พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจเจ้าพนักงานบังคับคดีในการงดเว้นยึดทรัพย์ที่มีชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของ และการปลดเปลื้องความรับผิด
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดที่มีชื่อบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของอยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะงดเว้นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และร้องขอต่อศาลให้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 283 วรรคสอง การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นควรงดเว้นการยึดทรัพย์รายนี้ จึงเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปลดเปลื้องความรับผิดในค่าสินไหมทดแทนกรณีเจ้าพนักงานบังคับคดีงดเว้นการยึดทรัพย์รายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 487/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสำคัญผิดในความผิดอาญา: การทำร้ายผู้อื่นโดยเข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลอื่น และเจตนาในการกระทำ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหาย เหตุที่จำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายเนื่องจากเข้าใจผิดว่าผู้เสียหายเป็นนาย ค.ซึ่งมีเหตุวิวาทกันมาก่อนจำเลยจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาที่จะกระทำต่อนายค.เช่นใด ก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายเช่นนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 การที่จำเลยหยิบฉวยมีดอีโต้ในบ้านที่เกิดเหตุ ไม่ใช่อาวุธที่ตระเตรียมมาก่อน ฟันทำร้ายผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวโดยมิได้เจาะจงว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยเฉพาะ ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บง่ามมือซ้ายฉีกเกือบขาด อาจเป็นเพราะส่วนนั้นไม่มีส่วนแข็งหรือกระดูกที่ป้องกันคมมีดได้ดีสาเหตุที่ทำร้ายนายค.ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเสมอในวงสุรา จำเลยจึงไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเพียงผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีกู้ยืมเงิน แม้เงินกู้มาจากบุคคลอื่น หากมีเจตนาช่วยเหลือผู้ให้กู้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ไว้ แม้เงินกู้ที่จำเลยที่ 1รับไป จะเป็นเงินของมารดาโจทก์และมารดาโจทก์เป็นผู้มอบเงินกู้ให้แก่จำเลยที่ 1 ก็เป็นเรื่องที่ มารดา โจทก์มีเจตนาช่วย ออกเงินกู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นบุตร โจทก์ในฐานะเป็นผู้ให้กู้ จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ และฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4821/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องหมิ่นประมาท: การบรรยายถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อบุคคลอื่นต้องชัดเจนและบริบูรณ์
บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจใส่ความนายวิชัย ปลูกพืช ผู้เสียหาย โดยกล่าวหาต่อนายปราโมทย์ ปลูกพืช และนางไหม มาดชาย ว่าผู้เสียหายลักปืนหรือเอาปืนของนายหาหมีด หรือ หมีด โชคเกื้อ ไป เป็นคำฟ้องที่บรรยายถึงการกระทำของจำเลย โดยจำเลยกล่าวต่อนายปราโมทย์ และ นางไหม ว่า ผู้เสียหายลักปืนหรือเอาปืนของนายหาหมีดหรือหมีดไป เป็นการกล่าวถ้อยคำพูดของจำเลยไว้บริบูรณ์แล้ว เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาชำระหนี้แทนบุคคลอื่น: อายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 มิใช่ 2 ปี
บริษัท พ. มีหนี้ต้อง ชำระต่อ โจทก์ จำเลยซึ่ง เป็นบุคคลภายนอกอาจขอเข้าชำระหนี้แทนบริษัท พ. ได้ การที่จำเลยมีหนังสือยอมผูกพันตน เข้าชำระหนี้แทนบริษัท พ. และโจทก์มีหนังสือตอบสนองรับไปแล้ว เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่ง คู่สัญญากระทำด้วย ความสมัครใจเมื่อไม่ขัดต่อ กฎหมายย่อมสมบูรณ์ใช้ บังคับได้ และไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ ก็ต้อง ใช้ อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา164 หาใช่มีอายุความ 2 ปี ตาม มูลหนี้ เดิมไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2204/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนคดีอาญา: การมีบุคคลอื่นร่วมฟัง และการแก้ไขบันทึกคำให้การไม่ทำให้การสอบสวนเสีย
ในการสอบสวนคดีอาญา เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้กระทำผิดกฎหมาย หรือผิดหน้าที่อย่างใด ลำพังแต่มีบุคคลอื่นนั่งฟังการสอบสวนพยานอยู่ด้วย หาทำให้การสอบสวนนั้นเสียไปไม่
