พบผลลัพธ์ทั้งหมด 112 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3770/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตสินค้าโดยได้รับสิทธิบัตรจากต่างประเทศ ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิบัตรกรรมวิธีในประเทศ
โจทก์ที่ 1 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ช. เป็นผู้มีอำนาจในการปกป้องรวมทั้งการฟ้องคดีในศาลไทยเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์ที่ 1 และตามคำฟ้องก็บรรยายว่า ช. กระทำการในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 1 และในฐานะกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจของโจทก์ที่ 2 ประกอบกับท้ายคำฟ้อง ช. ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ที่ 2 ระบุว่าโจทก์ทั้งสองและในใบแต่งทนายความก็ได้ระบุว่าลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 1 กับในฐานะกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจของโจทก์ที่ 2 ถือได้ว่า ช. ลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 1 และในฐานะกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจของโจทก์ที่ 2 แล้ว คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7)
สิทธิบัตรไทยของโจทก์เป็นสิทธิบัตรกรรมวิธี จึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เฉพาะกรรมวิธีการผลิตข้อต่อแบบเชิงกลของแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงสำหรับคอนกรีตตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรนั้นเท่านั้น กล่าวคือได้รับความคุ้มครองเฉพาะกรรมวิธีเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงเข้าด้วยกันด้วยการนำส่วนปลายสุดที่ทำเป็นเกลียวไว้มาต่อกับส่วนปลอกโดยมีลักษณะพิเศษคือก่อนการทำเส้นเกลียวดังกล่าวส่วนปลายสุดของแท่งเหล็กที่จะนำมาเชื่อมต่อนั้นจะถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นด้วยวิธีแบบที่ไม่ใช้ความร้อนหรือวิธีแบบที่เย็น ไม่ได้รับความคุ้มครองสำหรับกรรมวิธีการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงเข้าด้วยกันด้วยวิธีขึ้นรูปโดยใช้ความร้อนหรือแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็น
จำเลยผลิตข้อต่อของแท่งเหล็กเส้นตามสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์สหรัฐอเมริกาที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิบัตรให้ใช้ซึ่งเป็นสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ข้อต่อเหล็กเส้นเสริมแรงคอนกรีตโดยการขยายปลายเหล็กเส้นเสริมแรงให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้นโดยการตีขึ้นรูป จึงครอบคลุมถึงการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงโดยมีการทำให้ปลายเหล็กเส้นเสริมแรงขยายใหญ่ขึ้นก่อนทำเกลียว ด้วยกรรมวิธีการตีขึ้นรูปทุกกรรมวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตีขึ้นรูปแบบเย็น แบบร้อน หรือแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็น แม้จะมีกรรมวิธีการผลิตเช่นเดียวกับกรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์ ก็แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์ จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 85 ประกอบด้วยมาตรา 36 วรรคหนึ่ง (2)
สิทธิบัตรไทยของโจทก์เป็นสิทธิบัตรกรรมวิธี จึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เฉพาะกรรมวิธีการผลิตข้อต่อแบบเชิงกลของแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงสำหรับคอนกรีตตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรนั้นเท่านั้น กล่าวคือได้รับความคุ้มครองเฉพาะกรรมวิธีเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงเข้าด้วยกันด้วยการนำส่วนปลายสุดที่ทำเป็นเกลียวไว้มาต่อกับส่วนปลอกโดยมีลักษณะพิเศษคือก่อนการทำเส้นเกลียวดังกล่าวส่วนปลายสุดของแท่งเหล็กที่จะนำมาเชื่อมต่อนั้นจะถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นด้วยวิธีแบบที่ไม่ใช้ความร้อนหรือวิธีแบบที่เย็น ไม่ได้รับความคุ้มครองสำหรับกรรมวิธีการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงเข้าด้วยกันด้วยวิธีขึ้นรูปโดยใช้ความร้อนหรือแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็น
