พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการรอการลงโทษ พิจารณาจากพฤติการณ์ผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดย ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 69 ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปีศาลอุทธรณ์ลงโทษไม่เกินกำหนดดังกล่าว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ผู้ตายและผู้เสียหายดื่ม สุรามึนเมาแล้วเข้าไปในบ้านจำเลยซึ่ง แม้จะไม่มีอาวุธติด ตัว แต่ ก็ได้ ใช้ มือและเท้าทำร้ายหลานจำเลย จำเลยจึงใช้ อาวุธ ปืนสั้นยิงผู้ตายทางด้านหลัง 2 นัด และยิงผู้เสียหายอีก 1 นัด ผู้ตายกับผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดย เข้าไปคุกคาม จำเลยถึง ในบ้านเป็นการกระทำเยี่ยงอันธพาลทั้ง ผู้ตายและผู้เสียหายยังอยู่ในวัยหนุ่ม ส่วนจำเลยอยู่ในวัยชรา มีอายุ 62 ปีแล้วหากไม่ใช้ อาวุธปืน อาจไม่มีความว่องไวพอที่จะ ยับยั้งการคุกคามของผู้ตายและผู้เสียหายให้ทันการได้ หลังเกิดเหตุ จำเลยมอบเงิน ให้บิดาผู้ตายเป็นการบรรเทาความเสียหายถึง ความรับผิดชอบในการกระทำของตน จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะ รอการลงโทษให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การทำร้ายจากกลุ่มคนและการใช้ปืนป้องกันตัว
การที่ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกซึ่งมีจำนวนมาก เข้ากลุ้มรุมทำร้ายจำเลยซึ่งมีแต่ตัวคนเดียวและเป็นเวลากลางคืน จำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงแล้วแต่เมื่อผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกไม่มีอาวุธ ทั้งไม่ปรากฏว่าเมื่อจำเลยดิ้นหลุดออกจากกลุ่มผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกแล้วผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจะเข้ากลุ้มรุมทำร้ายจำเลยอีก การที่จำเลยใช้ปืนยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกเพื่อป้องกันตนจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุก็ไม่ต้องวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่อีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4284/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในคดีฆ่าผู้อื่น
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านจำเลยในเวลากลางคืนโดยผู้ตายกอดรัดคอพาพี่สาวจำเลยขึ้นไปเป็นตัวประกัน แล้วผู้ตายเตะทำลายทรัพย์สินต่าง ๆ บนบ้าน จำเลยกับพวกจึงวิ่งหลบหนีเข้าไปอยู่ในห้องนอนและปิดประตูไว้ ผู้ตายใช้เท้าถีบประตูห้องและร้องบอกให้ทุกคนออกมามิฉะนั้นจะฆ่าให้หมด ผู้ตายถีบประตูหลายครั้งจนประตูเปิดออกและจะเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตายล้มหงายลงกลางบ้านพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ตายไม่มีอาวุธและได้ความว่าผู้ตายมีอาการมึนเมาสุรามาก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึง 2 นัด จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3287/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงเพื่อป้องกันภรรยาจากผู้ทำร้าย
ผู้ตายถืออาวุธปืนเป็นฝ่ายก่อเหตุเข้ามาต่อว่าและตบตีภริยาจำเลย เมื่อจำเลยถือปืนวิ่งออกมาเห็นภริยาจำเลยมีเลือดเปื้อนเต็มตัว จำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะยิงภริยาจำเลย อันเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิที่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพื่อป้องกันชีวิตภริยาจำเลยได้ แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายติดต่อกันถึง 6 นัด ในขณะที่อาวุธปืนในมือของผู้ตายหล่น ลงไปที่พื้นแล้วหากจำเลยยิงผู้ตายเพียงนัดเดียวก็น่าจะหยุดยั้งผู้ตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69 คำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์มีเหตุผลสอดคล้องต้องกัน และได้ให้การหลังเกิดเหตุไม่นาน ไม่มีเวลาคิดไตร่ตรองเพื่อช่วยเหลือหรือปรักปรำฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เชื่อว่าได้ให้การไปตามความสัตย์จริงตามที่ตนได้รู้เห็นมาโดยไม่มีมูลเหตุจูงใจหรือถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด การที่ประจักษ์พยานโจทก์มาเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลปฏิเสธว่าไม่เห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุโดยไม่ได้ให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงเบิกความในชั้นพิจารณาไม่ตรงกับที่เคยให้การไว้ในชั้นสอบสวน เชื่อว่าเพื่อช่วยเหลือให้จำเลยพ้นผิด คำให้การพยานชั้นสอบสวนไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไม่ให้รับฟังประกอบเป็นข้อพิจารณาของศาล ศาลเชื่อคำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์เป็นความจริงยิ่งกว่าคำเบิกความในชั้นพิจารณา เมื่อรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นตลอดพฤติการณ์แห่งคดี พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควร: การใช้มีดแทงเพื่อป้องกันการลวนลามทางเพศในสถานการณ์ที่ผู้กระทำอยู่ในอาการมึนเมา
