พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ใช่คำพิพากษา/คำสั่งในประเด็นสำคัญ ไม่อุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้ยกคำร้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งต่อไปว่าจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดให้ออกหมายจับ ให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ จับจำเลยได้เมื่อใดให้โจทก์แถลงต่อศาลเพื่อยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ก็เป็นเพียงคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวอันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเช่นกัน ไม่ใช่กรณีศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญแล้ว ดังนั้นที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่นำส่งหมายเรียกตามคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นการทิ้งฟ้องจึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งระหว่างพิจารณาคดี ไม่ถือเป็นการพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ ทำให้การอุทธรณ์เรื่องการทิ้งฟ้องเป็นอุทธรณ์ต้องห้าม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้ยกคำร้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาแม้ศาลชั้นต้นจะสั่งต่อไปว่าจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดให้ออกหมายจับให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความจับจำเลยได้เมื่อใดให้โจทก์แถลงต่อศาลเพื่อยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ก็เป็นเพียงคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวอันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเช่นกันไม่ใช่กรณีศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญแล้วดังนั้นที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่นำส่งหมายเรียกตามคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นการทิ้งฟ้องจึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา196
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเมื่อศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นสำคัญ ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนเพื่อพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่1จำเลยที่1อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาแม้จะมิได้อุทธรณ์ในปัญหาว่าจำเลยที่1กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ศาลอุทธรณ์ก็ต้องวินิจฉัยปัญหานี้อีกครั้งหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา245วรรคสองปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาที่ไม่โต้แย้งประเด็นสำคัญเดิม และข้อจำกัดในการอุทธรณ์เรื่องพยานหลักฐาน
โจทก์มิได้ฎีกาโต้เถียงคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญา ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ปัญหาตามฎีกาโจทก์ที่ว่าสัญญายังไม่เลิกกันจึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีเพราะไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องและคำให้การประกอบคำแถลงของทนายโจทก์แล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงแห่งคดีพอวินิจฉัยได้จึงงดสืบพยานโจทก์จำเลยโจทก์มิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ ปัญหาเรื่องพยานหลักฐานในสำนวนครบถ้วนหรือไม่จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องและคำให้การประกอบคำแถลงของทนายโจทก์แล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงแห่งคดีพอวินิจฉัยได้จึงงดสืบพยานโจทก์จำเลยโจทก์มิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ ปัญหาเรื่องพยานหลักฐานในสำนวนครบถ้วนหรือไม่จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2986/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาฐานเบิกความเท็จ ต้องระบุประเด็นสำคัญในคดีแพ่งที่เบิกความเท็จให้ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จและเบิกความเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง เรื่องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งเป็นข้อสำคัญในคดี และบรรยายรายละเอียดที่จำเลยทั้งสองเบิกความอันเป็นเท็จพร้อมกับความเป็นจริงว่าอย่างไรทั้งคำเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าในคดีดังกล่าวประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีนั้นอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะบรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยทั้งสองเบิกความมาในฟ้องและนำสืบอ้างสำนวนคดีนั้นมาด้วยก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนดังกล่าวไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6129/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่ยื่นฝ่าฝืนข้อกำหนด หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญในคดี
กรณีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานซึ่งยื่นฝ่าฝืน ป.วิ.พ. มาตรา 88 ได้ตามป.วิ.พ. มาตรา 87(2) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5845/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต้องทำให้คู่ความแพ้ชนะได้ ศาลยกฟ้องหากข้อความไม่กระทบประเด็นสำคัญ
ข้อความที่เป็นข้อสำคัญในคดีในความผิดฐานเบิกความเท็จจะต้องเป็นข้อความที่อาจทำให้คู่ความแพ้ชนะกันในประเด็นแห่งคดีได้ ประเด็นแห่งคดีในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ได้แก่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่อย่างไรสำหรับคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ที่ว่า ร้านวีดีโอที่โจทก์กับพวกตรวจค้นเป็นของ ว. เช่าจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ก็แจ้งโจทก์ว่าให้เช่าไปแล้วพร้อมกับนำสัญญาเช่าให้ดูด้วย แล้วโจทก์สั่งให้จำเลยที่ 1 ไปสถานีตำรวจ เมื่อไปถึงโจทก์ให้พนักงานสอบสวนควบคุมตัวจำเลยที่ 1 นั้น แม้เป็นความเท็จ ความจริงไม่มีการนำเอาเอกสารสัญญาเช่ามาแสดง การจับกุมก็กระทำที่ร้านนั่นเองมิใช่ตั้งข้อหาที่สถานีตำรวจ แต่คดีก็ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่มิชอบอย่างไร คงรับฟังได้แต่เพียงว่าโจทก์ได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 แล้วว่า มีการให้เช่าร้านวีดีโอกันแล้วเท่านั้นมิได้หมายความเลยไปถึงว่า ความจริงเป็นดังที่จำเลยที่ 1 แจ้งแก่โจทก์ และโจทก์ทราบความจริงว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว แต่ยังแกล้งตั้งข้อหาและจับกุมจำเลยที่ 1 ข้อความที่จำเลยที่ 2 เบิกความดังกล่าว จึงไม่เป็นข้อความที่อาจทำให้คู่ความแพ้ชนะกันในประเด็นแห่งคดีได้ คำเบิกความของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีอันจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ไม่อุทธรณ์ได้จนกว่ามีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ และมีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าคำเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร
โจทก์บรรยายรายละเอียดข้อความทั้งสิ้นที่จำเลยเบิกความ กับความจริงที่ตรงกันข้ามกับคำเบิกความของจำเลยนั้นเป็นอย่างไรแล้วสรุปคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดี แต่ เป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรโจทก์ไม่ได้บรรยายถึง จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุประเด็นสำคัญของคดีก่อน และความเกี่ยวข้องของการกระทำผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญาที่ พ.เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับประทานบัตรชั่วคราวหรือประทานบัตร โดยบรรยายรายละเอียดข้อความทั้งสิ้นที่จำเลยเบิกความ กับความจริงที่ตรงกันข้ามกับคำเบิกความของจำเลยนั้นเป็นอย่างไร และว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดแต่คดีที่จำเลยเบิกความเท็จนั้นประเด็นสำคัญของคดีคือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของ พ. จำเลยคดีนั้นมีอย่างไร โจทก์มิได้บรรยายไว้ ที่อ้างว่าความจริงจำเลยเป็นคนงานของบริษัท พี. ใช้รถตักรถดั๊มขุดตักกะสะ แร่ดีบุกจากที่ดินทั้งสองแปลงแล้วบรรทุกเข้าไปในเหมืองแร่ของบริษัท พี. โจทก์ก็บรรยายให้ทราบแต่เพียงความสัมพันธ์ระหว่าง พ. กับบริษัท พี.เท่านั้น การกระทำของคนงานบริษัท พี. ที่อ้างว่าจำเลยเห็นดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการกระทำของ พ. อย่างไร โจทก์หาได้บรรยายให้ชัดแจ้งไม่ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158(5).