จำเลยผลิตข้อต่อของแท่งเหล็กเส้นตามสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์สหรัฐอเมริกาที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิบัตรให้ใช้ซึ่งเป็นสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ข้อต่อเหล็กเส้นเสริมแรงคอนกรีตโดยการขยายปลายเหล็กเส้นเสริมแรงให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้นโดยการตีขึ้นรูป จึงครอบคลุมถึงการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงโดยมีการทำให้ปลายเหล็กเส้นเสริมแรงขยายใหญ่ขึ้นก่อนทำเกลียว ด้วยกรรมวิธีการตีขึ้นรูปทุกกรรมวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตีขึ้นรูปแบบเย็น แบบร้อน หรือแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็น แม้จะมีกรรมวิธีการผลิตเช่นเดียวกับกรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์ ก็แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์ จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 85 ประกอบด้วยมาตรา 36 วรรคหนึ่ง (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3770/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิบัตร: การผลิตภายใต้สิทธิที่ได้รับจากผู้ทรงสิทธิบัตร ไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์ที่ 1 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ช. เป็นผู้มีอำนาจในการปกป้องรวมทั้งการฟ้องคดีในศาลไทยเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์ที่ 1 และตามคำฟ้องก็บรรยายว่า ช. กระทำการในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 1 และในฐานะกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจของโจทก์ที่ 2 ประกอบกับท้ายคำฟ้อง ช. ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ที่ 2 ระบุว่าโจทก์ทั้งสองและในใบแต่งทนายความก็ได้ระบุว่าลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 1 กับในฐานะกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจของโจทก์ที่ 2 ถือได้ว่า ช. ลงลายมือชื่อในคำฟ้องในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 1 และในฐานะกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจของโจทก์ที่ 2 แล้ว คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(7)
ที่ประชุมบริษัทโจทก์มีมติให้แต่งตั้ง ป. เป็นผู้ชำระบัญชีบริษัทโจทก์ตามกฎหมายของประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2540 บริษัทโจทก์จึงยังคงตั้งอยู่เพื่อให้ ป. ดำเนินการชำระบัญชี เป็นผู้แทนของโจทก์สำหรับสิทธิทุกอย่างการดำเนินการและความรับผิดชอบทั้งหมด ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบริษัทโจทก์อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ภารกิจในการยกเลิกกิจการของโจทก์ยังคงดำเนินอยู่และเป็นผู้แทนของโจทก์ในการดำเนินการเกี่ยวกับการยกเลิกกิจการของโจทก์ตามขั้นตอนของกฎหมายโดยไม่มีกำหนดเวลา บริษัทโจทก์จึงหาได้สิ้นสภาพเป็นนิติบุคคลไปไม่เมื่อ ป. ซึ่งเป็นผู้แทนของโจทก์และมีอำนาจดำเนินการทุกเรื่องแทนโจทก์ตั้งแต่วันที่31 มกราคม 2540 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ช. เป็นผู้ดำเนินคดีนี้แทนโจทก์เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2540 ช. ผู้รับมอบอำนาจจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
สิทธิบัตรไทยของโจทก์เป็นสิทธิบัตรกรรมวิธี จึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรฯ เฉพาะกรรมวิธีการผลิตข้อต่อแบบเชิงกลของแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงสำหรับคอนกรีตตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรนั้นเท่านั้น ไม่ได้รับความคุ้มครองสำหรับกรรมวิธีการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงเข้าด้วยกันด้วยวิธีขึ้นรูปโดยใช้ความร้อนหรือวิธีขึ้นรูปแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็น เมื่อจำเลยร่วมกันผลิตข้อต่อของแท่งเหล็กเส้นตามสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ข้อต่อเหล็กเส้นเสริมแรงคอนกรีตโดยการขยายปลายเหล็กเส้นเสริมแรงให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้นโดยการตีขึ้นรูป สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์นี้จึงครอบคลุมถึงการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงโดยมีการทำให้ปลายเหล็กเส้นเสริมแรงขยายใหญ่ขึ้น ก่อนทำเกลียวด้วยกรรมวิธีการตีขึ้นรูปทุกกรรมวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตีขึ้นรูปแบบเย็นแบบร้อน หรือแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็นซึ่งครอบคลุมถึงกรรมวิธีการผลิตตามสิทธิบัตรกรรมวิธีของโจทก์ตามสิทธิที่ได้รับมาแม้มีกรรมวิธีการผลิตเช่นเดียวกับกรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์ ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการกระทำโดยจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์การกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงไม่เป็นความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรของผู้อื่นตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรฯ มาตรา 85 ประกอบด้วยมาตรา 36 วรรคหนึ่ง(2)
