คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ส่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ส่งของในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนในไทย แม้มีตัวแทนต่างประเทศ
โจทก์เป็นผู้ส่งของและเป็นเจ้าของของนั้นด้วยจำเลยเป็นผู้รับของไปส่งต่างประเทศโดยเป็นตัวแทนของบริษัทขนส่งซึ่งอยู่ต่างประเทศสัญญารับขนทำกันในจังหวัดพระนคร ของสูญหายระหว่างทางโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกราคาของนั้นจากจำเลยต่อศาลเมืองไทยในจังหวัดพระนครได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 บัญญัติไว้เพื่อความสะดวกแก่บุคคลในประเทศไทยที่จะฟ้องร้องตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของตัวการที่อยู่ในต่างประเทศต่อศาลไทย แทนที่จะต้องไปฟ้องในศาลต่างประเทศเท่านั้นไม่ได้หมายความเลยไปว่าตัวการที่อยู่ในต่างประเทศจะไม่มีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ทำสัญญากับตัวแทนของตนในประเทศไทยและไม่ได้หมายความว่า ตัวแทนไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ตัวการของตนที่อยู่ในต่างประเทศสำหรับหนี้สินใดๆ ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในสุกรยังไม่โอน ผู้เสียหายคือผู้ส่งสุกรหรือกรมรถไฟ ไม่ใช่ผู้รับซื้อ
เจ้าของสุกรต่างจังหวัดเคยให้พ่อตาคุมสุกรมาขายให้โจทก์ที่กรุงเทพ ฯ ในคราวเกิดเหตุก็ให้พ่อตาควบคุมสุกรมากรุงเทพฯ อีก ในใบอินวอย ส่งในนามชื่อยี่ห้อโจทก์เป็นผู้รับ แต่เมื่อถึงกรุงเทพ ฯแล้ว พ่อตากลับเอาสุกรไปขายผู้อื่นเสีย ดังนี้ วินิจฉัยว่ากรรมสิทธิในสุกรยังไม่โอนไปยังโจทก์ ๆ จึงยังไม่ใช่ผู้เสียหาย และยังไม่เป็นกรณีฉ้อโกงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3203/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนขนส่งสินค้า: โจทก์เป็นเพียงตัวแทนจำเลยในการติดต่อสายการเดินเรือ ไม่ใช่ผู้ขนส่ง
ตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 3 "ใบตราส่ง" หมายความว่าเอกสารที่ผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งของเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเลแสดงว่าผู้ขนส่งได้รับของตามที่ระบุในใบตราส่งไว้ในความดูแลหรือได้บรรทุกของลงเรือแล้ว และผู้ขนส่งรับที่จะส่งมอบของดังกล่าวให้แก่ผู้มีสิทธิรับของนั้นเมื่อได้รับเวนคืนใบตราส่ง ในการขนส่งสินค้าของจำเลยที่บรรจุอยู่ในตู้สินค้า ตามคำฟ้องปรากฏตามใบตราส่งว่าสายการเดินเรือเอ็มเอสซี ผู้ขนส่ง เป็นผู้ออกใบตราส่งดังกล่าวโดยระบุว่าจำเลยเป็นผู้ส่งสินค้า โจทก์มิได้เป็นผู้ออกใบตราส่ง ในใบตราส่งยังได้ระบุเลขที่การจองระวางเรือของสายการเดินเรือเอ็มเอสซีว่าเป็นเลขที่ "173IB1107951" ซึ่งตรงกับเลขที่การจองระวางเรือ ในหนังสือยืนยันการจองระวางเรือ (Booking Confirm) ที่โจทก์เป็นผู้จองและโจทก์ส่งหนังสือยืนยันการจองระวางเรือดังกล่าวไปให้จำเลย เมื่อใบตราส่งเป็นเอกสารที่สายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่งสินค้าของจำเลยออกให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้ส่งของ ใบตราส่งจึงเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนสินค้าของจำเลยทางทะเลระหว่างสายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่งกับจำเลยผู้ส่งของ ซึ่งแสดงว่าสายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่งได้รับสินค้าที่บรรจุอยู่ในตู้สินค้าของจำเลยผู้ส่งของตามที่ระบุในใบตราส่งดังกล่าวไว้ในความดูแลหรือได้บรรทุกของลงเรือแล้ว การที่โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบถึงการจองระวางเรือที่ขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ไปยังท่าเรือบริสเบนตามหนังสือยืนยันการจองระวางเรือ และการที่โจทก์ได้ชำระค่าระวางขนส่ง ค่ายกขน ค่าธรรมเนียมใบตราส่งและค่าซีล ให้แก่สายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่ง แล้วโจทก์ได้ส่งใบเรียกเก็บเงินที่โจทก์ได้ชำระไปดังกล่าวไปยังจำเลยเพื่อให้จำเลยชำระเงินทดรองจ่ายจำนวน 119,574.64 บาท แก่โจทก์ ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักและเหตุผลให้เชื่อว่าโจทก์กระทำการดังกล่าวแทนจำเลยผู้ส่งของในการติดต่อทำสัญญารับขนของทางทะเลกับสายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่งโดยดำเนินการจองระวางเรือให้แก่จำเลยและได้ทดรองจ่ายค่าระวางขนส่งและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้แก่สายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่งแทนจำเลยไปก่อน ดังนี้ หนังสือยืนยันการจองระวางเรือจึงมิใช่หลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเลที่จำเลยเป็นผู้ว่าจ้างให้โจทก์เป็นผู้ขนส่งสินค้าของจำเลยทางทะเลจากท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ไปยังท่าเรือบริสเบน ประเทศเครือรัฐออสเตรเลีย โจทก์ย่อมเป็นเพียงตัวแทนในการไปติดต่อว่าจ้างสายการเดินเรือเอ็มเอสซีให้ขนส่งสินค้าของจำเลยจากท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ไปยังท่าเรือบริสเบน ประเทศเครือรัฐออสเตรเลีย เท่านั้น มิใช่ผู้ขนส่งแต่อย่างใด
การที่โจทก์ชำระค่าระวางขนส่งและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้แก่สายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่งเป็นการทดรองจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปแทนจำเลยผู้ส่งของ แม้เงินที่โจทก์ทดรองจ่ายแทนจำเลยและเรียกเก็บเงินนั้นจากจำเลยจะถือเป็นเงินได้พึงประเมินของโจทก์ประเภทค่าขนส่ง ซึ่งจำเลยมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในอัตราร้อยละ 1 ก็ตาม ก็ไม่ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยผู้ส่งของในการติดต่อสายการเดินเรือเอ็มเอสซีผู้ขนส่งให้ทำการขนส่งสินค้าของจำเลยกลายเป็นผู้ขนส่งไปด้วย โจทก์ยังคงอยู่ในฐานะตัวแทนของจำเลยซึ่งเป็นผู้ส่งของ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2068/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดความรับผิดในสัญญาขนส่งทางอากาศ: พิจารณาความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้ทำสัญญาและเจตนาของผู้ส่ง
การจะพิจารณาว่าข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสองตามใบรับขนของทางอากาศเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ จะต้องพิจารณาว่าข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวเป็นผลให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดความรับผิดนั้นได้เปรียบผู้ส่งซึ่งเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรหรือไม่ เมื่อใบรับขนของทางอากาศซึ่งเป็นแบบฟอร์มของจำเลยที่ 2 มีช่องย่อยสำหรับให้ผู้ส่งกรอกสำแดงรายการราคาสินค้าเพื่อการขนส่ง ซึ่งไม่บังคับให้ผู้ส่งต้องสำแดง