คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานจำเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1973/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตให้สืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยในคดีอาญา: การอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์สืบพยานหมดแล้ว อยู่ระหว่างสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นคำร้องขอพิสูจน์พยานจำเลยที่เบิกความไปแล้วโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 120 และ 88 วรรคท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดในปัญหาที่โจทก์จะพิสูจน์พยานจำเลยว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ห่างไกลต่อประเด็นแห่งคดีจึงไม่อนุญาต การที่ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนี้ ก็โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงมิใช่เป็นการพิจารณาในข้อกฎหมาย เมื่อเป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ถึงหากโจทก์จะขอสืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยได้ โจทก์ก็อุทธรณ์ฎีกา เพื่อขอสืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยไม่ได้อยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062-1065/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีอาญา: เมื่อโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอ ศาลไม่จำเป็นต้องรับฟังพยานจำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจำเลยให้การว่าคำสั่งของนายอำเภอไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิด
เมื่อศาลเห็นว่า พยานโจทก์ที่นำสืบมาแล้ว ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ ศาลก็ไม่จำต้องฟังคำพยานจำเลยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบพยาน: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจย้อนสำนวนเพื่อวินิจฉัยพยานจำเลยที่ถูกละเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยต่อสู้ว่าข้อสัญญามิได้เป็นดังโจทก์อ้างแต่เป็นดังที่จำเลยต่อสู้ โจทก์ทำผิดสัญญาจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายดังนี้เรียกว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องของโจทก์ทุกข้อ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน
ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบผิดโดยให้จำเลยสืบก่อนแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยเสีย เลย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยนั้นไม่ชอบและที่ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบให้จำเลยสืบ ก่อนก็ไม่ชอบ ดังนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่แล้วพิพากษาตามรูปคดีโดยถือว่าโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่คัดค้านพยานจำเลยในชั้นศาลชั้นต้น ทำให้ไม่อุทธรณ์ฎีกาในประเด็นนั้นได้
ในศาลชั้นต้นเมื่อพะยานจำเลยเบิกความโจทก์มิได้คัดค้านข้อความเหล่านั้นไว้โจทก์จะมาอุทธรณ์ฎีกาในข้อความเหล่านั้นไม่ได้
โจทก์ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินราคา 800 บาท และเรียกค่าเสียหายไม้ที่ปลูก 400 บาทเศษศาลชั้นต้นให้ที่เป็นของโจทก์ ส่วนต้นไม้เป็นของจำเลย ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องทั้งหมดโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2486

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สำนวนสอบสวนประกอบการวินิจฉัยคดี
สำนวนการสอบสวนที่โจทก์ส่งอ้างในระหว่างสืบพยานจำเลยศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัย เพื่อประกอบคดีได้ ไม่ผิดกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสืบพยานจำเลยชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา และการยกฟ้องเมื่อไม่มีมูล
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลมีอำนาจสืบพะยานจำเลยได้ชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาเมื่อศาลเห็นว่าคดีไม่มีมูลก็ให้ยกฟ้องเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5522/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการเลือกตั้งใหม่ ศาลรับฟังพยานจำเลยในคดีอาญาได้ หากพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการกระทำผิด
การฟ้องผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้รับผิดค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง เป็นการฟ้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรับผิดในทางแพ่งที่มีเหตุมาจากการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่าฝืนมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้เลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 97 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่า จำเลยหาเสียงด้วยความบริสุทธิ์ ไม่เคยซื้อเสียงหรือให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้บุคคลใดมาลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้ทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบปฏิเสธความรับผิดตามประเด็นในคำให้การได้ มาตรา 99 วรรคหนึ่ง จึงมิใช่บทบัญญัติให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งรับผิดโดยเด็ดขาด ที่จำเลยนำสืบโดยอ้างคำพิพากษาในคดีอาญาเป็นการนำสืบปฏิเสธความรับผิดตามประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ และศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวประกอบการพิจารณาได้ แต่พยานหลักฐานดังกล่าวจะมีน้ำหนักให้รับฟังหรือไม่เพียงใดนั้น เป็นกรณีที่ต้องพิจารณาตามหลักเรื่องภาระการพิสูจน์ และการชั่งน้ำหนักพยาน
คำสั่งของโจทก์ที่ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยภายหลังประกาศผลการเลือกตั้ง ย่อมเป็นอำนาจเด็ดขาดของโจทก์ และถือว่าจำเลยยังเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอยู่ และมีผลผูกพันจำเลยเฉพาะผลคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยอันเนื่องมาจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อว่าจำเลยได้กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 57 และมีผลเฉพาะหน้าในขณะนั้น อันเป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม แม้ต่อมาภายหลังมีการดำเนินคดีแก่จำเลยอันเนื่องมาจากการเลือกตั้งดังกล่าว ผลของคำพิพากษาในคดีแพ่งและคดีอาญาก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่สั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้มีการเลือกตั้งใหม่
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลในทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครองโดยได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง จึงต้องคืนค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998-1999/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมคดีและรับฟังพยานจำเลยได้ หากคดีเกี่ยวเนื่องกัน และประเด็นข้อพิพาทเป็นเรื่องเดียวกัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การในคดีสำนวนแรกแล้ว ต่อมาจำเลยนำคดีมาฟ้องโจทก์เป็นคดีสำนวนหลัง เมื่อกรณีต้องด้วยหลักเกณฑ์ว่าคู่ความในคดีทั้งสองสำนวนเป็นรายเดียวกัน หากรวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกันแล้วจะเป็นการสะดวก โดยศาลเห็นสมควรเองก็ดี หรือคู่ความยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีรวมกันก็ดี เมื่อศาลได้ฟังคู่ความทุกฝ่ายแล้ว ถ้าเป็นที่พอใจศาลว่าคดีทั้งสองสำนวนเกี่ยวเนื่องกัน ศาลก็มีอำนาจสั่งให้พิจารณาคดีรวมกันได้ ทั้งคดีทั้งสองสำนวนนี้แม้ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่ละสำนวนจะต่างกัน แต่ประเด็นแห่งคดีเป็นเรื่องเดียวกันว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย ข้อเท็จจริงจึงเกี่ยวพันกันมา ศาลสามารถรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยทั้งหมดที่นำสืบได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 28 วรรคหนึ่ง
of 2