟ้องมูลคดีจึงมิได้เกิดในเขตศาลชั้นต้นที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ตั้งอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7354/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องจากสัญญาบัตรเครดิต: การชำระหนี้หลังขาดอายุความไม่ทำให้สะดุดอายุความ
จำเลยทำสัญญาเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ โดยจำเลยสามารถนำบัตรเครดิตไปใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการต่าง ๆ ตลอดจนเบิกเงินสดจากตู้เบิกเงินอัตโนมัติซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย โดยโจทก์จะออกเงินทดรองไปก่อนแล้วมาเรียกเก็บจากจำเลยในภายหลัง สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี เมื่อจำเลยได้นำบัตรเครดิตไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการหลายครั้ง โจทก์แจ้งยอดรายการใช้จ่ายบัตรเครดิตให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีชำระหนี้จำนวนน้อยซึ่งไม่เพียงพอชำระหนี้ เป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์บอกเลิกสัญญาใช้บัตรเครดิตเมื่อเดือนตุลาคม 2540 อายุความจึงเริ่มนับแต่นั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2544 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
การที่จำเลยได้ชำระหนี้จำนวน 500 บาท แก่โจทก์ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2542 ภายหลังจากหนี้ขาดอายุความแล้วก็เป็นเพียงกรณีจำเลยไม่สามารถเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/28 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ไม่ถือเป็นการรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความที่ขาดไปแล้วสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) ทั้งมิใช่กรณีที่จำเลยสละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/24
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2546)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7354/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้บัตรเครดิต: การชำระหนี้หลังขาดอายุความไม่ทำให้หนี้คืนชีพ
การให้บริการบัตรเครดิตของธนาคารโจทก์ โจทก์ได้เรียกเก็บค่าบริการและค่าธรรมเนียมด้วย โจทก์จึงเป็นผู้รับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่จำเลย และการที่โจทก์ได้ชำระเงินแก่เจ้าหนี้ของจำเลยแทนจำเลยไปก่อน แล้วเรียกเก็บเงินจากจำเลยภายหลังเป็นการเรียกเอาค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไปสิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ2 ปี โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาใช้บัตรเครดิตเมื่อเดือนตุลาคม 2540 แต่โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2544 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ แม้จำเลยจะชำระหนี้บางส่วนแก่โจทก์เป็นเงิน 500 บาท ภายหลังจากหนี้ขาดอายุความแล้ว ก็เพียงแต่ทำให้จำเลยเรียกเงินดังกล่าวคืนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/28 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ไม่เป็นการรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 193/14(1) ทั้งมิใช่กรณีที่จำเลยสละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามมาตรา 193/24

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7139/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้บัตรเครดิต: สัญญาต่างประเภทมีอายุความต่างกัน
แม้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าหนี้ที่จำเลยจ่ายเช็ค จำเลยชำระให้แก่โจทก์หมดแล้ว คงเหลือแต่หนี้ที่จำเลยใช้บัตรเครดิตของโจทก์เท่านั้น หนี้ที่จำเลยใช้บัตรเครดิตจึงมิใช่หนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดแต่เป็นหนี้ตามสัญญาการใช้บัตรเครดิต โจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจออกบัตรเครดิตให้จำเลยใช้แทนการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินสดหรือใช้บัตรเครดิตเบิกถอนเงินสด โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจรับทำการงานต่าง ๆ ให้จำเลยเรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) โจทก์หักทอนบัญชีครั้งสุดท้ายภายหลังจำเลยใช้บัตรเครดิตวันที่ 31 มีนาคม 2535 ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามบัตรเครดิตตั้งแต่นั้นมานับถึงวันฟ้องวันที่ 29 กันยายน 2542 เกินกว่า 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7139/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้บัตรเครดิต: หนี้บัตรเครดิตมีอายุความ 2 ปีนับจากวันผิดนัดชำระ
หนี้ที่จำเลยใช้บัตรเครดิตมิใช่หนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจออกบัตรเครดิตให้จำเลยใช้แทนการชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยเงินสด หรือใช้บัตรเครดิตเบิกถอนเงินสดโจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจรับทำการงานต่าง ๆ ให้จำเลยเรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34(7) โจทก์หักทอนบัญชีครั้งสุดท้ายภายหลังจำเลยใช้บัตรเครดิตวันที่ 31มีนาคม 2535 ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามบัตรเครดิตตั้งแต่นั้นมานับถึงวันฟ้องวันที่ 29 กันยายน 2542 เกินกว่า 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5961/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: สถานที่อนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิตเป็นสถานที่เกิดเหตุ แม้จำเลยมีภูมิลำเนาต่างจังหวัด
แม้จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชจะยื่นใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตต่อโจทก์ที่สาขาในจังหวัดปทุมธานีก็ตาม แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่ามูลคดีเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ เพราะโจทก์ที่สำนักงานใหญ่เป็นผู้อนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิต ย่อมถือได้ว่าสำนักงานใหญ่ของโจทก์เป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อสำนักงานใหญ่ของโจทก์อยู่ในเขตศาลแขวงพระโขนง โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคำฟ้องของโจทก์ต่อศาลแขวงพระโขนงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4623/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีขาดนัด และการพิสูจน์หนี้จากเอกสารทางบัญชีบัตรเครดิต ศาลฎีกาตัดสินให้จำเลยชำระหนี้ตามยอดคงเหลือ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205(เดิม) ซึ่งเป็นบทบัญญัติในขณะฟ้องคดีนี้บัญญัติให้คู่ความเพียงแต่นำสืบพยานหลักฐานให้ศาลเห็นว่าคดีมีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายเท่านั้น เมื่อจำเลยเป็นหนี้โจทก์แม้โจทก์จะอ้างส่งเอกสารเพียง 10 ฉบับและไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายบัตรเครดิตของจำเลยครบถ้วนแต่ตามหลักฐานที่โจทก์นำส่งจำเลยได้ชำระหนี้บางส่วนเป็นจำนวนหลายครั้งให้แก่โจทก์ อีกทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่าจะต้องนำหลักฐานการใช้จ่ายบัตรเครดิตมาอ้างส่งต่อศาล พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายที่จะชนะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205(เดิม) โดยโจทก์ไม่ต้องนำหลักฐานการใช้จ่ายบัตรเครดิตทั้งหมดอ้างส่งเป็นพยานแต่อย่างใด
สัญญาบัตรเครดิตตามฟ้องเป็นสัญญาที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา คู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 โจทก์ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้แก่จำเลยไม่ได้และได้ประกาศหนังสือพิมพ์ระหว่างวันที่ 17ถึง 21 กรกฎาคม 2541 แจ้งให้จำเลยชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ลงประกาศ หากพ้นกำหนดให้ถือว่าบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตเป็นอันยกเลิก เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดถือได้ว่าสัญญาบัตรเครดิตเป็นอันสิ้นสุดลงตั้งแต่วันพ้นกำหนดชำระหนี้คือวันที่ 5 สิงหาคม 2541 โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี หรืออัตราสูงสุดที่ธนาคารพาณิชย์พึงเรียกเก็บได้ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในใบสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตจนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2541 หลังจากสัญญาสิ้นสุดแล้วโจทก์จะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยอีกไม่ได้ คงเรียกได้ตามอัตราที่กำหนดไว้ในสัญญาอันเป็นสิทธิที่พึงได้โดยชอบมาแต่เดิมเท่านั้น
of 13