หากผู้ส่งไม่สำแดงราคาสินค้าเพื่อการขนส่ง ความรับผิดของจำเลยที่ 2 จะจำกัดไว้สูงสุดไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการขนส่ง 1 เที่ยว หรือ 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า แต่หากประสงค์จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามจำนวนราคาสินค้าที่สำแดงไว้เป็นจำนวนสูงกว่าข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าว ผู้ส่งจะต้องสำแดงราคาสินค้าเพื่อการขนส่งไว้ในใบรับขนของทางอากาศโดยเสียค่าธรรมเนียมการขนส่งบวกค่าบริการประกันภัยเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ขนส่งคิดค่าระวางเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากภาระในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน อันเป็นหนี้ที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต้องชำระตอบแทนกัน จึงถือเป็นหนี้ที่มีความสำคัญขนาดเดียวกันและเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย เมื่อผู้ส่งทราบถึงเงื่อนไขในการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวแล้วไม่ได้ระบุราคาสินค้าเพื่อการขนส่ง แต่ได้ทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงภัยจากการสูญหายหรือเสียหายของสินค้าระหว่างขนส่งกับโจทก์เต็มมูลค่าของสินค้าอันเป็นทางเลือกอย่างอื่น แสดงให้เห็นชัดถึงเจตนาที่จะเข้าเอาประโยชน์จากการที่ไม่ต้องเสียค่าระวางเพิ่ม และหากสินค้าสูญหายหรือเสียหาย ผู้ส่งยังรับชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัยเต็มมูลค่าของสินค้า ประกอบกับตามพฤติการณ์ ทางเลือกและทางได้เสียทุกอย่าง ผู้ส่งมิได้อยู่ในฐานะที่ต้องเสียเปรียบ หรือต้องผูกมัดให้ทำสัญญาโดยไม่มีผู้ประกอบการรายอื่นที่จะเลือกใช้บริการ ดังนั้น เงื่อนไขในการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดตามใบรับขนของทางอากาศดังกล่าวมิได้มีผลให้ผู้ส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยรับภาระเกินกว่าวิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ หรือทำให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้เปรียบผู้เอาประกันภัยเกินสมควรแต่อย่างใด ข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 จึงมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและบังคับได้ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 4 และมาตรา 10

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3370/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งทางอากาศ: การตกลงของผู้ส่งและผลผูกพันตามใบรับขน
เมื่อพิจารณาใบรับขนทางอากาศด้านหน้า ช่องที่ 9 มีผู้ลงลายมือชื่อใต้ข้อความตัวพิมพ์ที่มีข้อความชัดเจนว่า ผู้ส่งตกลงตามเงื่อนไขข้อจำกัดความรับผิดที่ระบุไว้ในใบรับขนทางอากาศด้านหลังและช่องที่ 3 มีข้อความว่า สินค้าจำนวน 1 กล่อง น้ำหนักรวม 1 กิโลกรัม ช่องให้สำแดงมูลค่าสินค้าเพื่อการศุลกากร (TOTAL VALUE FOR CUSTOMS) ซึ่งจะต้องใช้ในการคำนวณภาษีศุลกากร มีข้อความว่า "โปรดดูใบกำกับสินค้า" ส่วนช่องสำแดงมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่ง (TOTAL DECLARED VALUE FOR CARRIAGE) ระบุตัวเลข 100 โดยไม่แสดงหน่วยเงินแต่อย่างใด พฤติการณ์ที่ผู้ส่งระบุเพียงตัวเลข 100 น่าเชื่อว่า ผู้ส่งทราบดีว่าจำเลยที่ 2 