คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ทรงเช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4383/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: ผู้รับโอนเช็คมีอำนาจฟ้อง แม้ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คขณะปฏิเสธการจ่ายเงิน อายุความ 1 ปี
เช็คพิพาทระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงิน แต่ไม่ได้ขีดฆ่าคำว่าผู้ถือเช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือด้วย การสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ประกอบด้วยมาตรา 989 บัญญัติว่าเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย หาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังตามกฎหมายไม่ ดังนั้นการที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อเรียกเก็บเงินผ่านบัญชีของผู้อื่นซึ่งเป็นตัวแทน หรือโอนเช็คพิพาทไป เมื่อเช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้เช็คพิพาทกลับมาอยู่ในความยึดถือครอบครอง โจทก์ย่อมมีฐานะเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002
ผู้ทรงเช็คที่จะมีอำนาจฟ้องผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คมิได้จำกัดเฉพาะผู้ทรงเช็คขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเท่านั้น ผู้ที่รับโอนเช็คมาโดยสุจริตหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินก็เป็นผู้ทรงเช็คที่มีอำนาจฟ้องผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คได้ ดังนั้นโจทก์จะเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินหรือไม่ก็ตาม โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4383/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือและผู้สลักหลัง: อำนาจฟ้องของผู้ทรงเช็คและอายุความ
เช็คพิพาทระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงิน แต่ไม่ได้ขีดฆ่าคำว่าผู้ถือจึงเป็นเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือด้วย หากมีการสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ประกอบด้วยมาตรา 989 จึงบัญญัติว่าเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย หาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังไม่ ดังนั้น การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาท ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อเรียกเก็บเงินผ่านบัญชีของผู้อื่นซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ หรือโอนเช็คพิพาทไป เมื่อเช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้เช็คพิพาทกลับมาครอบครอง โจทก์ย่อมมีฐานะเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ตามมาตรา 904ไม่อยู่ในฐานะผู้สลักหลัง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปีนับแต่วันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดตามมาตรา 1002 ไม่ใช่กรณีที่จะบังคับตามมาตรา 1003ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน
ผู้ทรงเช็คที่จะมีอำนาจฟ้องผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็ค มิได้จำกัดเฉพาะผู้ทรงเช็คขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเท่านั้น ผู้ที่รับโอนเช็คมาโดยสุจริตหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินก็เป็นผู้ทรงเช็คที่มีอำนาจฟ้องผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คได้ ดังนั้น โจทก์จะเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินหรือไม่ แต่เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขณะยื่นฟ้อง โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่ลงวันที่: การรับชำระหนี้บางส่วนและเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เหลือ ทำให้ผู้ทรงเช็คผูกพันตามเงื่อนไข
