พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ลงทะเบียนชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับเป็นบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยออกหมายเรียกตาม ป.รัษฎากร มาตรา 32 ถึง อ.หุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ชำระบัญชีของโจทก์ให้ไปพบคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ พร้อมทั้งให้นำสัญญาหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการขายรถยนต์ ระหว่างโจทก์กับบริษัท ต. จำกัด ไปประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยส่งหมายเรียกดังกล่าวด้วยวิธีทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ มี ว. อายุ 16 ปีบุตรชายของ อ. เป็นผู้รับ ซึ่งตามไปรษณียนิเทศ พ.ศ. 2524 ข้อ 353กำหนดว่าไปรษณียภัณฑ์ และพัสดุไปรษณีย์ที่นำจ่ายให้แก่ผู้แทนของผู้รับให้ถือว่าได้นำจ่ายให้แก่ผู้รับแล้ว นับแต่วันเวลาที่นำจ่ายดังนั้น เมื่อ ว.เป็นผู้รับหมายเรียกต้องถือว่าอ.หุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ชำระบัญชีของโจทก์ได้รับหมายเรียกดังกล่าวแล้วโดยชอบ เมื่อ อ. ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตาม ป.รัษฎากร มาตรา 30(2ประกอบกับมาตรา 33.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้โดยเสน่หาเนื่องจากผู้รับมีการประพฤติเนรคุณต่อผู้ให้
โจทก์ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของจำเลยได้ยกที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หา โจทก์จึงเป็นผู้มีบุญคุณต่อจำเลยที่จำเลยพึงต้องเคารพ เมื่อโจทก์ไปหาจำเลยเพื่อขอเงินมาใช้จ่ายส่วนตัวเพราะโจทก์ไม่มีเงิน จำเลยกลับขับไล่โจทก์ออกจากบ้านและพูดว่า "อีแก่อย่ามาหาอีก" การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้โดยเสน่หาเนื่องจากผู้รับมีพฤติกรรมเนรคุณและหมิ่นประมาทผู้ให้
โจทก์ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของจำเลยได้ยกที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หา โจทก์จึงเป็นผู้มีบุญคุณต่อจำเลยที่จำเลยพึงต้องเคารพเมื่อโจทก์ไปหาจำเลยเพื่อขอเงินมาใช้จ่ายส่วนตัวเพราะโจทก์ไม่มีเงิน จำเลยกลับขับไล่โจทก์ออกจากบ้านและพูดว่า "อีแก่อย่ามาหาอีก" การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงถือได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประเมินภาษีไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อส่งไปยังสถานที่รื้อถอนแล้ว และขาดหลักฐานความสัมพันธ์ของผู้รับ
ไปรษณียนิเทศ พ.ศ. 2524 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 ที่ใช้บังคับในขณะนั้น ข้อ 351 กำหนดว่า ในกรณีนำจ่าย ณ ที่อยู่ของผู้รับการสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่า บุคคลต่อไปนี้เป็นผู้แทนของผู้รับคือ บุคคลซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านเรือนหรือสำนักทำการงานของผู้รับเมื่อปรากฏว่าการส่งแบบแจ้งการประเมินโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับได้ส่งไปยังสถานที่อันเป็นสำนักทำการงานของผู้รับซึ่งได้รื้อถอนไปก่อนแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เซ็นรับเอกสารแทนผู้รับเป็นใครเกี่ยวพันกับผู้รับอย่างไร และการเซ็นรับกระทำที่อาคารหลังใดเช่นนี้ แม้ผู้รับจะยังมิได้จดทะเบียนเลิกห้างหรือแจ้งย้ายภูมิลำเนาไปจากเดิมก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าการแจ้งการประเมินดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งการประเมินภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากส่งไปยังสถานที่รื้อถอนแล้ว และไม่สามารถระบุตัวผู้รับแทนได้
ไปรษณียนิเทศ พ.ศ. 2524 ที่ใช้บังคับในขณะนั้นข้อ 351 กำหนดว่า ในกรณีนำจ่าย ณ ที่อยู่ของผู้รับการสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่า บุคคลต่อไปนี้เป็นผู้แทนของผู้รับคือ บุคคลซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านเรือนหรือสำนักทำการงานของผู้รับ เมื่อปรากฏว่าการส่งแบบแจ้งการประเมินโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับได้ส่งไปยังสถานที่อันเป็นสำนักทำการงานของผู้รับซึ่งได้รื้อถอนไปก่อนแล้วทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เซ็นรับเอกสารแทนผู้รับเป็นใครเกี่ยวพันกับผู้รับอย่างไร และการเซ็นรับกระทำที่อาคารหลังใดเช่นนี้ แม้ผู้รับจะยังมิได้จดทะเบียนเลิกห้างหรือแจ้งย้ายภูมิลำเนาไปจากเดิมก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าการแจ้งการประเมินดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประเมินภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อสถานที่ทำการงานถูกรื้อถอนไปแล้ว และไม่มีผู้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียภาษี
ไปรษณียนิเทศ พ.ศ. 2524 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 และมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 ที่ใช้บังคับในขณะนั้น ข้อ 351 กำหนดว่า ในกรณีนำจ่าย ณ ที่อยู่ของผู้รับการสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่า บุคคลต่อไปนี้เป็นผู้แทนของผู้รับคือ บุคคลซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านเรือนหรือสำนักทำการงานของผู้รับเมื่อปรากฏว่าการส่งแบบแจ้งการประเมินโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับได้ส่งไปยังสถานที่อันเป็นสำนักทำการงานของผู้รับซึ่งได้รื้อถอนไปก่อนแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เซ็นรับเอกสารแทนผู้รับเป็นใครเกี่ยวพันกับผู้รับอย่างไร และการเซ็นรับกระทำที่อาคารหลังใดเช่นนี้ แม้ผู้รับจะยังมิได้จดทะเบียนเลิกห้างหรือแจ้งย้ายภูมิลำเนาไปจากเดิมก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าการแจ้งการประเมินดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2139/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสั่งจ่ายกระสอบข้าวสารยังไม่ถือเป็นการชำระหนี้ การโอนสิทธิยังไม่สมบูรณ์หากผู้รับยังไม่ได้ชำระเงิน
จำเลยออกหนังสือให้แก่บ. มีข้อความว่า"21มกราคม2525เรียนผู้จัดการโรงงานปทุมกระสอบจำกัดตามหนังสือนี้กรุณาให้รถบรรทุกรับกระสอบข้าวสารขนาด29"x43"จำนวน7,500ใบ(เจ็ดพันห้าร้อยใบถ้วน)และให้คนขับรถบรรทุกที่มารับกระสอบเซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วยขอแสดงความนับถือบุญ(นายบุญธรรมจักร์กุล)"บ. นำหนังสือดังกล่าวไปชำระราคาค่าปอแก่โจทก์เมื่อปรากฏว่าบ. ยังมิได้ชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารการที่บ. มอบหนังสือดังกล่าวแก่โจทก์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิที่จะบังคับจำเลยให้จ่ายกระสอบข้าวสารจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2139/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจรับกระสอบข้าวสารไม่สร้างสิทธิแก่ผู้รับหากยังมิได้ชำระราคา
จำเลยออกหนังสือให้แก่บ.มีข้อความว่า'21มกราคม2525เรียนผู้จัดการโรงงานปทุมกระสอบจำกัดตามหนังสือนี้กรุณาให้รถบรรทุกรับกระสอบข้าวสารขนาด29'X43'จำนวน7,500ใบ(เจ็ดพันห้าร้อยใบถ้วน)และให้คนขับรถบรรทุกที่มารับกระสอบเซ็นเชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วยขอแสดงความนับถือบุญ(นายบุญธรรมจักร์กุล)'บ.นำหนังสือดังกล่าวไปชำระราคาค่าปอแก่โจทก์เมื่อปรากฏว่าบ.ยังมิได้ชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารการที่บ.มอบหนังสือดังกล่าวแก่โจทก์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิที่จะบังคับจำเลยให้จ่ายกระสอบข้าวสารจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากผู้รับไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ให้ยากไร้ และประเด็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยแจ้งตำรวจให้จับ ฮ.และช. เป็นเรื่องจำเลยลองแกล้งแจ้งความเพื่อให้โจทก์ อายไม่กล้าใช้ใครไปเก็บมะม่วงอีกและให้ตำรวจจับโจทก์ในฐานะจ้างวานใช้ด้วยนั้น เป็นข้อที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น โดยโจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าโจทก์ใช้ให้ ฮ. ไปเก็บมะม่วง จำเลยแจ้งความให้ตำรวจจับโจทก์ โจทก์มิได้กล่าวอ้างในฟ้องดังฎีกาของโจทก์ ฎีกาข้อนี้ของโจทก์จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
แม้โจทก์จะชรามากแล้ว แต่โจทก์มีเงินฝากธนาคารออมสินมีรายได้จากการให้เช่านาเนื้อที่ 7 ไร่ปีละประมาณ700-1,500 บาท มีรายได้จากการขายมะพร้าววันละ 30-40 บาท รวมเป็นรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 บาทเศษ. ฟังไม่ได้ว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่ตกเป็นผู้ยากไร้ถึงขนาดที่ไม่มีสิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีพโจทก์โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน การให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3)
แม้โจทก์จะชรามากแล้ว แต่โจทก์มีเงินฝากธนาคารออมสินมีรายได้จากการให้เช่านาเนื้อที่ 7 ไร่ปีละประมาณ700-1,500 บาท มีรายได้จากการขายมะพร้าววันละ 30-40 บาท รวมเป็นรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 บาทเศษ. ฟังไม่ได้ว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่ตกเป็นผู้ยากไร้ถึงขนาดที่ไม่มีสิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีพโจทก์โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน การให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: เจตนาของผู้รับและผลต่อการลงโทษ
เมื่อศาลอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังครั้งแรกจำเลยที่ 2 ปฏิเสธในวันเดียวกันขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพฐานรับของโจรตามฟ้อง ตามคำให้การที่ศาลจดไว้ที่จำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลว่ากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะจำเลยที่ 1 นำเช็คมาให้และบอกว่าให้เอาไปขึ้นเงินเป็นค่าเช่าบ้านนั้น เพื่อขอให้บรรเทาโทษลงโทษโดยสถานเบา ไม่ใช่คำให้การว่ามิได้มีเจตนากระทำความผิด