อนุญาตให้ผู้ส่งสำแดงมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งสำหรับสินค้าในหีบห่อไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐและจะจำกัดความรับผิดไว้ในกรณีนี้ไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการขนส่ง 1 ครั้ง หรือ 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่าการที่ผู้ส่งกรอกข้อความเช่นนั้น จึงน่าจะเป็นการกรอกรายละเอียดเพื่อให้ผู้ขนส่งคิดค่าระวางขนส่งตามน้ำหนักของสินค้า เพราะหากแจ้งราคามูลค่าสินค้าที่แท้จริงจะต้องเสียค่าธรรมเสียมการขนส่งเพิ่ม และถึงแม้จะเป็นกรณีส่งสินค้าที่มีราคาสูง ผู้ขนส่งก็อนุญาตให้สำแดงราคาไม่เกิน 500 ดอลลาร์สหรัฐ และจำกัดความรับผิดไม่เกินมูลค่าที่สำแดง ผู้ส่งน่าจะทราบเงื่อนไขดังกล่าวจึงได้เอาประกันเพื่อความเสี่ยงภัยสูญหาย เสียหายของสินค้าไว้กับโจทก์เต็มมูลค่าของสินค้า จึงเชื่อว่าบริษัท ซ. ผู้ส่งสินค้ารู้และตกลงด้วยชัดแจ้งในการจำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสองตามที่ระบุไว้ในด้านหลังของใบรับขนทางอากาศ ดังนั้น ข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันผู้ส่งสินค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งทางอากาศ: การแสดงความตกลงชัดแจ้งของผู้ส่ง
บริษัท ว. ใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศกับจำเลยทั้งสองมานาน มีการว่าจ้างขนส่งสินค้าสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือน เดือนละหลายครั้ง จนกระทั่งมีบัญชีประจำกับจำเลยที่ 1 และนอกจากจำเลยทั้งสองแล้ว บริษัท ว. ยังเคยใช้บริการของบริษัทอื่นที่รับขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูงโดยเฉพาะ เชื่อว่าบริษัท ว. ทราบถึงความแตกต่างของเงื่อนไขการขนส่งสินค้าและอัตราค่าบริการของบริษัทผู้ประกอบการรับขนส่งสินค้าทางอากาศแต่ละบริษัทเป็นอย่างดี การที่บริษัท ว. ผู้ส่งระบุข้อความในช่องรายการมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งไว้ 500 ดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่แจ้งราคามูลค่าสินค้าตามจริงก็เพราะทราบถึงข้อจำกัดความรับผิดตามเงื่อนไขการขนส่งของจำเลยทั้งสองเป็นอย่างดี เท่ากับเป็นกรณีที่บริษัท ว. ผู้ส่งเลือกที่จะยอมรับข้อจำกัดความรับผิดด้านหลังใบรับขนทางอากาศและตามเงื่อนไขการขนส่งของจำเลยทั้งสองนั่นเอง โดยทราบดีว่าหากสินค้าสูญหายและจะได้รับชดใช้เท่าใด ทั้งหากบริษัท ว. ผู้ส่งคาดหมายว่า หากเกิดกรณีสินค้าสูญหายจะได้รับชดใช้เต็มตามมูลค่าของสินค้าก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องทำประกันภัยสินค้าไว้กับโจทก์อีก นอกจากนี้การที่บริษัท ว. ผู้ส่งระบุมูลค่าสินค้าในช่องมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งกับช่องมูลค่าสินค้าเพื่อพิธีการศุลกากรแตกต่างกันก็คงเป็นเพราะทราบว่าการสำแดงจำนวนมูลค่าสินค้าในแต่ละช่องรายการจะมีผลต่อเรื่องใด ตลอดจนทราบถึงข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งดังกล่าว เชื่อได้ว่าพนักงานประจำแผนกขนส่งของบริษัท ว. ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านนี้โดยตรงทราบเงื่อนไขการขนส่งต่างๆ เป็นอย่างดี เมื่อพนักงานดังกล่าวลงลายมือชื่อในใบรับขนทางอากาศในฐานะตัวแทนบริษัทผู้ส่ง จึงถือได้ว่าบริษัท ว. ผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งเช่นว่านั้นแล้ว ข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวย่อมมีผลบังคับได้ไม่เป็นโมฆะ
of 2