โจทก์เล่นแชร์กับจำเลย 2 หุ้น หุ้นละ 300,000 บาท โจทก์ชำระค่าหุ้นงวดแรกและรับเช็คจากจำเลยแล้ว ต่อมาจำเลยแจ้งโจทก์ขอยกเลิกการเล่นแชร์ และแจ้งว่าจำเลยสามารถคืนเงินค่าหุ้นให้แก่สมาชิกได้หุ้นละ 100,000 บาท จำเลยมีที่ดินจะขายในราคาไร่ละ 200,000 บาท หากสมาชิกรายใดต้องการที่ดิน จำเลยจะโอนชำระหนี้ให้ หากไม่ต้องการจำเลยจะสั่งจ่ายเช็คหุ้นละ 200,000 บาท มอบให้ไว้ เมื่อจำเลยขายที่ดินได้แล้วจะนำเงินมาชำระหนี้ให้จำเลยนัดสมาชิกไปพบ โดยให้นำเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายไปด้วย ในวันนัดโจทก์ให้ภริยาโจทก์ถือเช็คไปแทน จำเลยมอบเงินสดให้ภริยาโจทก์ 200,000 บาท ภริยาโจทก์คืนเช็คให้จำเลยแล้วจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ซึ่งเป็นไปตามประสงค์ของโจทก์ โจทก์จึงต้องผูกพันตามเงื่อนไขดังกล่าวการที่โจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาทโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยขายที่ดินได้แล้ว ถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำการโดยสุจริตจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาท จำเลยจึงไม่ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจากแชร์ที่ผิดกฎหมาย: แม้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ แต่สัญญานิติกรรมเป็นโมฆะ ทำให้ไม่มีมูลหนี้
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้เป็นนายวงจัดให้มีการเล่นแชร์ โจทก์เป็นกรรมการบริษัท ก. โจทก์ในนามบริษัทดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 ร่วมเข้าเล่นแชร์ดังกล่าวรวม 2 วง ต่อมาโจทก์ประมูลแชร์ทั้งสองวงได้ และได้รับเช็คพิพาทรวม 2 ฉบับ เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง ต่อมา เช็คพิพาททั้งสองฉบับถึงกำหนดชำระเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายแม้เช็คพิพาททั้งสองฉบับจะระบุจ่าย "บริษัท ก." แต่ก็มิได้ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออก เช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงเป็นเช็คผู้ถือ เมื่อโจทก์เป็นผู้ครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 904 และมีอำนาจฟ้อง แต่แชร์ทั้งสองวงดังกล่าว มีนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ ซึ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 5 นิติกรรมการเล่นแชร์ทั้งสองวง จึงตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 เช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงไม่มีมูลหนี้ที่จะบังคับได้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิ เรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4768/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การต่อสู้เรื่องการโอนเช็คโดยฉ้อฉลและผลกระทบต่อสิทธิผู้ทรงเช็ค
จำเลยที่ 1 ให้การแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 กับโจทก์ได้ร่วมกันกระทำการโดยไม่สุจริต กล่าวคือ จำเลยที่ 2 ได้โอนเช็คพิพาททั้งสองฉบับและฉบับอื่นให้แก่โจทก์ด้วยคบคิดกันฉ้อฉล โดยที่จำเลยที่ 2 มิได้เป็นหนี้โจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย คำให้การดังกล่าวเป็นเพียงคำให้การปฏิเสธที่ไม่มีรายละเอียดแห่งการปฏิเสธว่า คบคิดกันฉ้อฉลอย่างไร จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตามคำให้การที่ว่า จำเลยที่ 2 มิได้เป็นหนี้โจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงโดยชอบ เท่ากับจำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าสิทธิของโจทก์ที่ได้เช็คมานั้นไม่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินตามเช็คที่ฟ้องในฐานะผู้ทรงเนื่องจากไม่มีมูลหนี้นั่นเอง จำเลยที่ 1 ย่อมกล่าวอ้างและนำสืบได้เพราะเป็นการยกข้อต่อสู้ที่มีต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนปัจจุบัน มิใช่ข้อต่อสู้ที่จำเลยที่ 1 มีต่อผู้ทรงคนก่อน ๆ อันจะเป็นการขัดต่อมาตรา 916

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3587/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเช็คผู้ถือ: การโอนเช็คและการเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท
แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ตั้งประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องไว้เป็นประเด็นโดยตรงเช่นเดียวกับประเด็นว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่แต่ได้วินิจฉัยประเด็นทั้งสองรวมกันว่า การที่จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทอันเป็นเช็คผู้ถือแก่ ป. ซึ่งนำไปขายลดแก่โจทก์โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ตามเนื้อความในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเท่ากับจำเลยไม่มีสิทธินำสืบตามข้อกล่าวอ้าง อันถือได้ว่าคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทในปัญหาดังกล่าวทั้งสองข้อ ที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าว เพิ่มขึ้นจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2799/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โอนโดยส่งมอบ สิทธิของผู้ทรงเช็ค การพิสูจน์ความสุจริต
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์เป็นผู้ถือเช็คพิพาทไว้ในครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็ค ตาม ป.พ.พ.มาตรา 904 เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท จำเลยผู้ลงลายมือชื่อในเช็คจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ตาม มาตรา 900 เช็คพิพาทสูญหายไปขณะเก็บไว้ในลิ้นชักหน้ารถยนต์ขณะนำรถยนต์ไปจอดที่บริเวณตลาดอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม2539 นั้น จำเลยก็มิได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและขออายัดเช็คพิพาทไว้โดยทันทีในวันนั้น กลับได้ความว่าจำเลยเพิ่งจะไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและขออายัดเช็คพิพาทที่ธนาคารในวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดการใช้เงินวันที่ 29 มกราคม2539 ทั้ง ๆ ที่วันเกิดเหตุที่จำเลยอ้างว่าเช็คพิพาทสูญหายไปนั้นจำเลยอยู่ที่อำเภออู่ทองจังหวัดสุพรรณบุรี อันเป็นที่ตั้งของธนาคารตามเช็คพิพาทอยู่แล้ว จำเลยน่าจะแจ้งความและขออายัดเช็คเสียเลยในวันเกิดเหตุเพราะนอกจากเช็คพิพาทจะสูญหายไปแล้วยังมีเช็คอีกฉบับหนึ่งตามที่จำเลยอ้างซึ่งถึงกำหนดการใช้เงินแล้วสูญหายไปในคราวเดียวกันนั้นด้วย เพื่อธนาคารจะได้ระงับการจ่ายเงินตามเช็คที่ถึงกำหนดดังกล่าวได้ทันทีจำเลยจะได้ไม่เสียหาย แต่จำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลหนองโสน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลเดียวกันกับภูมิลำเนาของโจทก์และคนละจังหวัดกับที่เกิดเหตุที่อ้างว่าเช็คหาย กลับเพิ่งแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและขออายัดเช็คที่หายเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2539 ตามเอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 อันเป็นพิรุธและเมื่อพิจารณาคำเบิกความของนายวิชัย การสุจริตสมุห์บัญชีธนาคารตามเช็คพิพาทพยานโจทก์ประกอบรายการบัญชีกระแสรายวันของจำเลยตามเอกสารหมาย ป.จ.3(ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี) ปรากฏว่าก่อนวันที่ 29 มกราคม 2539 ซึ่งเป็นวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดการใช้เงินจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชี โดยในวันที่ 29 มกราคม 2539นั้นเองจำเลยนำเงินเข้าบัญชีเท่ากับจำนวนเงินตามเช็คพิพาทคือ 65,000 บาทแล้วจำเลยก็สั่งอายัดเช็คพิพาทต่อธนาคาร ครั้นวันรุ่งขึ้นจำเลยก็ถอนเงินออกจากบัญชีจำนวน 50,000 บาท วันถัดไปจำเลยก็ถอนเงินออกจากบัญชีอีก 15,000 บาทจนไม่มีเงินอยู่ในบัญชีของจำเลยเลย เสมือนเป็นการเตรียมการล่วงหน้าโดยการนำเงินเข้าบัญชีในวันเช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินเพื่อเป็นหลักฐานในการต่อสู้ว่ามีเงินในบัญชีพอจะจ่ายตามเช็คพิพาทได้และขออายัดเช็คพิพาทในวันนั้นแล้วก็ถอนเงินออกจากบัญชีหมดในสองวันต่อมา เจือสมกับทางนำสืบของโจทก์ที่ว่านางอนงค์นำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ซึ่งจำเลยก็ทราบว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คก่อนเช็คถึงกำหนดใช้เงินนางอนงค์แจ้งให้โจทก์นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีวันที่ 1กุมภาพันธ์ 2539 เพราะจำเลยนำเงินเข้าบัญชีไม่ทันครั้นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2539โจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่า มีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่าเช็คหาย ตามเอกสารหมาย ป.