พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อบ้านพิพาท: โจทก์ต้องจัดการขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องก่อนเรียกเก็บเงิน
จำเลยเช่าซื้อบ้านพิพาทพร้อมที่ดินจากโจทก์ หลังจากชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แล้วบางส่วน จำเลยจึงทราบว่าโจทก์สร้างบ้านพิพาทโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ดังนี้คำรับรองของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยว่าจะจัดการขอให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีความสำคัญสำหรับจำเลยอย่างยิ่งและเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องปฏิบัติตามคำรับรองนั้นการที่จำเลยรับโอนที่ดินที่บ้านพิพาทปลูกอยู่เป็นกรรมสิทธิ์ทั้งที่รู้ว่าบ้านพิพาทยังไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างก็ดี และจำเลยนำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองธนาคารก็ดี โจทก์จะถือเอามาเป็นเหตุบอกเลิกหน้าที่ตามคำรับรองหาได้ไม่ แม้จำเลยได้ต่อเติมบ้านพิพาทขัดต่อข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครแต่ก็ได้ความว่าแม้จำเลยจะมิได้ต่อเติมบ้านพิพาท ทางราชการก็คงไม่ออกใบอนุญาตให้ การที่ทางราชการไม่ออกใบอนุญาตให้จึงมิได้เกิดจากการกระทำของจำเลยเมื่อโจทก์ยังไม่ได้จัดการให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายตามคำรับรองที่ให้ไว้แก่จำเลย โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิจะได้รับชำระเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการบังคับให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านพิพาท จำเลยไม่ได้ยกประเด็นการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากบ้านพิพาทจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ จึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้วหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ จึงไม่ชอบ แม้จำเลยฎีกาต่อมาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4431/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อบ้านจากการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริต ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เจ้าของเดิมยังมีสิทธิ
ผู้ร้องซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ในคดีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.ฟ้องจำเลยที่ 1 โดยผู้ร้องทราบว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 มิใช่ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ จึงถือได้ว่าผู้ร้องซื้อบ้านพิพาทไว้โดยไม่สุจริต สิทธิของผู้ร้องในการซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บ้านพิพาทจึงเป็นของจำเลยที่ 2 และผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ในคดีที่โจทก์นำยึดบ้านพิพาทบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4212/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท: สิทธิของผู้ก่อสร้าง vs. สิทธิของลูกจ้างที่ได้รับสวัสดิการ
ห้องพิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างอยู่อาศัยเป็นการให้สวัสดิการแก่ลูกจ้าง ต่อมาโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ขับไล่จำเลย และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน ในระหว่างการปิดคำบังคับ ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาทโดยเป็นผู้ก่อสร้างและออกค่าใช้จ่ายปลูกสร้างในที่ดินริมคูสาธารณะ จึงมีสิทธิดีกว่าโจทก์ เป็นการกล่าวอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของบ้านพิพาทซึ่งเป็นการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทกับโจทก์โดยตรง เมื่อผู้ร้องกับโจทก์ไม่ใช่ลูกจ้างนายจ้างกันจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 อันจะทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานกลางได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท: การซ่อมแซมบ้านโดยภรรยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส ไม่ทำให้มีกรรมสิทธิ์ร่วม
บ้านพิพาทเป็นบ้านที่ ป. มีมาแต่เดิมก่อนสมรสอยู่กินกับโจทก์ ป. จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวการที่โจทก์อยู่กินกับ ป.ฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรส แม้จะได้ออกเงินซ่อมแซมทำนุบำรุงบ้านพิพาทก็เพื่อให้อยู่อาศัยสะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น หาทำให้โจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906-1907/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท: ศาลพิจารณาจากเอกสารราชการและพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
ประเด็นพิพาทมีว่า บ้านพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยเป็นเรื่องใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ข้อแก้ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะยังไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทซึ่งบ้านพิพาทปลูกอยู่ จึงตกไปเพราะถ้าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทที่ได้มาจากการยกให้ก่อนอยู่กินเป็นสามีภรรยาไม่จดทะเบียน ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำมาหาได้ร่วมกัน
ผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยาไม่จดทะเบียน จำเลยแพ้คดีเรื่องเงินกู้ซึ่งเกิดระหว่างอยู่กินด้วยกัน บ้านในที่ดินของผู้ร้องบิดามารดายกให้ผู้ร้องก่อนอยู่กินด้วยกันกับจำเลยมิใช่ทำมาหาได้ร่วมกัน โจทก์ยึดบ้านบังคับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินจากสามีที่หย่าแล้ว: บ้านพิพาทเป็นสินเดิมของผู้ร้อง การยกให้บุตรไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
บ้านพิพาทผู้ร้องเอาเงินที่ได้จากการขายบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องซื้อมา บ้านพิพาทจึงเป็นสินเดิมของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1465 (เดิม) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2519 มาตรา 7 ได้บัญญัติให้สินเดิมดังกล่าวเป็นสินส่วนตัว บ้านพิพาทจึงเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง
ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ได้หย่าและตกลงกันเรื่องทรัพย์สินตามเอกสารหมาย ร.2 ว่า ทรัพย์สิ้นทั้งหมดซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องมาก่อนหรือเป็นสินสมรสระหว่างเป็นสามีภรรยายกให้บุตรทั้งสี่คนก็ตาม แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะบ้านพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์และเป็นสินเดิมของผู้ร้อง แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ไม่มีผลสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 บ้านพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาจึงไม่มีสิทธินำยึด
ประเด็นว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องหรือไม่ปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่ว่า การที่ผู้ร้องยกบ้านพิพาทให้บุตรเป็นการสมบูรณ์หรือไม่จึงเป็นปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่รวมอยู่ในประเด็นดังกล่าววเพราะหากฟังว่าการยกให้มีผลสมบูรณ์บ้านพิพาทก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ร้อง แต่ถ้าการยกให้ไม่สมบูรณ์บ้านพิพาทก็ยังคงเป็นของผู้ร้อง
ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ได้หย่าและตกลงกันเรื่องทรัพย์สินตามเอกสารหมาย ร.2 ว่า ทรัพย์สิ้นทั้งหมดซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องมาก่อนหรือเป็นสินสมรสระหว่างเป็นสามีภรรยายกให้บุตรทั้งสี่คนก็ตาม แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะบ้านพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์และเป็นสินเดิมของผู้ร้อง แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ไม่มีผลสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 บ้านพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาจึงไม่มีสิทธินำยึด
ประเด็นว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องหรือไม่ปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่ว่า การที่ผู้ร้องยกบ้านพิพาทให้บุตรเป็นการสมบูรณ์หรือไม่จึงเป็นปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่รวมอยู่ในประเด็นดังกล่าววเพราะหากฟังว่าการยกให้มีผลสมบูรณ์บ้านพิพาทก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ร้อง แต่ถ้าการยกให้ไม่สมบูรณ์บ้านพิพาทก็ยังคงเป็นของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์บ้านพิพาทในที่ดินโอนมรดก: การสมรสโมฆะ และสิทธิในการครอบครอง
สามีภริยาก่อน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ภริยาไปบวชชี ไม่ได้ความว่าสามีอนุญาต ยังไม่ขาดจากสามีภริยากัน สามีได้ภริยาใหม่จดทะเบียนเมื่อใช้บรรพ 5 แล้ว ไม่เป็นการสมรส ที่สมบูรณ์ ไม่มีสิทธิรับมรดกของสามี สามีตายมรดกตกได้แก่ภริยาเดิมภริยาเดิมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์แม้ไม่ระบุถึงบ้านด้วย บ้านเป็น ส่วนควบของที่ดิน โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในบ้านด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนบ้าน - แม้เลขที่บ้านในคำพิพากษาไม่ตรงกับบ้านที่ถูกรื้อถอน แต่หากบ้านที่ถูกรื้อถอนเป็นบ้านที่โจทก์รับรองในแผนที่พิพาท ก็เป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษา
ศาลพิพากษาตามฟ้องแย้งของจำเลยให้ขับไล่โจทก์และบริวารให้รื้อถอนบ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 4 ออกจากที่พิพาทแต่ปรากฏว่าบ้านพิพาทนั้น ความจริงเป็นเลขที่ 13 หมู่ที่ 7 โจทก์จึงอ้างว่าบ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 4 ตามคำพิพากษาไม่ใช่ของโจทก์ ไม่สามารถรื้อถอนได้แต่ตามแผนที่พิพาทที่โจทก์จำเลยรับรองกันว่าถูกต้องแล้วนั้น คงมีบ้านพิพาทของโจทก์ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทจริงทั้งนี้โดยโจทก์รับรองตามที่ได้นำชี้ไว้เมื่อเจ้าพนักงานศาลไปทำแผนที่พิพาทดังนั้น แม้คำพิพากษาจะระบุให้รื้อถอนบ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 4 ผลก็คือให้รื้อถอนบ้านพิพาทของโจทก์ดังที่โจทก์นำชี้ว่าปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทและได้รับรองไว้ในแผนที่พิพาทนั่นเองเหตุดังกล่าวที่จำเลยขอให้บังคับโจทก์รื้อถอนบ้านพิพาทโดยระบุเลขที่ 13 หมู่ที่ 7 ซึ่งเป็นเลขที่และหมู่ที่อันแท้จริงของบ้านพิพาทนั้นจึงหาเป็นการขอให้บังคับนอกเหนือจากคำพิพากษาไม่