คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปริมาณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 96 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6651/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองกัญชาเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานจากปริมาณ, การแบ่งบรรจุ, และคำรับสารภาพ
สภาพและลักษณะกัญชาของกลางมีปริมาณมากโดยมีน้ำหนัก รวมถึง 474.30 กรัม เกินกว่าวิสัยแห่งการมีไว้เพื่อเสพเอง แต่เป็นปริมาณมากพอจะนำไปจำหน่ายจ่ายแจกได้และกัญชาของกลาง ถูกจัดแบ่งบรรจุถุงเล็ก ๆ ไว้ถึง 23 ถุง ซึ่งรวมบรรจุใน ถุงหิ้วบรรจุกัญชาแห้งอีกส่วนหนึ่ง อันแสดงลักษณะว่าจำเลย ได้จัดแบ่งไว้เพื่อขายหรือจำหน่ายแก่บุคคลอื่น ประกอบกับ ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพในข้อหามี กัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และยังนำชี้ที่เกิดเหตุแสดงท่าทางประกอบคำรับสารภาพ ทั้งเจ้าพนักงานผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนต่างก็เบิกความยืนยันว่าจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ จึงไม่มีเหตุสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่มีพยานหลักฐานรู้เห็นว่าจำเลยได้จำหน่ายกัญชาก็ตาม พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาก็มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6520/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจตนาจำหน่ายยาเสพติด: จำนวนยาเสพติดและพฤติการณ์ประกอบสำคัญกว่าปริมาณ
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 19 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำพยานเข้าเบิกความต่อศาลเพื่อให้เห็นสมจริงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ เพื่อจำหน่าย การที่ของกลางที่ยึดได้มีเป็นจำนวนมากจะสันนิษฐานว่าจำเลยมีของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ไม่ได้ แม้เมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดจะมีจำนวน 19 เม็ด แต่ก็มีน้ำหนักรวมเพียง 1.854 กรัม โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็น ว่าจำเลยจำหน่าย จ่าย แจก หรือมีไว้ซึ่งของกลางเพื่อจำหน่าย ทั้งไม่ปรากฏพฤติการณ์ใด ๆ ที่แสดงว่า จำเลยมี เมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงยกประโยชน์ แห่งความสงสัยในส่วนนี้ให้จำเลย ข้อเท็จจริงจึงรับฟัง ได้เพียงว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืน กฎหมายอันเป็นความผิดซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลมีอำนาจที่จะ ลงโทษในความผิดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6503/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีวัตถุออกฤทธิ์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และการแก้ไขโทษทางอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา
อีเฟดรีนของกลางที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวต้องรับโทษเพียงใดอยู่ที่ปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ว่าหนักเท่าใด เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 มีอีเฟดรีน ของกลางไว้ในครอบครอง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 13.12 กรัม ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92(พ.ศ. 2538)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดไว้ว่าการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์อีเฟดรีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วต้องไม่เกินปริมาณ 12.000 กรัม การที่จำเลยมีอีเฟดรีน ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดดังกล่าวจึงเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 106 ทวิ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1ตามที่โจทก์ฟ้องนั้นได้ หาใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ไม่ ขณะเจ้าพนักงานเข้าตรวจค้น พบจำเลยที่ 2 นอนอยู่ที่เพิง ข้างบ้าน โดยจำเลยที่ 2 อ้างว่าไปนอนที่บ้านเกิดเหตุเพื่อดู หนังสือเตรียมตัวสอบ ส่วนจำเลยที่ 3 ไปพบจำเลยที่ 1เพราะจำเลยที่ 1 ชวนให้นอนค้างที่บ้านเกิดเหตุ เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รู้เห็นในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 หรือสมคบกับจำเลยที่ 1กระทำผิดรายนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะให้การในชั้นสอบสวนว่าจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ช่วยถอดเครื่องมือที่ใช้ผลิตอีเฟดรีน เพื่อนำออกไปซ่อมก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ทราบข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ผลิตอีเฟดรีน มาก่อน เพียงเท่านี้จึงยังไม่พอชี้ขาดว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีส่วนร่วมกระทำผิดรายนี้ด้วย โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ,62,86,106 ทวิ ซึ่งการฝ่าฝืนมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง บทกำหนดโทษคือมาตรา 89การที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 86 แทนที่จะเป็นมาตรา 89 จึงเป็นกรณีโจทก์อ้างบทมาตราผิดศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง,62 วรรคหนึ่ง,89,106 ทวิ ให้ลงโทษฐานผลิตตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 นั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะมาตรา 89 และมาตรา 106 ทวิ ต่างก็มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาทเท่ากัน ต้องพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งมีอัตราโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง และมาตรา 89

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย แม้มีปริมาณไม่ถึง 20 กรัม ก็เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อ จำหน่ายแล้ว แม้จำเลยที่ 1 จะมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวที่มีน้ำหนักคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เพียง 11.151 กรัม ไม่ถึงยี่สิบกรัม การกระทำของจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่งแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และการเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างการพิจารณาคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน55เม็ดกับ1ห่อน้ำหนัก4.91กรัมไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ดังนี้แม้ขณะเกิดเหตุการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามฟ้องแต่ขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ออกมายกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)ซึ่งบังคับใช้ขณะเกิดเหตุโดยกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือ2เมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วสำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน0.500กรัมเมื่อไม่มีการคำนวณว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางน้ำหนักรวม4.91กรัมมีสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่กำหนดจำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา106ทวิเพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา106วรรคหนึ่งเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5261/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีเมทแอมเฟตามีนในครอบครองเพื่อขาย: โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนาขาย ไม่ใช่แค่ปริมาณ