พยานให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนอ่านบันทึกให้ฟังทั้งสองครั้ง อ่านบันทึกครั้งแรกให้ฟังแล้วพูดว่า เหตุผลแค่นี้ ไม่พอจะฆ่ากันตายได้ จึงฉีกบันทึกทิ้งแล้ว ทำขึ้นใหม่ ไม่ปรากฏว่าข้อความในบันทึกคำให้การครั้งที่ 2 ไม่ตรงกับปากคำที่พยานให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวน หรือปากคำนั้นพยานไม่ได้ให้ด้วยความสมัครใจ หรือด้วยเหตุอันมิชอบอย่างอื่นจะถือว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่
พยานให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนอ่านบันทึกให้ฟังทั้งสองครั้ง อ่านบันทึกครั้งแรกให้ฟังแล้วพูดว่า เหตุผลแค่นี้ ไม่พอจะฆ่ากันตายได้ จึงฉีกบันทึกทิ้งแล้ว ทำขึ้นใหม่ ไม่ปรากฏว่าข้อความในบันทึกคำให้การครั้งที่ 2 ไม่ตรงกับปากคำที่พยานให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวน หรือปากคำนั้นพยานไม่ได้ให้ด้วยความสมัครใจ หรือด้วยเหตุอันมิชอบอย่างอื่นจะถือว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2204/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีอาญาและการมีบุคคลอื่นร่วมฟังการสอบสวนไม่ทำให้การสอบสวนเสียไป
การสอบสวนคดีอาญาเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามที่เห็นสมควรภายในขอบเขตบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้กระทำผิดกฎหมายหรือผิดหน้าที่อย่างใด ทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาห้ามมิให้บุคคลอื่นเข้าฟังการสอบสวนการมีบุคคลอื่นนั่งฟังขณะพยานให้การต่อพนักงานสอบสวน หาทำให้การสอบสวนนั้นเสียไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาซื้อขาย-ขายฝาก: ผู้รับซื้อฝากไม่ต้องรับผิดตามสัญญาระหว่างผู้ขายฝากกับบุคคลอื่น
โจทก์เป็นผู้รับซื้อฝากที่ดินพิพาทจาก ป. ครบกำหนด ป. ไม่ไถ่คืนที่ดินพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทจำเลยอ้างว่าได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาทมาก่อนโจทก์รับซื้อฝากที่ดินจาก ป.แล้ว แต่ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทจาก ป. ผ่อนชำระเป็นงวด ระหว่างผ่อนชำระ ป.ถึงแก่ความตายเสียก่อน จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากระหว่างโจทก์กับ ป. โจทก์มิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยและไม่มีบทกฎหมายกำหนดไว้ว่าผู้รับซื้อฝากที่ดินจะต้องรับไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างผู้ขายฝากกับบุคคลอื่นจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งบังคับให้โจทก์รับไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างจำเลยกับ ป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเช่าตึก - สิทธิเช่าเป็นของบุคคลอื่น โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย
ตามฟ้องได้ความว่าบริษัท ท. ได้จดทะเบียนเช่าตึกแถวจาก จำเลย ต่อมาโจทก์เข้าไปอยู่ในตึกแถวดังกล่าวและเสีย ค่าเช่าให้จำเลยโดยอาศัยสิทธิของบริษัท ท. โจทก์จำเลยไม่ มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกันเกี่ยวกับตึกแถวนั้นสิทธิและ ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับบริษัท ท. มีต่อกันอย่างไรจำเลยก็มิได้โต้แย้ง ทั้งไม่ใช่กรณีที่โจทก์จำเป็นจะต้องใช้สิทธิทางศาลโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยโอน สิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวมาเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยไม่ใช่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากผู้รับผิดคือบุคคลอื่น
ตามสัญญาประกันภัย ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกข้อเท็จจริงได้ความว่าห้างๆ พ. เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อไปโดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยแทนห้างฯ พ. ในระหว่างระยะเวลาประกัน ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 โดยประมาท ดังนี้ แม้ห้างฯ พ. จะเป็นเจ้าของใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็หามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่รถเกิดชนกันอันจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ ผู้ที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คือจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 มิใช่ผู้เอาประกันภัย การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกัน หาทำให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยไปด้วยไม่จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์