คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประกวดราคา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 37 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5413/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกวดราคาซื้อเครื่องจักร: ความล่าช้าในการทำสัญญาและการแก้ไขข้อตกลง ไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
การประกวดราคาซื้อเครื่องจักรพิพาทมีการเปิดซองประกวดราคาตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2528 แต่คณะกรรมการโจทก์เพิ่งประชุมและมีมติให้จัดซื้อจากจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2528ก่อนสิ้นกำหนดการยืนราคาสินค้าที่จำเลยที่ 1 แจ้งไว้ในการประกวดราคาเพียง 2 วัน และข้อกำหนดต่าง ๆ ในสัญญาซื้อขายที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียวก็ไม่ได้มีอยู่ในเงื่อนไขและข้อตกลงในการประกวดราคา จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิขอให้แก้ไขข้อสัญญาเหล่านั้นได้ เมื่อโจทก์แก้ไขสัญญาล่าช้า จนกระทั่งเลยกำหนดเวลาในการยื่นราคาสินค้าที่จำเลยที่ 1 ขยายให้และผู้ขายต่างประเทศบอกเลิกการขายแก่จำเลยที่ 1 โจทก์ก็ยังแก้ไขสัญญาไม่เสร็จความล่าช้าในการทำสัญญาจึงไม่ใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1จึงไม่ผิดเงื่อนไขและข้อตกลงในการประกวดราคา โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ยื่นซองประกวดราคาขายเครื่องจักรให้โจทก์ แล้วไม่ยอมทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ เป็นการผิดเงื่อนไขและข้อตกลงในการประกวดราคา จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขและข้อตกลงในการประกวดราคา แต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขและข้อตกลงเองซึ่งตรงประเด็นตามคำฟ้อง และเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยที่ 1 ผิดเงื่อนไขและข้อตกลงในการประกวดราคาขายเครื่องจักรให้โจทก์หรือไม่ โดยไม่ได้นำคำให้การของที่ 1 ที่ปฏิเสธว่าไม่ได้ยื่นซองประกวดราคามากำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทเพราะเห็นว่าเป็นข้อต่อสู้ที่ไม่เป็นสาระ โจทก์ก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการชี้สองสถานไว้ ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 1 นำสืบตามประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวและรับฟังพยานของจำเลยที่ 1 จึงชอบแล้ว หาใช่กรณีที่คำให้การจำเลยที่ 1 ขัดแย้งกันจึงไม่มีประเด็นที่จำเลยที่ 1จะนำสืบตามที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศประกวดราคาเป็นคำเชื้อเชิญ สัญญาเกิดขึ้นเมื่อสนองโดยไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม
ประกาศประกวดราคามีทั้งสัญญาว่าโจทก์มีสิทธิที่จะเลือกทำสัญญากับผู้เข้าประกวดราคารายใดก็ได้ โดยไม่จำต้องทำสัญญากับผู้ประกวดราคาที่เสนอราคาสูงสุด หรือไม่เลือกผู้ประกวดราคารายใดเลยก็ได้ ดังนี้ประกาศประกวดราคาเป็นเพียงคำเชื้อเชิญให้ทำคำเสนอเท่านั้น หนังสือประกวดราคาของโจทก์จึงเป็นคำเสนอของโจทก์ที่ประสงค์จะเข้าทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทกับจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิเช่าซื้อที่ดินพิพาทได้ โดยโจทก์ต้องนำหลักฐานแสดงการตกลงระหว่างโจทก์กับผู้อยู่อาศัยในที่ดินพิพาทที่ว่าจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินโดยไม่เรียกร้องใด ๆ จากจำเลยมาแสดงภายใน 30 วันหนังสือของจำเลยดังกล่าวเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วย ถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับคำเสนอบางส่วนของโจทก์ ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 359 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่ได้ดำเนินการสนองตามคำเสนอของจำเลยภายในเวลาที่กำหนดไว้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศประกวดราคาไม่เป็นคำเสนอ แต่เป็นคำเชื้อเชิญ การเสนอราคาจึงเป็นคำเสนอ หากมีข้อเสนอใหม่ สัญญาเดิมยังไม่เกิดขึ้น
