พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ฎีกาต้องอยู่กรอบประเด็นที่อุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยนอกประเด็นที่มิได้ยกขึ้นสู่การต่อสู้ในศาลล่าง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยได้ขายฝากที่ดินพร้อมบ้านไว้แก่โจทก์และไม่ได้ทำการไถ่ถอนการขายฝากปล่อยจนครบกำหนดการไถ่ถอน กรรมสิทธิ์จึงตกเป็นของโจทก์โดยเด็ดขาดจำเลยอุทธรณ์เพียงว่าสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาจำนองและสัญญาขายฝากเป็นโมฆะ ไม่ได้อุทธรณ์ว่าสัญญาขายฝากยังไม่ครบกำหนดการไถ่ถอน ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยวินิจฉัยว่าสัญญาขายฝากยังไม่ครบกำหนดการไถ่ถอน และจำเลยมีสิทธิที่จะไถ่ถอนการขายฝากได้ จึงเป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นที่อุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 ประกอบด้วยมาตรา 246 และการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ได้ขายฝากบ้านส่วนของตนและยังคงมีกรรมสิทธิ์ในบ้านก็เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นที่อุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน โจทก์ซึ่งยื่นคำฟ้องต่อศาลไม่ว่าศาลชั้นใดจะเสียค่าขึ้นศาลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องของโจทก์และศาลเท่านั้นถ้าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ครบศาลสั่งให้เสียให้ครบได้ ถ้าศาลไม่สั่งให้เสียเพิ่มให้ครบและไม่มีคำสั่งประการอื่นใด คำฟ้องของโจทก์ก็ไม่เสียไป จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในเรื่องนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา หากศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นสำคัญที่จำเลยอุทธรณ์
การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่าเสาไฟฟ้าเป็นของโจทก์นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงมาจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยมิได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาวินิจฉัยให้ตามอุทธรณ์ของจำเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นประเด็นที่จำเลยให้การและอุทธรณ์ต่อสู้ไว้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเสาไฟฟ้าไม่ใช่ของโจทก์ เป็นการพิพากษาคดีโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความตาม มาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และประเด็นดังกล่าวแม้ศาลอุทธรณ์จะไม่วินิจฉัยให้ ศาลฎีกาก็วินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอีกได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมที่ลงลายพิมพ์นิ้วมือและพยาน การวินิจฉัยนอกประเด็นในชั้นอุทธรณ์ และข้อห้ามฎีกา
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่ผู้ทำลงลายพิมพ์นิ้วมือและมีผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานสองคน กับมีปลัดอำเภอรักษาราชการแทนปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอเป็นผู้จัดทำและลงลายมือชื่อด้วย แต่มิได้ประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1655 (4) นั้น เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ในฐานะที่เป็นพินัยกรรมธรรมดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 และมาตรา 1665
คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยให้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น เป็นการไม่ชอบ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนนี้ไม่มีผล การที่จำเลยฎีกาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้มาอีก จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินจฉัย
คำแก้ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่
คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยให้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น เป็นการไม่ชอบ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนนี้ไม่มีผล การที่จำเลยฎีกาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้มาอีก จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินจฉัย
คำแก้ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ต้องตรงกับประเด็นที่อุทธรณ์ การวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นมิชอบ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ได้นัดสืบพยานจำเลยถึงวันนัดคงมีแต่ทนายจำเลยที่ 2 มาศาลขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ แล้วพิพากษาในวันนั้นเองให้จำเลยทั้งสามใช้เงินแก่โจทก์ จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอสืบพยาน ศาลยกคำร้อง จำเลยที่ 3 อุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งไม่ให้เลื่อนคดี การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในเรื่องที่จำเลยที่ 3 ขอสืบพยานทั้งๆที่จำเลยที่ 3 มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้.แล้วพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะไม่ตรงกับประเด็นที่จำเลยที่3 อุทธรณ์.ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแพ่งและการพิจารณาคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยตามประเด็นที่อุทธรณ์
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ว. ให้รับผิดใช้เงินตามเช็คที่สั่งจ่ายให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยให้การว่าโจทก์ฟ้องเมื่อพ้น 1 ปี นับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขาดอายุความ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สิทธิฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คในทางแพ่งจึงน่าจะมีอายุความ 5 ปี ทั้งเป็นการออกเช็คเนื่องจากการกู้เงินจึงมีอายุความ 10 ปี ดังนี้ ในชั้นอุทธรณ์ไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเรื่องขยายอายุความตามมาตรา 186 และปัญหาว่าอายุความขยายตามมาตรานี้หรือไม่ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อ ว. ถึงแก่ความตายอายุความที่เป็นโทษแก่ ว. ซึ่งจะขาดลงภายในเวลาต่ำกว่า 1 ปี นับแต่วัน ว. ตาย ย่อมขยายออกไปเป็น 1 ปี นับแต่วันตายตามมาตรา 186 คดีจึงไม่ขาดอายุความ จึงเป็นการนอกประเด็น
กรณีดังกล่าวเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาและคำพิพากษาศษลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่โดยศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามประเด็น
กรณีดังกล่าวเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาและคำพิพากษาศษลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่โดยศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมที่มีส่วนได้เสียในประเด็นที่อุทธรณ์ ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องถูกยก
ในคดีที่มีคู่ความสามฝ่าย จำเลยร่วมให้การเป็นปรปักษ์กับจำเลย จำเลยได้ยกประเด็นที่ว่านี้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วม ศาลฎีกาจึงต้องยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมเสียก่อน แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472-1473/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ต้องระบุประเด็นชัดเจนต่อเนื่องจากอุทธรณ์เดิม ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่อุทธรณ์
ฟ้องอุทธรณ์หรือฟ้องฎีกาจะต้องตั้งประเด็นตามมาตรา 225 และต้องแสดงเหตุผลประกอบตามมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297-298/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขคำพิพากษาจำกัดเฉพาะประเด็นที่คู่ความอุทธรณ์/ฎีกา การบังคับสัญญาซื้อขายที่ดินต้องคำนึงถึงสิทธิผู้อื่น
ซื้อขาย วิธีพิจารณาแพ่ง สัญญาขายที่ดินที่มีชื่อผู้อื่นซึ่งไม่ใช่คู่สัญญาอยู่ในโฉนดด้วย ศาลไม่บังคับให้ขายถ้าอาจเกิดเสียหายได้
ค่าเสียหาย ศาลให้คืน+เงินราคากับดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจแก้คำพิพากษาศาลเดิมในข้อที่โทก์ไม่อุทธรณ์ขึ้นมา
ค่าเสียหาย ศาลให้คืน+เงินราคากับดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจแก้คำพิพากษาศาลเดิมในข้อที่โทก์ไม่อุทธรณ์ขึ้นมา