ที่ประชุมบริษัทโจทก์มีมติให้แต่งตั้ง ป. เป็นผู้ชำระบัญชีบริษัทโจทก์ตามกฎหมายของประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2540 บริษัทโจทก์จึงยังคงตั้งอยู่เพื่อให้ ป. ดำเนินการชำระบัญชี เป็นผู้แทนของโจทก์สำหรับสิทธิทุกอย่างการดำเนินการและความรับผิดชอบทั้งหมด ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบริษัทโจทก์อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ภารกิจในการยกเลิกกิจการของโจทก์ยังคงดำเนินอยู่และเป็นผู้แทนของโจทก์ในการดำเนินการเกี่ยวกับการยกเลิกกิจการของโจทก์ตามขั้นตอนของกฎหมายโดยไม่มีกำหนดเวลา บริษัทโจทก์จึงหาได้สิ้นสภาพเป็นนิติบุคคลไปไม่เมื่อ ป. ซึ่งเป็นผู้แทนของโจทก์และมีอำนาจดำเนินการทุกเรื่องแทนโจทก์ตั้งแต่วันที่31 มกราคม 2540 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ช. เป็นผู้ดำเนินคดีนี้แทนโจทก์เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2540 ช. ผู้รับมอบอำนาจจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
สิทธิบัตรไทยของโจทก์เป็นสิทธิบัตรกรรมวิธี จึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรฯ เฉพาะกรรมวิธีการผลิตข้อต่อแบบเชิงกลของแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงสำหรับคอนกรีตตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรนั้นเท่านั้น ไม่ได้รับความคุ้มครองสำหรับกรรมวิธีการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงเข้าด้วยกันด้วยวิธีขึ้นรูปโดยใช้ความร้อนหรือวิธีขึ้นรูปแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็น เมื่อจำเลยร่วมกันผลิตข้อต่อของแท่งเหล็กเส้นตามสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ข้อต่อเหล็กเส้นเสริมแรงคอนกรีตโดยการขยายปลายเหล็กเส้นเสริมแรงให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้นโดยการตีขึ้นรูป สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์นี้จึงครอบคลุมถึงการเชื่อมต่อแท่งเหล็กเส้นเสริมแรงโดยมีการทำให้ปลายเหล็กเส้นเสริมแรงขยายใหญ่ขึ้น ก่อนทำเกลียวด้วยกรรมวิธีการตีขึ้นรูปทุกกรรมวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตีขึ้นรูปแบบเย็นแบบร้อน หรือแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็นซึ่งครอบคลุมถึงกรรมวิธีการผลิตตามสิทธิบัตรกรรมวิธีของโจทก์ตามสิทธิที่ได้รับมาแม้มีกรรมวิธีการผลิตเช่นเดียวกับกรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์ ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการกระทำโดยจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์การกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงไม่เป็นความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรของผู้อื่นตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรฯ มาตรา 85 ประกอบด้วยมาตรา 36 วรรคหนึ่ง(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9275/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดต้องมีเจตนาสร้างอันตรายร้ายแรง จึงถือเป็นผลิตตามกฎหมาย และการริบของกลางต้องเชื่อมโยงกับความผิดที่ฟ้อง
การผลิตโดยการแบ่งบรรจุตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ต้องเป็นการแบ่งบรรจุที่เป็นอันตรายแก่สังคม อย่างร้ายแรงทำนองเดียวกับการเพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป หรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์
ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยแบ่งบรรจุเฮโรอีนของกลางโดยมีวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตรายแก่สังคม อย่างร้ายแรงทำนองเดียวกับการเพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป หรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งการที่จำเลยร่วมกันตัดหลอดกาแฟและกรอกเฮโรอีนของกลาง อาจเป็นการแบ่งบรรจุเพื่อความสะดวกในการเสพ ของตนก็เป็นได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการผลิตเฮโรอีน
โจทก์มิได้ฟ้องในความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย แม้กระบอกและเข็มฉีดยาของกลางจำเลยจะมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด แต่ก็เป็นความผิดฐานอื่นไม่เกี่ยวกับฐานความผิดในคดีที่โจทก์ฟ้อง หากศาลพิพากษาให้ริบ ย่อมมีผลเป็นการพิพากษาเกินไปจากหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องอันเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ศาลจึงไม่อาจริบกระบอกและเข็มฉีดยาของกลางดังกล่าวได้
(วรรคแรกและวรรคสองวินิจฉัยโดยมติประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2544)
(ตัดสินก่อนแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545)
ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยแบ่งบรรจุเฮโรอีนของกลางโดยมีวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตรายแก่สังคม อย่างร้ายแรงทำนองเดียวกับการเพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป หรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งการที่จำเลยร่วมกันตัดหลอดกาแฟและกรอกเฮโรอีนของกลาง อาจเป็นการแบ่งบรรจุเพื่อความสะดวกในการเสพ ของตนก็เป็นได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการผลิตเฮโรอีน
โจทก์มิได้ฟ้องในความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย แม้กระบอกและเข็มฉีดยาของกลางจำเลยจะมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด แต่ก็เป็นความผิดฐานอื่นไม่เกี่ยวกับฐานความผิดในคดีที่โจทก์ฟ้อง หากศาลพิพากษาให้ริบ ย่อมมีผลเป็นการพิพากษาเกินไปจากหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องอันเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ศาลจึงไม่อาจริบกระบอกและเข็มฉีดยาของกลางดังกล่าวได้
(วรรคแรกและวรรคสองวินิจฉัยโดยมติประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2544)
(ตัดสินก่อนแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9275/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อเสพ ไม่ถือเป็น 'ผลิต' ตามกฎหมาย และการริบของกลางต้องสัมพันธ์กับความผิดที่ฟ้อง
เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 แบ่งบรรจุเฮโรอีนของกลางโดยมีวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงทำนองเดียวกับการเพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป หรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 อาจแบ่งบรรจุเพื่อความสะดวกในการเสพของตนก็เป็นได้ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงไม่เป็นการผลิตตามมาตรา 4,65
กระบอกและเข็มฉีดยาของกลางมิใช่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) เพราะโจทก์มิได้ฟ้องในความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย แม้ทรัพย์ดังกล่าวจะมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด แต่ก็เป็นความผิดฐานอื่นไม่เกี่ยวกับฐานความผิดในคดี จึงไม่อาจริบกระบอกและเข็มฉีดยาของกลางได้
กระบอกและเข็มฉีดยาของกลางมิใช่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) เพราะโจทก์มิได้ฟ้องในความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย แม้ทรัพย์ดังกล่าวจะมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด แต่ก็เป็นความผิดฐานอื่นไม่เกี่ยวกับฐานความผิดในคดี จึงไม่อาจริบกระบอกและเข็มฉีดยาของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9239/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อเสพเอง ไม่ถือเป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษ
แม้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 บัญญัติว่าการผลิตให้หมายความรวมถึงการแบ่งบรรจุหรือการรวมบรรจุด้วยแต่เมื่อคำนึงถึงโทษฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ซึ่งมาตรา 65 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตเท่ากับโทษฐานนำเข้าหรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ในขณะที่โทษฐานจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัมตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีหรือถึงจำคุกตลอดชีวิตและปรับด้วยแล้ว เห็นได้ว่ากฎหมายกำหนดโทษในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามความร้ายแรงของอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่สังคมอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดโดยการผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไม่ว่าด้วยการเพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูปหรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการกระทำที่จะเกิดอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงเพราะเป็นการเพิ่มความรุนแรงของยาเสพติดให้โทษหรือเป็นการทำให้ยาเสพติดให้โทษนั้นแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น กฎหมายจึงต้องกำหนดโทษสูง เมื่อความมุ่งหมายของกฎหมายเป็นเช่นนี้ คำว่า "การแบ่งบรรจุหรือการรวมบรรจุ"ในมาตรา 4 ดังกล่าว จึงต้องหมายถึงการแบ่งบรรจุหรือการรวมบรรจุที่เป็นอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงทำนองเดียวกับการเพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป หรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์
ข้อเท็จจริงที่ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งบรรจุเฮโรอีนของกลาง ซึ่งอาจทำขึ้นเพื่อเก็บไว้เสพเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำเลยทั้งสองคงมีความผิดเพียงฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ซึ่งการกระทำความผิดฐานนี้เป็นการกระทำอย่างหนึ่งในความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1และในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลย่อมลงโทษจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
ข้อเท็จจริงที่ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งบรรจุเฮโรอีนของกลาง ซึ่งอาจทำขึ้นเพื่อเก็บไว้เสพเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำเลยทั้งสองคงมีความผิดเพียงฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ซึ่งการกระทำความผิดฐานนี้เป็นการกระทำอย่างหนึ่งในความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1และในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลย่อมลงโทษจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9167/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อใช้เอง ไม่ถือเป็น 'ผลิต' ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
การแบ่งบรรจุยาเสพติดให้โทษเพื่อความสะดวกในการใช้หรือเสพของผู้แบ่งบรรจุเอง มิใช่เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกแก่บุคคลทั่วไป ไม่ใช่การแบ่งบรรจุซึ่งมีลักษณะเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมในทำนองเดียวกับการเพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป และสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ไม่อยู่ในความหมายของคำว่า "ผลิต" ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 จึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันผลิตหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2544)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2544)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8634/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานผลิตยาเสพติด: กรรมเดียวผิดหลายบท - การพิจารณาโทษบทที่หนักที่สุด
แม้ความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนและความผิดฐานผลิตอีเฟดรีนเป็นความผิดต่อกฎหมายต่างฉบับมีอัตราโทษแตกต่างกัน และขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นจับกุมจำเลยจะพบผงซึ่งมีส่วนผสมอีเฟดรีนจำนวนหนึ่งด้วยกันกับผงเมทแอมเฟตามีนซึ่งมีส่วนผสมของอีเฟดรีนรวมเป็นวัตถุเดียวกันอีกจำนวนหนึ่งก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ได้ความตามคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาว่าจำเลยรับผงดังกล่าวรวมกันมาจาก ง. ด้วยเจตนาผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดเพื่อให้ ง. นำไปจำหน่ายโดยจำเลยมิได้มีเจตนาหรือมีการกระทำใดที่เป็นการแยกผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนหรืออีเฟดรีนเป็นคนละประเภทต่างหากจากกันนอกจากนั้นผลการตรวจพิสูจน์ของกลางทั้งชนิดเม็ดและชนิดผงมีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน อีเฟดรีนและคาเฟอีน ดังนี้เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดทั้งชนิดเม็ดและชนิดผงถูกผสมด้วยอีเฟดรีนบางส่วนก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนที่มีอีเฟดรีนผสมอยู่จึงเป็นวัตถุอันเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย เพียงแต่บรรยายในฟ้องข้อ 1 ก. ว่า จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1และอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 รวม 1,377 เม็ด เป็นผงจำนวน 1 ถุง 5 ซอง รวมน้ำหนัก 590.64 กรัม และเป็นการมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนฟ้องข้อ 1 ข. บรรยายว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. โดยการทำ แปรสภาพเปลี่ยนรูปอันเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเท่านั้นตามคำฟ้องดังกล่าวหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวเพื่อจำหน่ายแต่ประการใดไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายและลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบปัญหาดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย เพียงแต่บรรยายในฟ้องข้อ 1 ก. ว่า จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1และอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 รวม 1,377 เม็ด เป็นผงจำนวน 1 ถุง 5 ซอง รวมน้ำหนัก 590.64 กรัม และเป็นการมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนฟ้องข้อ 1 ข. บรรยายว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. โดยการทำ แปรสภาพเปลี่ยนรูปอันเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเท่านั้นตามคำฟ้องดังกล่าวหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวเพื่อจำหน่ายแต่ประการใดไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายและลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบปัญหาดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7830/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมผลิตยาเสพติดและการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำระหว่างพักการลงโทษ
พ.ศ. 2539 มาตรา 4
พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539 มาตรา 6