จำเลยมีความประสงค์จะให้สิทธิเช่าซื้อที่ดินแก่ประชาชนได้ออกประกาศประกวดราคาให้สิทธิเช่าซื้อที่ดินของจำเลยโดยผู้เข้าประกวดราคาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกวดราคาที่กำหนดโดยมีเงื่อนไขในข้อ 11. ว่า การเคหะแห่งชาติสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะเลือกทำสัญญากับผู้เข้าประกวดราคารายใดก็ได้ โดยไม่จำต้องทำสัญญากับผู้ประกวดราคาที่เสนอราคาให้สูงสุด หรือไม่เลือกผู้ประกวดราคารายใดเลยก็ได้ ดังนี้ เงื่อนไขตามประกาศประกวดราคาข้อ 11 นั้นจึงมีความหมายว่า แม้มีผู้เข้าประกวดราคาได้แล้ว จำเลยก็มีสิทธิยกเลิกการประกวดราคาได้ เมื่อจำเลยไม่ต้องผูกพันทำสัญญาตามประกาศประกาศประกวดราคาดังกล่าวจึงไม่เป็นคำเสนอของจำเลย ถือได้เพียงว่า เป็นคำเชื้อเชิญให้ทำคำเสนอเท่านั้น ส่วนหนังสือประกวดราคาของโจทก์นั้น นับได้ว่าเป็นคำเสนอของโจทก์ที่ประสงค์จะเข้าทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทกับจำเลยนั่นเอง ส่วนที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิเช่าซื้อที่ดินพิพาทได้นั้น แต่ก็มีเงื่อนไขว่าโจทก์ต้องนำหลักฐานแสดงการตกลงระหว่างโจทก์กับผู้อยู่อาศัยในที่ดินพิพาทที่ว่าจะขนย้ายออกจากที่ดินโดยไม่เรียกร้องใด ๆ จากจำเลยมาแสดงภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ หนังสือดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วยซึ่งถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับคำเสนอบางส่วนของโจทก์ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 359 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่ได้ดำเนินการสนองตามคำเสนอของจำเลยภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศประกวดราคาไม่เป็นคำเสนอ แต่เป็นคำเชื้อเชิญให้ทำคำเสนอ เงื่อนไขเพิ่มเติมในคำสนองถือเป็นคำเสนอใหม่
ประกาศประกวดราคามีทั้งสัญญาว่าโจทก์มีสิทธิที่จะเลือกทำสัญญากับผู้เข้าประกวดราคารายใดก็ได้ โดยไม่จำต้องทำสัญญากับผู้ประกวดราคาที่เสนอราคาสูงสุด หรือไม่เลือกผู้ประกวดราคารายใดเลยก็ได้ ดังนี้ประกาศประกวดราคาเป็นเพียงคำเชื้อเชิญให้ทำคำเสนอเท่านั้น หนังสือประกวดราคาของโจทก์จึงเป็นคำเสนอของโจทก์ที่ประสงค์จะเข้าทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทกับจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิเช่าซื้อที่ดินพิพาทได้ โดยโจทก์ต้องนำหลักฐานแสดงการตกลงระหว่างโจทก์กับผู้อยู่อาศัยในที่ดินพิพาทที่ว่าจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินโดยไม่เรียกร้องใด ๆ จากจำเลยมาแสดงภายใน 30วัน หนังสือของจำเลยดังกล่าวเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติมมีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วย ถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับคำเสนอบางส่วนของโจทก์ ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 359 วรรคสองเมื่อโจทก์ไม่ได้ดำเนินการสนองตามคำเสนอของจำเลยภายในเวลาที่กำหนดไว้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความเอกสารประกวดราคา: เจตนาของผู้เสนอราคาและผู้รับซองสำคัญกว่าถ้อยคำ
เมื่อความข้อใดข้อหนึ่งในเอกสารอาจตีความได้เป็น 2 นัยนัยไหนจะทำให้เป็นผลบังคับได้ ให้ถือเอาตามนัยนั้นดีกว่าที่จะถือเอานัยที่ไร้ผล และในการตีความแสดงเจตนานั้น ให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร เมื่อตามประกาศของจำเลยที่ 1 เรื่องการประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือวางเงื่อนไขไว้ว่า ผู้ยื่นซองจะต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น และโจทก์จำเลยทั้งสามต่างก็ยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้เสนอราคามาโดยตลอดดังนั้น ข้อความในใบเสนอการประกวดราคาที่ระบุว่า "ข้าพเจ้าบ. ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงน้ำแข็งเฉลิมพล... ขอเสนอการประกวดราคาการเช่าสะพานท่าเทียบเรือ..." จึงต้องถือว่าบ. เสนอราคาในนามของโจทก์ ซึ่งเป็นนิติบุคคล มิใช่เสนอราคาในฐานะส่วนตัว เพราะหากถือว่า บ. เสนอราคาในฐานะส่วนตัว ย่อมทำให้การเสนอราคาไร้ผลและขัดเจตนาของคู่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความนัยของเอกสารประกวดราคา: การเสนอราคาในนามนิติบุคคล แม้ข้อความระบุชื่อผู้จัดการ
ประกาศของจำเลยที่ 1 เรื่องประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือวางเงื่อนไขไว้ว่า ผู้ยื่นซองจะต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้นคณะกรรมการรับซองของจำเลยที่ 1 ก็รับซองประกวดราคาไว้ว่าเป็นของโจทก์ แม้ใบเสนอการประกวดราคาจะกรอกข้อความว่า "ข้าพเจ้าบังเอียนโลหะคุปต์ ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงน้ำแข็งเฉลิมพล" ก็เป็นการกรอกข้อความไปตามแบบพิมพ์ บ.ไม่มีสิทธิยื่นซองในฐานะส่วนตัวเพราะขัดกับเงื่อนไขตามประกาศ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าโจทก์เข้ายื่นซองประกวดราคา จำเลยทั้งสามก็ไม่ได้ให้การโต้เถียงว่าเสนอราคาในนามของ บ. เป็นการส่วนตัว แต่กลับยอมรับว่าโจทก์ได้เข้าประกวดราคาและเสนอราคาสูงสุดจริง และจำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์เข้าทำสัญญาแล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมเข้าทำสัญญาเอง เห็นได้ว่าโจทก์และจำเลยทั้งสามต่างก็ยอมรับข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นผู้เสนอราคาไม่เคยโต้แย้งว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสนอราคา นอกจากนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 10 เดิม และมาตรา 132 เดิมให้ตีความเอกสารตามนัยที่จะทำให้เป็นผลบังคับได้ และให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษรดังนั้นในกรณีนี้จึงต้องถือว่า บ. เสนอราคาในนามของโจทก์ มิใช่เสนอราคาในฐานะส่วนตัว เพราะหากถือว่า บ.เสนอราคาในฐานะส่วนตัวย่อมทำให้การเสนอราคาไร้ผล และขัดกับเจตนาของคู่กรณี การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ขอให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ จำเลยทั้งสามฎีกา ดังนี้อุทธรณ์ของโจทก์และฎีกาของจำเลยทั้งสามต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียงศาลละ 200 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินประกันซองประกวดราคาที่ไม่ใช่ 'มัดจำ' และผลต่อสัญญาค้ำประกัน
การที่ไม่มีสิ่งใดให้ไว้เป็นมัดจำ เมื่อไม่มีการปฏิบัติตามสัญญาก็ย่อมจะไม่มีมัดจำให้ริบ หนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นเพียงสัญญาซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันผูกพันต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 เท่านั้น จึงมิใช่มัดจำตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 โจทก์จะริบเงินจำนวนนี้ในฐานะเป็นมัดจำไม่ได้ และจะเรียกให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันก็ไม่ได้ เพราะตามสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 2 ตกลงยอมชำระเงินแทนจำเลยที่ 1 ต่อเมื่อโจทก์มีสิทธิริบเงินที่วางไว้เป็นประกัน แต่คดีนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินตามสัญญาค้ำประกันเพราะมิใช่มัดจำเสียแล้ว ดังนั้น จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกวดราคา, การผิดสัญญา, หนังสือค้ำประกัน, ความรับผิดของผู้เสนอราคาและผู้ค้ำประกัน, อายุความค้ำประกัน
จำเลยที่ 3 ได้ออกหนังสือค้ำประกันการยื่นซองประกวดราคาก่อสร้างอาคารของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ว่า จำเลยที่ 3 ขอรับเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไว้ต่อโจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของโจทก์ในการยื่นซองประกวดราคาเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และโจทก์ไม่สามารถเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ 1 ได้แล้วจำเลยที่ 3 จะเป็นผู้ชำระเงินค่าเสียหายแทนจำเลยที่ 1 หนังสือค้ำประกันฉบับนี้มีกำหนดอายุค้ำประกัน120 วัน โดยโจทก์จะต้องแจ้งการผิดสัญญาของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 3 ทราบภายในกำหนดดังกล่าวด้วย ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ยอมไปทำสัญญาก่อสร้างกับโจทก์ตามที่ยื่นซองประกวดราคาได้ โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 3 ชำระหนี้ที่ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไว้แม้จำเลยที่ 3 ไม่ได้ยกข้อต่อสู้ในข้อที่โจทก์ไม่ได้บอกเรื่องจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาประกวดราคา ให้จำเลยที่ 3 ทราบภายในระยะเวลาที่ค้ำประกันเพียงแต่ขอให้ไปเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ 1 ก่อนก็ตามก็ไม่เป็นการสละข้อต่อสู้ในเรื่องระยะเวลาค้ำประกันดังนั้น ภายหลังเมื่อถูกโจทก์ฟ้องแล้ว จำเลยที่ 3 ย่อมมีสิทธิให้การต่อสู้คดีโดยยกข้อต่อสู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่รวมทั้งเหตุดังกล่าวขึ้นเป็นข้อเถียงเพื่อปฏิเสธความรับผิดของตนได้ เมื่อจำเลยที่ 3 ได้ยกเหตุดังกล่าวให้ขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การแล้วและข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบภายในกำหนดระยะเวลาที่ค้ำประกันว่า จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาประกวดราคาต่อโจทก์ โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยที่ 3 รับผิดตามสัญญาค้ำประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้น ค่าเสียหายจากการซื้อของจากผู้อื่นจึงไม่ใช่ความรับผิดตามสัญญา
ในการประกวดราคาโจทก์กำหนดเงื่อนไขว่าผู้ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ประกวดราคาได้จะต้องมาทำสัญญาซื้อขายภายใน 7 วันถ้าไม่มาทำสัญญาตามกำหนด โจทก์ริบเงินประกันซอง ประกวดราคาได้ทันทีและถ้าโจทก์ต้องซื้อสิ่งของรายการนี้จากบุคคลอื่นมีราคาสูงขึ้นเท่าใดผู้ประกวดราคาได้ครั้งนี้จะต้องรับผิดชอบใช้ค่าสิ่งของที่สูงขึ้นนั้นให้แก่โจทก์อีกโสดหนึ่งด้วยเห็นได้ว่าการตกลงซื้อขายรายนี้คู่กรณีมุ่งจะทำสัญญากันเป็นหนังสือ จำเลยเป็นผู้ประกวดราคาได้แต่ไม่ไปทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ตามกำหนดที่โจทก์แจ้งให้ทราบจึงถือว่ายังไม่มีสัญญาซื้อขายต่อกัน โจทก์จึงมีเพียงสิทธิริบเงินประกันซอง ประกวดราคาตามข้อตกลงในการประกวดราคาเท่านั้นจำเลยยังไม่มีความผูกพันตามสัญญาซื้อขายที่จะต้องมอบสิ่งของตามที่ประกวดราคาให้โจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์ซื้อสิ่งของจากผู้อื่นในราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขายไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากข้อตกลงในการประกวดราคา เมื่อสัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้นโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้น ความรับผิดชอบจำกัดเฉพาะการริบเงินประกันซองประกวดราคา
ในการประกวดราคาโจทก์กำหนดเงื่อนไขว่าผู้ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ประกวดราคาได้จะต้องมาทำสัญญาซื้อขายภายใน7วันถ้าไม่มาทำสัญญาตามกำหนดโจทก์ริบเงินประกันซองประกวดราคาได้ทันทีและถ้าโจทก์ต้องซื้อสิ่งของรายการนี้จากบุคคลอื่นมีราคาสูงขึ้นเท่าใดผู้ประกวดราคาได้ครั้งนี้จะต้องรับผิดชอบใช้ค่าสิ่งของที่สูงขึ้นนั้นให้แก่โจทก์อีกโสดหนึ่งด้วยเห็นได้ว่าการตกลงซื้อขายรายนี้คู่กรณีมุ่งจะทำสัญญากันเป็นหนังสือจำเลยเป็นผู้ประกวดราคาได้แต่ไม่ไปทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ตามกำหนดที่โจทก์แจ้งให้ทราบจึงถือว่ายังไม่มีสัญญาซื้อขายต่อกันโจทก์จึงมีเพียงสิทธิริบเงินประกันซองประกวดราคาตามข้อตกลงในการประกวดราคาเท่านั้นจำเลยยังไม่มีความผูกพันตามสัญญาซื้อขายที่จะต้องมอบสิ่งของตามที่ประกวดราคาให้โจทก์ค่าเสียหายที่โจทก์ซื้อสิ่งของจากผู้อื่นในราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขายไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากข้อตกลงในการประกวดราคาเมื่อสัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้นโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้.
of 4