พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งอุทธรณ์มีผลเสมือนมิได้อุทธรณ์ และข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด 20 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคาร จำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน การทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้ และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่ามีกำหนด 20 ปี จะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่า ไม่ใช่วันทำสัญญาจอง และคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายมีผลทันทีเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด และการกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดู
การเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายมีผลทันทีนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1557(3) ทั้งตามพระราชบัญญัติ จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 20 บัญญัติว่าเมื่อศาลได้พิพากษาว่าผู้ใดเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายแล้วผู้มีส่วนได้เสียจะยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุดซึ่งรับรองถูกต้องแล้วมาให้บันทึกในทะเบียนก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับ ส. เป็นบุตรตามคำขอของโจทก์ ส่วนการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู ส. นั้นให้จ่ายตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาจนกว่า ส. จะบรรลุนิติภาวะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินโดยยังมิได้จดทะเบียน: ผลทางกฎหมายตาม ป.พ.พ. และ ป.ที่ดิน
พระภิกษุ ป. ทำหนังสือยกที่ดินให้โจทก์และ พ.มารดาจำเลยคนละครึ่งโดยมอบอำนาจให้โจทก์ยื่นคำร้องขอออก น.ส.3 รังวัดแบ่งแยกให้แก่โจทก์และจด-ทะเบียนโอนส่วนที่เหลือให้แก่ พ. ต่อมาได้มีการรังวัดแล้ว แต่ยังไม่ทันแบ่งแยก ป.มรดกภาพเสียก่อน จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเมื่อนำมาประกอบกับข้อความในพินัยกรรมของป.ที่ยกเลิกการยกที่พิพาทแก่โจทก์ แสดงว่า ป.ประสงค์จะยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยการทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หาใช่เป็นกรณีเจตนาสละการครอบ-ครองไม่ จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 525 และ ป.ที่ดิน มาตรา4 ทวิ เมื่อการให้รายนี้ยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นิติกรรมให้จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3347/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการไม่ขอหมายบังคับคดีต่อคำสั่งวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตามคำขอของโจทก์ต่อมาศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โดยในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน จำเลยมิได้ขอทุเลาการบังคับ เมื่อโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับ คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 260 (2)
ป.วิ.พ. มาตรา 260 เป็นบทบัญญัติในชั้นขอให้คุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างคดี ก่อนมีคำพิพากษาในแต่ละชั้นศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 260 (2) บัญญัติให้คำสั่งนั้นมีผลไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ศาลในชั้นนี้ย่อมหมายถึงศาลชั้นต้นหาใช่หมายถึงศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่
ป.วิ.พ. มาตรา 260 เป็นบทบัญญัติในชั้นขอให้คุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างคดี ก่อนมีคำพิพากษาในแต่ละชั้นศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 260 (2) บัญญัติให้คำสั่งนั้นมีผลไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ศาลในชั้นนี้ย่อมหมายถึงศาลชั้นต้นหาใช่หมายถึงศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4803/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการบอกล้างโมฆียะกรรมสัญญาประกันภัย: ระยะเวลาการบอกล้างและการมีผลทางกฎหมาย
หนังสือบอกล้างโมฆียะกรรมที่ผู้รับประกันภัยมีไปยังผุ้รับประโยชน์นั้น มีผลนับแต่เวลาที่ผู้รับประโยชน์ได้รับหนังสือดังกล่าว
เมื่อผู้รับประกันภัยบอกล้างสัญญาประกันชีวิตที่ตกเป็นโมฆียะไปยังผู้รับประโยชน์ภายหลังเมื่อพ้นกำหนด 1 เดือน นับแต่ทราบมูลอันจะบอกล้างได้ ผู้รับประกันภัยย่อมต้องรับผิดใช้เงินให้ผู้รับประโยชน์ตามสัญญาข้างต้น
เมื่อผู้รับประกันภัยบอกล้างสัญญาประกันชีวิตที่ตกเป็นโมฆียะไปยังผู้รับประโยชน์ภายหลังเมื่อพ้นกำหนด 1 เดือน นับแต่ทราบมูลอันจะบอกล้างได้ ผู้รับประกันภัยย่อมต้องรับผิดใช้เงินให้ผู้รับประโยชน์ตามสัญญาข้างต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำสั่งอายัดชั่วคราวเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดและการบังคับคดี
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินต่อศาลตามหมายอายัดชั่วคราว เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งนั้นก็ยังคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้นเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นบังคับคดี ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินจำนวนเดียวกันกับที่มีคำสั่งในหมายอายัดชั่วคราวย่อมถือได้ว่าคำสั่งที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินตามหมายอายัดชั่วคราวดังกล่าวเป็นอันยกเลิกไป ปัญหาว่าผู้คัดค้านต้องส่งเงินต่อศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวหรือไม่ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอีกต่อไป หากผู้คัดค้านเห็นว่าตนมีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในชั้นบังคับคดีก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์ ไม่มีผลทางกฎหมาย ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์มอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีแทนตามหนังสือมอบอำนาจซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ แม้โจทก์จะได้เสียค่าอากรแสตมป์สำหรับหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวครบถ้วนในระหว่างอุทธรณ์ก็ตาม แต่ในขณะฟ้องหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวก็ยังรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 เท่ากับผู้ฟ้องคดีมิได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีอำนาจฟ้อง การไม่ปิดอากรแสตมป์นี้แม้จำเลยจะไม่ตั้งประเด็นขึ้นมาแต่แรกจำเลยก็ยกขึ้นอุทธรณ์ได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2804/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำทางเพศโดยไม่สำเร็จและผลทางกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลย พาผู้เสียหายอายุ 8 ปี ไปที่สวนไม่มีบ้านคนอาศัย จัดการถอดเสื้อกางเกงของผู้เสียหายออกแล้วให้นอนลงแล้วจำเลยนอนทับ เอาอวัยวะเพศของจำเลยดันอวัยวะเพศของผู้เสียหายหลายครั้งจนผู้เสียหายรู้สึกเจ็บและมีโลหิตออก แพทย์ตรวจผู้เสียหายแล้วพบว่าเยื่อพรหมจารีขาด ไม่พบอสุจิ และมีรอยฝีเย็บขาดเล็กน้อยแต่ให้ความเห็นว่าไม่มีการร่วมเพศ คือไม่ได้ใช้อวัยวะเพศใส่ไปในช่องคลอดของผู้เสียหายดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น และไม่ผิดฐานกระทำอนาจารด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันโจทก์ในคดีที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากข้อผิดพลาดเดียวกัน
โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยพิมพ์ฉลากสำหรับใช้ปิดสับปะรดกระป๋อง จำเลยได้ส่งมอบฉลากให้โจทก์รับไปแล้ว แต่โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าจ้างพิมพ์ฉลากให้แก่จำเลย จำเลยจึงได้ยื่นฟ้องขอให้ศาลบังคับโจทก์ชำระเงินค่าจ้างพิมพ์ฉลาก โจทก์ให้การต่อสู้ว่าจำเลยพิมพ์ฉลากไม่ตรงตามตัวอย่างเป็นการผิดสัญญา และโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหาย ฐานผิดสัญญาพิมพ์ฉลากไม่เหมือนตัวอย่างเป็นคดีนี้ มูลกรณีที่โจทก์ถูกจำเลยฟ้อง จึงเป็นมูลคดีเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีทั้งสองสำนวนศาลพิจารณาพิพากษารวมกันเมื่อคดีแรกศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้พิมพ์ฉลากถูกต้องตามความประสงค์ของโจทก์ มิได้ผิดสัญญาคดีถึงที่สุดแล้ว ผลแห่งคำพิพากษานั้นย่อมผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์จะฎีกาในคดีนี้ว่าจำเลยพิมพ์ฉลากไม่ตรงตามตัวอย่าง เป็นการผิดสัญญาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าผ่านตัวแทน: ผลทางกฎหมายและการมีผลถึงผู้รับสัญญา
เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าให้นางสาว จ. ซึ่งอยู่ในห้องเช่าอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย รับไว้แทนจำเลยแล้ว ถือได้ว่าการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไปถึงจำเลยซึ่งเป็นคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งและมีผลนับแต่เวลาที่ไปถึงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 130 วรรคแรก โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้ว