พบผลลัพธ์ทั้งหมด 256 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับรองของผู้ตายก่อนสิ้นใจเป็นหลักฐานสำคัญยืนยันตัวผู้กระทำผิดได้ แม้ไม่มีพยานบุคคลอื่นสนับสนุน
ขณะที่ผู้ตายพูดกับ พ. พยานโจทก์นั้น ผู้ตายมีอาการล้มลุกคลุกคลานขอให้รีบนำส่งโรงพยาบาล และขณะพูดกับโจทก์ร่วมที่ 1 ซึ่งเป็นมารดานั้น ผู้ตายมีใบหน้าสีดำคล้ำ หายใจโรย คว้ามือโจทก์ร่วมที่ 1 ไปบอกชื่อคนร้าย จากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้และถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา แสดงว่าผู้ตายยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตาย คำกล่าวเช่นนี้รับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง แม้โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองไม่มีประจักษ์พยานก็ฟัง ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลพินิจศาลในการลดโทษผู้กระทำผิดอายุกว่าสิบเจ็ดปีแต่ไม่เกินยี่สิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่มีอายุกว่าสิบเจ็ดปีแต่ยังไม่เกินยี่สิบปี โดยพิเคราะห์ถึงความรู้สึกผิดชอบและสิ่งอื่นทั้งปวงเกี่ยวกับจำเลย ดังนั้น ศาลอาจลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง หรืออาจไม่ลดมาตราส่วนโทษให้เลยก็ได้บทบัญญัติมาตราดังกล่าวหาได้บังคับให้ศาลต้องลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยทุกกรณีเสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2020/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากคำเบิกความพยานผู้เสียหาย และการไม่ริบของกลางที่เจ้าของมิได้มีส่วนร่วม
มีดของกลางเป็นมีดสำหรับใช้ทำครัวภายในบ้านของผู้เสียหาย แม้จะเป็นทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการชิงทรัพย์ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ศาลไม่อาจสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 วรรคสองต้องคืนแก่เจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7164/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษและรอการลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดอายุน้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษที่ไม่เหมาะสมตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขอให้รอการลงโทษ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เหมาะสม ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3036/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลางในคดีพนัน ศาลไม่รับฟังหากจำเลยเป็นผู้กระทำผิดและทรัพย์สินเกี่ยวข้องกับการพนัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตและขอให้ริบทรัพย์ของกลางคือ เงินสดจำนวน 8,231,480 บาท โพยสลากกินรวบ 86 แผ่น สมุดฉีก 3 เล่ม ปากกา 2 ด้าม เครื่องคิดเลข 4 เครื่อง และต้นขั้วโพยสลากกินรวบ 6 เล่ม ซึ่งเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว จึงต้องฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องและทรัพย์ของกลางเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยจะมาโต้เถียงข้อเท็จจริงในชั้นขอคืนของกลางให้รับฟังเป็นอย่างอื่นว่าเงินสดของกลางบางส่วนจำนวน 800,000 บาท เป็นทรัพย์ที่ยึดได้จากตัวจำเลยโดยจำเลยไม่ได้เอาออกพนันหาได้ไม่
การร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบตาม ป.อ. มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนได้ต่อเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องขอเป็นเจ้าของที่แท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง ศาลก็จะสั่งคืนของกลางให้ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำร้องขอให้คืนของกลางของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องชอบแล้ว
การร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบตาม ป.อ. มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนได้ต่อเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องขอเป็นเจ้าของที่แท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง ศาลก็จะสั่งคืนของกลางให้ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำร้องขอให้คืนของกลางของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3036/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลางในคดีพนัน ศาลไม่รับฟังเหตุผลผู้กระทำผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องและทรัพย์ของกลางเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยจะมาโต้เถียงข้อเท็จจริงในชั้นขอคืนของกลางให้รับฟังว่าเงินสดของกลางบางส่วนไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนัน แต่เป็นทรัพย์สินที่ยึดได้จากตัวจำเลยโดยจำเลยไม่ได้เอาออกพนันตามคำร้องหาได้ไม่ ทั้งการร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36ศาลจะสั่งคืนได้ต่อเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องขอเป็นเจ้าของที่แท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง ศาลจะสั่งคืนของกลางให้ไม่ได้จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำร้องของจำเลยไว้ไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2866/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการกับผู้กระทำผิดในวัยเยาว์ที่พ้นวัยแล้ว ศาลสั่งมอบตัวผู้กระทำผิดให้ผู้ปกครองดูแลและกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติ
ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 มีอายุ 13 ปี จึงไม่ต้องรับโทษตาม ป.อ. มาตรา 74 แต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมีกำหนดขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ปี และขั้นสูง ไม่เกิน 2 ปี แต่เมื่อขณะจำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา จำเลยที่ 1 มีอายุครบสิบแปดปีแล้ว ศาลจึงไม่อาจส่งตัวจำเลยที่ 1 ไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนตาม ป.อ. มาตรา 74 (5) ได้ จึงสมควรที่จะดำเนินการแก่จำเลยที่ 1 ตามมาตรา 74 ประการอื่นที่เหมาะสมแก่จำเลยที่ 1 โดยเห็นควรมอบตัวจำเลยที่ 1 ให้มารดาหรือผู้ปกครองซึ่งยังสามารถ ดูแลจำเลยที่ 1 ได้ไป โดยวางข้อกำหนดให้มารดาหรือผู้ปกครองปฏิบัติตามและเพื่อให้จำเลยที่ 1 หลาบจำเห็นสมควรกำหนดวิธีดำเนินการและเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับฟังคำซัดทอดผู้กระทำผิดร่วมกันได้ พยานแวดล้อมประกอบคำรับสารภาพเชื่อถือได้
แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แต่โจทก์ก็มีพยานแวดล้อม โดยได้ตรวจพบเอกสารแสดงการทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถของผู้เสียหายอยู่กับพวกของจำเลย สำหรับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายนั้น ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ได้ให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์และได้ให้การถึงรายละเอียดวิธีการลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย เมื่อลักรถจักรยานยนต์ไปแล้วก็ได้นำไปให้จำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 3 ก็เบิกความได้สอดคล้องกับที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การ ฉะนั้น เมื่อพิเคราะห์พยานแวดล้อมซึ่งสมเหตุสมผลสอดคล้องกับคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ประกอบกับคำให้การของจำเลยที่ 3 แล้วน่าเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันลักทรัพย์ตามฟ้องจริง
ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน ฉะนั้นการที่ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 3 ให้การด้วยความสุจริตใจ พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมามอบให้โดยบอกว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ลักมา จึงสามารถรับฟังประกอบการพิจารณาคดีได้
ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน ฉะนั้นการที่ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 3 ให้การด้วยความสุจริตใจ พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมามอบให้โดยบอกว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ลักมา จึงสามารถรับฟังประกอบการพิจารณาคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดทางแพ่งของผู้กระทำผิดฐานรับของโจร เมื่อทรัพย์สินถูกคืนผู้เสียหายแล้ว
จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยจะต้องมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้ว จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนตามคำขอของโจทก์ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3089/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดที่ไม่ต้องขออนุมัติจากเลขาธิการ ป.ป.ส. หากไม่ใช่ผู้กระทำผิดตาม ม.6 หรือ ม.8
การจับกุมผู้กระทำความผิดที่ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดก่อนตามมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ต้องเป็นการจับกุมผู้กระทำความผิดตามมาตรา 6 หรือมาตรา 8 แล้วแต่กรณี เมื่อจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยตนเอง ไม่ใช่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 6 หรือมาตรา 8 ดังกล่าว การจับกุมจำเลยจึงไม่ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทั้งคดีนี้มีการสอบสวนโดยชอบแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง