คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปล่อยปละละเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์: การปล่อยปละละเลยทำให้ขาดสิทธิฟ้องเรียกคืน
เดิมที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินมี น.ส.3 ของโจทก์ ต่อมา พ.ศ. 2511 ย. ได้นำรังวัดเพื่อออกโฉนดผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน ย. โฉนดออกให้เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2513 และต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม 2514 ย. ได้ขายที่ดินตามโฉนดดังกล่าวให้แก่จำเลย ดังนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 ให้สันนิษฐานว่า ผู้มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ย. และจำเลยมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องกัน จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานดังกล่าว ส่วนที่ดินโจทก์เป็นที่ น.ส.3 ผู้ยึดถือมีเพียงสิทธิครอบครองตลอดเวลาที่ยังคงยึดถืออยู่ เมื่อถูกรบกวนหรือถูกแย่งการครอบครองจะต้องฟ้องขอให้ปลดเปลื้องหรือเรียกคืนการครอบครองเสียภายใน 1 ปี ตามมาตรา 1374, 1375 เมื่อปรากฏว่าโจทก์เองไม่เคยเข้าไปครอบครองที่พิพาทจริงจัง เพิ่งรู้ว่ามีการบุกรุกออกโฉนดทับที่เมื่อโจทก์ไปขอรังวัดออกโฉนดที่ดินของตนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2513 และโจทก์จะขอเจรจากับ ย. เจ้าของที่ดินในขณะนั้นก็ถูกปฏิเสธ อันเป็นการโต้แย้งสิทธิในที่พิพาท แสดงว่าโจทก์รู้ว่าถูกแย่งการครอบครองตั้งแต่ขณะนั้น โจทก์มิได้ดำเนินการอย่างไร คงปล่อยปละละเลยเพิ่งมาฟ้องคดีขอให้เพิกถอนโฉนดและขับไล่จำเลยเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2517 เกิน 1 ปี นับแต่ถูกแย่งสิทธิครอบครอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่พิพาทจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในละเมิด: ครูระมัดระวังแล้วไม่ต้องรับผิด, มารดาปล่อยปละละเลยต้องรับผิด
เช้าวันเกิดเหตุ ครูได้เก็บเอาไม้กระบอกพลุที่เด็กนักเรียนเล่นมาทำลายและห้ามไม่ให้เล่นต่อไป ตอนหยุดพักกลางวันนักเรียนคนหนึ่งได้เล่นกระบอกพลุที่นอกห้องเรียนไปโดนนัยน์ตานักเรียนอีกคนหนึ่งบอด พฤติการณ์เช่นนี้ครูได้ใช้ระมัดระวังตามสมควรแล้ว เหตุที่เกิดละเมิดเป็นการนอกเหนืออำนาจและวิสัยที่ครูจะดูแลให้ปลอดภัยได้ ครูจึงไม่ต้องรับผิด
มารดาปล่อยให้บุตรเล่นไม้กระบอกพลุที่บ้านและนำไปเล่นที่โรงเรียน จนบุตรมีความชำนาญทำไม้กระบอกพลุให้คนอื่นเล่นได้ แสดงว่ามารดาปล่อยปละละเลยไม่ได้ดูแลหรือห้ามปราม แม้เหตุจะเกิดขึ้นที่โรงเรียนลับหลังมารดาก็ตาม ก็หาทำให้มารดาพ้นความผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่ทั้งสองฝ่ายยังมิได้ดำเนินการตามสัญญาซื้อขายที่ดินจนถึงวันฟ้อง ถือเป็นเหตุให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์จำเลยยังมิได้ไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินต่อกันตามสัญญา ต่างปล่อยปละละเลยเรื่อยมาจนถึงวันฟ้องเพราะโจทก์กับจำเลยยังมิได้กำหนดวันไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินรายนี้แก่กัน จะถือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญายังไม่ได้ เมื่อยังไม่มีฝ่ายใดผิดนัดผิดสัญญา อำนาจฟ้องร้องจึงยังไม่เกิดขึ้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่คู่สัญญายังมิได้ทำนิติกรรมโอนขาย และต่างปล่อยปละละเลยจนถึงวันฟ้อง ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้อง
การที่โจทก์จำเลยยังมิได้ไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินต่อกันตามสัญญา ต่างปล่อยปละละเลยเรื่อยมาจนถึงวันฟ้องเพราะโจทก์กับจำเลยยังมิได้กำหนดวันไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินรายนี้แก่กันจะถือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญายังไม่ได้เมื่อยังไม่มีฝ่ายใดผิดนัดผิดสัญญา อำนาจฟ้องร้องจึงยังไม่เกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้เลี้ยงสัตว์ ปล่อยปละละเลยให้สัตว์ทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแพ่ง ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 395แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้ จึงมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้เลี้ยงสัตว์ปล่อยปละละเลย ทำให้สัตว์เข้าทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 395 แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้จึงมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการปล่อยสุนัขทำอันตรายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 แบ่งสัตว์ได้เป็น 2 จำพวก คำว่า สัตว์ร้าย หมายความว่า โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองเป็นสัตว์ที่มีนิสัยทั้งดุและร้ายกาจเป็นปกติอยู่ในตัว และเป็นสัตว์ที่เป็นภัยอันตรายอันน่าสพึงกลัวต่อบุคคลผู้ได้พบเห็น เช่น เสือ จรเข้หรืองูพิษเป็นต้น ส่วนคำว่า สัตว์ดุ หมายความว่า โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองมิใช่สัตว์ร้าย แต่อาจะเป็นสัตว์ดุซึ่งเจ้าของจะต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษ ผิดจากปกติธรรมดา โดยล่ามโซ่หรือขังกรงไว้ เช่น สุนักข์ เป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาเจ้าของสัตว์ดุ ปล่อยปละละเลยให้สัตว์ทำอันตรายผู้อื่น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 แบ่งสัตว์ไว้เป็น 2 พวกคำว่า 'สัตว์ร้ายหมายความว่าโดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองเป็นสัตว์ที่มีนิสัยทั้งดุและร้ายกาจเป็นปกติอยู่ในตัวและเป็นสัตว์ที่เป็นภัยอันตรายอันน่าสพึงกลัวต่อบุคคลผู้ได้พบเห็นเช่นเสือจรเข้ หรืองูพิษเป็นต้นส่วนคำว่า 'สัตว์ดุ' หมายความว่า โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองมิใช่สัตว์ร้าย แต่อาจเป็นสัตว์ดุซึ่งเจ้าของจะต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษผิดจากปกติธรรมดา โดยล่ามโซ่หรือขังกรงไว้ เช่น สุนัข เป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีละเมิดจากการปล่อยปละละเลยต้นไม้ลุกล้ำที่ดินของผู้อื่น
โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้เช่าที่ดินของวัด ปลูกเรือนอาศัยอยู่ จำเลยได้ปล่อยปละละเลยให้ต้นมะม่วงที่ขึ้นอยู่ในที่ดินจำเลยเช่าแผ่กิ่งก้านสาขาเข้ามาปกคลุมหลังคาเรือนโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานละเมิดและเรียกค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การปล่อยปละละเลยและอายุความตาม ป.พ.พ. ม.1375
ได้ความว่าจำเลยได้ทำรั้วและปลูกห้องแถวลงในที่พิพาทตั้ง 3 ปีก่อนถูกฟ้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่ายังมิได้มีหนังสือสำคัญซึ่งโจทก์มีสิทธิจะกล่าวอ้างได้ก็แต่เพียงสิทธิครอบครองประการเดียวเท่านั้น โจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องงดและระวังรักษาสิทธิดังกล่าวไว้หาใช่มีแล้วก็ปล่อยปละละเลยไม่ต้องนำพาเสียเลย การที่โจทก์อ้างว่าตัวโจทก์อยู่ไกลไม่มีทางรู้ถือได้ว่าโจทก์ปล่อยปละละเลยไม่นำพาได้แล้วเพราะ ป.พ.พ. ม.1375 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองต้องเสียภายในหนึ่งนับแต่เวลาถูกแบ่งการครอบครองหาใช่นับแต่วันที่รู้ว่าถูกแย่งการครอบครองไม่ เมื่อจำเลยได้เข้าครอบครองที่พิพาทมาตั้ง 3 ปีแล้วจะเป็นโดยเจตนาสุจริตคิดว่าเป็นที่ดินของจำเลยเองหรือโดยเจตนาไม่สุจริตก็ดีและจะโดยโจทก์รู้เห็นแต่แรกแล้วหรือไม่เคยทราบเรื่องเลยก็ตาม ไม่ใช่เป็นข้อสำคัญถือว่าโจทก์หมดสิทธิฟ้องได้แล้ว.
of 4