จำเลยกับพวกมีการติดต่อประสานงานกันอย่างใกล้ชิด กรรมวิธีในการผลิตเมทแอมเฟตามีนมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่จัดหาสถานที่ จัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ตลอดจนสารเคมีต่าง ๆ รวมทั้งแรงงานในการผลิต ผู้เข้าร่วมในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งย่อมถือว่าเป็นตัวการที่ร่วมกันกระทำความผิดแล้ว ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นผู้ดำเนินการเองทุกขั้นตอนจนสำเร็จ ดังนั้น จำเลยจึงไม่จำต้องเป็นผู้ลงมือปรุงหรืออัดเม็ดเมทแอมเฟตามีนด้วยตนเอง การกระทำความผิดของจำเลยกับพวกเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ถือว่าเป็นตัวการร่วมกัน
จำเลยมากระทำผิดอาญาขึ้นอีกในระหว่างได้รับการพักการลงโทษเป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษตาม พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 มาตรา 43 กฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 ข้อ 93 (1) และ 94 (ก) และ พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539 มาตรา 6 จำเลยจึงมิใช่ผู้ซึ่งพ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่ พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 ใช้บังคับ จำเลยจึงไม่ได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ. ล้างมลทิน ฯ มาตรา 4
พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539 มาตรา 6
จำเลยกับพวกมีการติดต่อประสานงานกันอย่างใกล้ชิด กรรมวิธีในการผลิตเมทแอมเฟตามีนมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่จัดหาสถานที่ จัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ตลอดจนสารเคมีต่าง ๆ รวมทั้งแรงงานในการผลิต ผู้เข้าร่วมในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งย่อมถือว่าเป็นตัวการที่ร่วมกันกระทำความผิดแล้ว ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นผู้ดำเนินการเองทุกขั้นตอนจนสำเร็จ ดังนั้น จำเลยจึงไม่จำต้องเป็นผู้ลงมือปรุงหรืออัดเม็ดเมทแอมเฟตามีนด้วยตนเอง การกระทำความผิดของจำเลยกับพวกเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ถือว่าเป็นตัวการร่วมกัน
จำเลยมากระทำผิดอาญาขึ้นอีกในระหว่างได้รับการพักการลงโทษเป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษตาม พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 มาตรา 43 กฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 ข้อ 93 (1) และ 94 (ก) และ พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539 มาตรา 6 จำเลยจึงมิใช่ผู้ซึ่งพ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่ พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 ใช้บังคับ จำเลยจึงไม่ได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ. ล้างมลทิน ฯ มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานสนับสนุนการตัดสิน
แม้พยานโจทก์ทั้งสามคนจะเบิกความต่างกัน ทั้งในแง่ของจำนวนคนที่เข้าไปร่วมจับกุมจำเลย จำนวนคนที่พบในบ้านจำเลย และวิธีการหลบหนีของจำเลยว่าหลบหนีทางหน้าบ้านบ้างหลังบ้านบ้าง แต่ก็มิใช่ข้อแตกต่างที่เป็น สาระสำคัญอันจะทำให้คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามมีน้ำหนักน้อยลงถึงกับรับฟังไม่ได้ทั้งหมด เพราะจำเลยเองก็เบิกความรับว่าในวันเกิดเหตุจำเลยอยู่ในบ้านเกิดเหตุและได้วิ่งหลบหนีจนเจ้าพนักงานตำรวจไล่ตามจับกุมได้ พยานหลักฐานโจทก์อื่น ๆ ก็มีเหตุผลและน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยกับพวกมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองจริง เมื่อเฮโรอีนของกลางคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 17.247 กิโลกรัม จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานเด็ดขาดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ที่ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ที่บัญญัติว่า "ผลิต..ให้หมายความรวมถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย" ดังนั้น พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกเอาเฮโรอีนอัดใส่ถุงพลาสติกเป็นแท่งยาวแล้วแบ่งแยกบรรจุลงในแผ่นไม้ฉำฉาที่ฉลุเป็นช่องไม้แล้วนำมาประกบติดกันเป็นคู่เพื่อจะนำไปประกอบเป็นลังไม้ เป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว
ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ที่บัญญัติว่า "ผลิต..ให้หมายความรวมถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย" ดังนั้น พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกเอาเฮโรอีนอัดใส่ถุงพลาสติกเป็นแท่งยาวแล้วแบ่งแยกบรรจุลงในแผ่นไม้ฉำฉาที่ฉลุเป็นช่องไม้แล้วนำมาประกบติดกันเป็นคู่เพื่อจะนำไปประกอบเป็นลังไม้ เป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียวผิดหลายบท กรณีผลิตและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
จำเลยผลิตกัญชาโดยการแบ่งจากแท่งบรรจุถุงพลาสติกเล็ก ๆ ซึ่งเป็นกัญชาส่วนหนึ่งที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นกัญชาจำนวนเดียวกันเพียงแต่จำเลยแบ่งบรรจุเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท