คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประเภท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาซ้ำ: ความผิดคนละประเภทและข้อ ไม่สามารถเพิ่มโทษตามมาตรา 73 ได้
ความผิดของจำเลยในครั้งก่อนเป็นความผิดฐานลักทรัพย์อันเป็นความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตามมาตรา 73 ข้อ 12 ส่วนความผิดในครั้งหลังเป็นความผิดฐานประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายตามมาตรา 73 ข้อ 10 เป็นความผิดคนละประเภทและคนละข้อ ศาลจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 73 ไม่ได้ จะต้องเพิ่มตามมาตรา 72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีธนบัตรปลอม: การระบุประเภทเงินตราที่ปลอมแปลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "ฯลฯ จำเลยมีไว้ในครบอครองซึ่งธนบัตรโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นธนบัตรปลอม และได้ใช้ธนบัตรปลอมรายนี้ชำระหนี้ให้แก่ ว. เจ้าพนักงานจับธนบัตรชะนิดใบละยี่สิบบาท 1 ฉะบับ ซึ่งจำเลยนำไปชำระหนี้ให้แก่ ว. ดังกล่าวแล้ว ขอให้ลงโทษ" เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 15 + แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้าของเก่าต้องระบุประเภทในฟ้อง หากไม่ระบุ อาจไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
ความผิดฐานประกอบอาชีพค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานนั้น ฟ้องของโจทก์ต้องบรรยายด้วยว่า จำเลยประกอบอาชีพค้าชะนิดใด, ประเภทใด เป็นประเภทที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจาฯยกเว้นไว้หรือไม่ มิเช่นนั้นจะลงโทษจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736-737/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกเงินผิดประเภทไม่ถึงขั้นปลอมแปลงหนังสือ แม้ข้อความในเอกสารไม่ตรงกับความจริง
จำเลยเขียนใบสำคัญตั้งฎีกาขอเบิกเงินเพื่อใช้จ่ายสำหรับกิจการประเภทหนึ่ง แต่ความจริงจำเลยเอาเงินจำนวนนั้นไปใช้ในกิจการประเภท+ทั้งใบสำคัญนั้นก็ลงชื่ออันแท้จริงของผู้รับเงิน ดังนี้จำเลยยังไม่มีผิดฐานปลอมหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถผิดประเภทและการแจ้งเปลี่ยนนายจ้างของผู้ขับรถ: ไม่ถือว่ามีความผิด
ประกาศเพิ่มเติม พ.ศ. 2469 ม. 8 ประกาศใช้ พ.ร.บ.รถยนต์มณฑลนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2465

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7506/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีไว้เพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ประเภทต่างกัน ถือเป็นหลายกรรมต่างกัน แม้กระทำพร้อมกัน
ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฯ ได้บัญญัติให้มาซิลดอลและไดอาซีแพม เป็นวัตถุออกฤทธิ์คนละประเภทกัน โดยมาซิลดอลเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ส่วนไดอาซีแพมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 97) ฯ เรื่องระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุออกฤทธิ์ตามความใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฯ ทั้งบทกำหนดโทษในความผิดฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวก็เป็นคนละมาตรากัน แสดงว่ากฎหมายมุ่งประสงค์จะลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธิ์แต่ละประเภทแยกต่างหากจากกัน ดังนั้น แม้จำเลยจะมีไว้เพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ทั้ง 2 ประเภทในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดในแต่ละกระทงศาลอุทธรร์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยในแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7051/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีอาวุธปืนหลายประเภท: การแยกความผิดเป็นกรรมต่างกัน
อาวุธปืนที่จำเลยทำกับอาวุธปืนและวัตถุต่างๆ ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีสภาพและลักษณะของการกระทำโดยอาศัยเจตนาที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแยกเป็นคนละส่วนต่างหากจากกันได้ ดังนี้ แม้จำเลยจะกระทำผิดทั้งสองฐานในเวลาเดียวกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดประเภท 'ยาเสพติด' ที่ใช้บังคับตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ต้องมีประกาศอธิบดีกรมตำรวจชัดเจน
ในขณะเกิดเหตุ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ทั้งนี้ ตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา" ตามบทบัญญัติดังกล่าว ผู้ที่กระทำความผิดข้อหานี้ได้นั้น นอกจากต้องเป็นผู้ขับขี่ที่เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษแล้ว ยาเสพติดให้โทษที่ผู้ขับขี่เสพนั้นต้องเป็นไปตามที่อธิบดีกรมตำรวจกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา อันเป็นข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบแห่งความผิดดังกล่าวด้วย เมื่ออธิบดีกรมตำรวจออกข้อกฎกำหนดห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพแอมเฟตามีนและเมทแอมเฟตามีนตามข้อกำหนดกรมตำรวจ เรื่องกำหนดชื่อและประเภทของวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและประเภทของรถที่ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจตรวจสอบผู้ขับขี่ ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2537 เท่านั้น โดยขณะกระทำผิด อธิบดีกรมตำรวจไม่ได้ออกข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพมอร์ฟีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง
of 2