ผู้ตายหลอกลวงจำเลยว่า บุตรจำเลยป่วยหนัก สามีจำเลยให้ผู้ตายมารับจำเลยไป ผู้ตายขับพาไปถึงที่เปลี่ยวแล้วลวนลามจำเลย จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างแรง ถูกอวัยวะสำคัญขณะนั้นจำเลยอยู่ในสภาพแต่งกายเรียบร้อยผู้ตายก็ยังนุ่งกางเกงอยู่ ผู้ตายจึงคงลวนลามโดยกอดจูบเท่านั้น ไม่ถึงขั้นจะข่มขืนกระทำชำเราจำเลย กรณียังไม่พอถือว่าเป็นภยันตรายที่จะใกล้จะถึงสำหรับการจะถูกข่มขืนกระทำชำเรา คงเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงเฉพาะที่ผู้ตายกระทำอนาจารเท่านั้นในขณะที่ผู้ตายกอดปล้ำจำเลย ผู้ตายอาเจียนจำเลยยังดิ้นหลุดออกไปได้บ้างแต่ผู้ตายก็เข้ามากอดปล้ำอีก แสดงว่าผู้ตายเมาสุรามากจนแทบจะครองสติไม่ได้จำเลยอาจกระทำการใดเพื่อป้องกันโดยไม่จำต้องให้ผู้ตายถึงตายก็ได้ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายในที่สำคัญจนผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4955/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิจารณาบาดแผลและเจตนาของผู้กระทำ
การที่จำเลยใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของจำเลยในเวลากลางคืน 1 ที ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ยาว 6 เซนติเมตร กะโหลกศีรษะใต้บาดแผลแตกเป็นแนวยาวไปตามบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร แสดงว่าจำเลยฟันโดยแรงขณะผู้เสียหายเพิ่งโผล่ออกมาจากใต้แคร่ ในสภาพที่ผู้เสียหายซ่อนตัวอยู่ใต้แคร่ซึ่งอยู่ในเขตจำกัด จำเลยอาจจะใช้วิธีการอื่นที่จะสกัดกั้นไม่ให้ผู้เสียหายออกมาและเรียกร้องให้ผู้อื่นมาช่วยจับผู้เสียหายไว้ได้ ทั้งมีทางที่จะสังเกตได้ทันทีว่าผู้โผล่ออกมาเป็นใคร จะเกิดภัยแก่จำเลยเพียงใดหรือไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายกะโหลกศีรษะแตกเป็นแนวยาว 5เซนติเมตรแพทย์ลงความเห็นว่ารักษานานกว่า 21 วันหายแต่ได้ความว่าผู้เสียหายรับการรักษาอยู่โรงพยาบาล 6-7 วันแล้วถูกส่งตัวไปสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก 9 วันจึงกลับบ้านไม่ปรากฏว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องไปรับการรักษาที่ใดอีกหรือไม่ แสดงว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาไม่เกิน 20 วัน จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแย่งปืนและการแทงซ้ำจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยปัดปืนหลุดจากมือผู้ตาย ขณะแย่งปืนกันจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายครั้งแรกเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะแย่งปืนได้อีก แต่จำเลยก็ยังใช้มีดแทงฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนผู้ตายมีบาดแผลรวม 6 แผลล้วนเป็นแผลฉกรรจ์ ขณะผู้ตายไม่มีอาวุธและผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงซ้ำผู้ที่หมดสภาพต่อสู้
ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยปัดปืนหลุดจากมือผู้ตาย ขณะแย่งปืนกันจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายครั้งแรกเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะแย่งปืนได้อีก แต่จำเลยก็ยังใช้มีดแทงฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนผู้ตายมีบาดแผลรวม 6 แผลล้วนเป็นแผลฉกรรจ์ ขณะผู้ตายไม่มีอาวุธและผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การทำร้ายตอบโต้หลังถูกแทง และการเลือกใช้กำลังที่ไม่สมเหตุสมผล
ผู้ตายกับจำเลยเป็นพี่น้องกันอยู่บ้านเดียวกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เกิดทะเลาะโต้เถียงกันแล้วหยุดไป ต่อมาผู้ตายใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาว 1 คืบ กว้าง 1 นิ้ว แทงจำเลยก่อน แล้วเดินเข้าหาจำเลยอีก จำเลยจึงเอาไม้กระดานใช้ปิดฝาท่อระบายน้ำซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุตีผู้ตายที่ศีรษะครั้งเดียวถึงตาย ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ไม้นั้นยาว 99 เซนติเมตร หนา 1 นิ้ว กว้าง 10 เซนติเมตร แทนที่จะตีที่มือเพื่อให้มีดหลุด หรืออวัยวะส่วนอื่นเพื่อมิให้ผู้ตายเข้าทำอันตรายจำเลยได้กลับตีไปที่ศีรษะ จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าและการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การพิจารณาเจตนา การกระทำ และเหตุผลในการป้องกัน
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายในระยะ 4-5 เมตร ถูกผู้เสียหายที่ตะโพกซ้าย แสดงว่าจำเลยเจตนายิงไปที่ลำตัวของผู้เสียหายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย เหตุที่กระสุนปืนถูกที่ตะโพกซ้าย เชื่อได้ว่าเพราะจำเลยยิงไม่แม่นยำ การยิงของจำเลยอยู่ในลักษณะที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับพวกกำลังกลุ้มรุมทำร้าย น. การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน น. ให้พ้นภยันตรายจากการถูกทำร้าย แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไร การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับพวกกำลังกลุ้มรุมทำร้าย น. การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน น. ให้พ้นภยันตรายจากการถูกทำร้าย แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไร การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