จ.1 และป.จ.2 (ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี) ข้อนำสืบต่อสู้คดีของจำเลยเป็นพิรุธย่อมไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งได้รับประโยชน์จาก ป.พ.พ. มาตรา900 และมาตรา 904 ที่บัญญัติรับรองได้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือย่อมโอนกันได้เพียงส่งมอบเช็คให้แก่กันผู้ถือเช็คไว้ในครอบครองก็เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.พ.พ.มาตรา 904 แล้ว และแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่ารับเช็คพิพาทมาจากจำเลย แต่โจทก์นำสืบว่ารับเช็คพิพาทมาจาก อ.ก็ไม่ทำให้คดีของโจทก์รับฟังไม่ได้ เพราะแม้โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาอย่างไร ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบเสียไป
โจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยมิได้ให้ อ.ผู้โอนสลักหลังก็เนื่องจากเช็คพิพาทเป็นเช็คอันสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ซึ่งย่อมโอนไปเพียงส่งมอบให้แก่กัน การที่อ.จะไม่ได้ลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทหรือไม่ได้เข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ โดยจำเลยไม่ได้นำสืบถึงเหตุแห่งความไม่สุจริตของโจทก์ดังกล่าวนั้น ยังไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือซึ่งสามารถโอนกันได้เพียงส่งมอบเช็คพิพาทเท่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่ามีประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยว่าการโอนเช็คพิพาทดังกล่าวมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นหนี้ระหว่างจำเลยกับ อ.จะเป็นหนี้อะไรย่อมไม่เป็นสาระในการวินิจฉัยคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2799/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ: สิทธิผู้ทรงเช็คจากการโอนโดยส่งมอบ แม้รับจากผู้อื่น
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้ถือเช็คพิพาทไว้ใน ครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท จำเลยผู้ลงลายมือชื่อในเช็คจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คตามมาตรา 900
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือย่อมโอนกันได้เพียงส่งมอบเช็คให้แก่กันผู้ถือเช็คไว้ในครอบครองก็เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 แล้ว และแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่ารับเช็คพิพาทมาจากจำเลย แต่โจทก์นำสืบว่ารับ เช็คพิพาทมาจาก อ. ก็ไม่ทำให้คดีของโจทก์รับฟังไม่ได้ เพราะแม้ โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาอย่างไร ก็ไม่ทำให้สิทธิ ของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบเสียไป
โจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยมิได้ให้ อ. ผู้โอนสลักหลังก็เนื่องจากเช็คพิพาทเป็นเช็คอันสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ซึ่งย่อมโอนไปเพียงส่งมอบให้แก่กัน การที่ อ. จะไม่ได้ลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทหรือไม่ได้เข้า เบิกความเป็นพยานโจทก์ โดยจำเลยไม่ได้นำสืบถึงเหตุแห่งความไม่สุจริต ของโจทก์ดังกล่าวนั้น ยังไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือซึ่งสามารถโอนกันได้เพียงส่งมอบเช็คพิพาทเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่ามีประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยว่าการโอน เช็คพิพาทดังกล่าวมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นหนี้ระหว่างจำเลยกับ อ. จะเป็นหนี้อะไรย่อมไม่เป็นสาระในการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2109/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจสั่งจ่ายเช็ค: ตัวการต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็ค แม้เช็คถูกสั่งจ่ายให้บุคคลที่สาม
ตามคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันของจำเลย ระบุเงื่อนไขในการสั่งจ่ายและถอนเงินจากบัญชีว่าเมื่อจะสั่งจ่ายหรือถอนเงินให้ใช้เช็คซึ่งธนาคารมอบให้ไว้สำหรับแต่ละบัญชีโดยเฉพาะ จำเลยให้ตัวอย่างลายมือชื่อต่อธนาคารว่าจำเลยหรือ ผ. คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คได้โดยจำเลยในฐานะผู้มอบอำนาจได้ทำหนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็ค ระบุให้ ผ. เป็นผู้มีอำนาจกระทำการทั้งปวงเกี่ยวกับดำเนินบัญชีแทนจำเลย เช่น ฝาก ถอน ออกเช็ค ฯลฯ โดยจำเลยยินยอมรับผิดชอบตามที่ ผ. จะได้กระทำไปและยินยอมรับผิดชดใช้ให้แก่ธนาคารเสมือนหนึ่งจำเลยได้กระทำไปด้วยตนเอง จึงเป็นการมอบอำนาจให้ ผ. เป็นตัวแทนลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลยแทนจำเลยได้ เช็คพิพาทเป็นเช็คสำหรับบัญชีกระแสรายวันของจำเลย การที่ ผ. ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท จึงอยู่ในขอบอำนาจของตัวแทนตามที่ได้รับมอบหมายจากจำเลย ไม่ว่า ผ. จะนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลย หรือส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่บุคคลอื่นเพื่อเรียกเก็บเงินจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลย ก็เป็นการกระทำการภายในขอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจไว้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยในฐานะตัวการรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทที่ ผ. ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะตัวแทนของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797,820

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีซ้ำๆ และการไม่นำสืบพยาน ทำให้ศาลสั่งงดสืบพยานได้ ผู้ทรงเช็คโดยสุจริตได้รับการคุ้มครอง
จำเลยตั้งทนายความไว้ 2 คน คือ ธ.และอ. การเลื่อนคดีครั้งแรก จำเลยอ้างเหตุว่า ธ. ทนายความเจ็บป่วยท้องเสียเพราะอาหารเป็นพิษโจทก์ไม่ค้าน ความจริงจำเลยอาจให้ อ. เข้าทำหน้าที่ได้เพราะไม่ปรากฏว่าในวันดังกล่าวอ. มีภาระกิจหรือความจำเป็นอื่นใด ต่อมาในการสืบพยานจำเลยครั้งที่ 2 จำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าตัวจำเลยติดประชุม โดยตัวจำเลยก็ทราบวันนัดในครั้งนี้ล่วงหน้านานแล้ว ตามบัญชีระบุพยานจำเลยนอกจากจะอ้างจำเลยเป็นพยาน แล้ว ยังอ้าง ว.และสมุห์บัญชีธนาคารก.เป็นพยานอีกด้วยโดยเฉพาะว. เป็นพยานนำ แต่จำเลยก็มิได้นำพยานเหล่านี้มาสืบ แสดงให้เห็นความไม่ขวนขวายเท่าที่ควรอยู่ในตัว ในการเลื่อนครั้งที่ 2 นี้ ศาลได้กำชับว่าให้จำเลยเตรียมพยาน มาให้พร้อมมิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจสืบพยานเนื่องจาก จำเลยได้เลื่อนคดีติดกันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ต่อมา ในวันสืบพยานจำเลยครั้งที่ 3 จำเลยขอเลื่อนคดีอีกโดยอ้างว่า ธ. ทนายความป่วยกล้ามเนื้อขาอักเสบ ตามรายงานแพทย์ไม่มีรายละเอียดอื่น แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้นำพา ต่อคำสั่งกำชับของศาล ทั้งจำเลยอาจให้ทนายคนอื่น ซักถามพยานแทนได้แต่ไม่ทำเช่นนั้น ประกอบกับโจทก์ คัดค้านการขอเลื่อนคดี ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย นั้นชอบแล้ว โจทก์ได้รับแลกเช็คพิพาทซึ่งมีจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายโจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คและได้รับประโยชน์ แห่งข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่าเป็นผู้ทรงโดยสุจริต ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ประกอบกับ มาตรา 904 จำเลยมีหน้าที่นำสืบว่าโจทก์ไม่สุจริตคบคิดกัน ฉ้อฉลกับผู้มีชื่อดังที่จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี เมื่อจำเลย มิได้นำสืบในข้อนี้จึงต้องรับผิด
of 27