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 264 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตโจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องนำพยานเข้าเบิกความต่อศาลเพื่อสมจริงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อขายการที่จะถือเอาจำนวนของกลางที่ยึดไว้ว่ามีเป็นจำนวนมากแล้วสันนิษฐานว่าจำเลยมีของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้นน่าจะไม่ถูกต้องนัก เพราะพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ไม่มีบทบัญญัติให้สันนิษฐานไว้เช่นนั้น ทั้งจำเลยเองก็ปฏิเสธจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความเช่นนั้น แต่ข้อนำสืบนั้นต้องมิใช่ส่วนหนึ่งของคำรับที่เคยให้การไว้ในชั้นสอบสวนเมื่อโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยจำหน่าย จ่าย แจกหรือมีไว้ซึ่งของกลางเพื่อขาย เช่น วิธีการล่อซื้อมาเบิกความต่อศาล จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ข้อเท็จจริงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายและครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด
เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีจำนวนถึง170 เม็ด ซึ่งเป็นจำนวนมากเกินกว่าจะใช้เสพเอง ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1เสพเมทแอมเฟตามีนเองด้วย เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกให้แก่ผู้อื่นอันเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งเป็นความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 และเมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 2.876 กรัมซึ่งเกินปริมาณ 0.500 กรัม ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้มีได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนปริมาณมากเพื่อจำหน่ายเข้าข่ายความผิดฐานขายและมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด
เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีจำนวนถึง170เม็ดซึ่งเป็นจำนวนมากเกินกว่าจะใช้เสพเองทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่1เสพเมทแอมเฟตามีนเองด้วยเชื่อได้ว่าจำเลยที่1มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกให้แก่ผู้อื่นอันเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งเป็นความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2และเมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์2.876กรัมซึ่งเกินปริมาณ0.500กรัมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้มีได้จำเลยที่1จึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีและเสพเมทแอมเฟตามีนเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และผลกระทบของประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อการพิจารณาคดี
ความผิดฐานมีและเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นการกระทำที่แยกได้จึงเป็นความผิดหลายกรรม ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)กำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน0.500กรัมเมื่อไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางน้ำหนัก1.26กรัมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่กำหนดหรือไม่จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา106ทวิเพราะประกาศดังกล่าวเป็นคุณแก่จำเลยและศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่2ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี จำเลยที่1มีอายุเพียง18ปี2เดือนกำลังศึกษาอยู่และเคยมีความประพฤติดีมีภาระต้องช่วยเหลือครอบครัวไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนและเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองมีเพียง18เม็ดน้ำหนัก1.26กรัมสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษแต่กำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติและลงโทษปรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และการรับฟังคำรับสารภาพประกอบพยานหลักฐาน
โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ค้นพบของกลางในกระเป๋าเสื้อด้านขวาและในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้องโดยมิได้ถามค้านพยานโจทก์และนำพยานของตนเข้าสืบไม่มีพยานหลักฐานใดที่ชี้ได้ว่าพบของกลางที่เสื้อซึ่งแขวนอยู่ที่สระน้ำหรือจำเลยให้การรับสารภาพเพราะมีผู้แนะนำที่จำเลยฎีกาว่าพบของกลางที่เสื้อซึ่งแขวนที่สระน้ำเป็นเพียงข้ออ้างมาลอยๆจึงรับฟังไม่ได้ โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ลงวันที่19มกราคม2536ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศตามมาตรา6(7ทวิ)ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและจำเลยทราบแล้วจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องดังนี้การที่โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบประกอบคำรับสารภาพและพยานเบิกความเพียงแต่ระบุการกระทำของจำเลยโดยมิได้เบิกความถึงประกาศก็เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยทราบประกาศดังกล่าวแล้วและประกาศดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายเพราะกฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจประกาศแม้ประกาศฉบับดังกล่าวจะถูกยกเลิกโดยประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ลงวันที่3เมษายน2538ซึ่งประกาศฉบับใหม่นี้ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าให้คำนวณปริมาณเมทแอมเฟตามีนเมื่อเป็นสารบริสุทธิ์แล้วซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยกว่าจึงต้องใช้ประกาศฉบับหลังบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3
of 10