พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานประกอบคำให้การ: ฟังได้หากใกล้ชิดเหตุการณ์ และพิสูจน์ความน่าเชื่อถือได้
พะยานที่ได้ฟังคำบอกเหตุจากประจักษะพะยานในระยะใกล้ชิดกับที่เกิดเหตุนั้น ฟังประกอบคดีได้ ไม่เรียกว่าเป็นพะยานบอกเล่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913-915/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานประกอบจากผู้ร่วมกระทำผิด & การฎีกาในประเด็นกฎหมาย
ลักษณะพะยาน คำรับชั้นไต่สวน คำของผู้ใดกระทำผิดร่วมกับจำเลยแต่โจทก์กันไว้เป็นพะยานนั้นฟังเป็นพะยานประกอบได้
ปัญหากฎหมาย คนบังคับอังกฤษเป็นคู่ความร่วมกับคนไทยฎีกาได้แต่ในปัญหากฎหมาย
ปัญหากฎหมาย คนบังคับอังกฤษเป็นคู่ความร่วมกับคนไทยฎีกาได้แต่ในปัญหากฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่มีพยานประกอบเป็นหลักฐานสำคัญในการตัดสินคดีอาญา แม้ศาลล่างมีคำสั่งยกฟ้อง
อธิบดีศาลมณฑลที่ตรวจสำนวนความเห็นศาลจังหวัดรับรองฎีกาได้
คำรับของจำเลยมีพะยานประกอบลงโทษได้ ลักษณะพะยานผู้ไต่สวนเบิกความว่า จำเลยรับสารภาพจริงเท่านั้นก็นับว่าเป็นพะยานประกอบ
คำรับของจำเลยมีพะยานประกอบลงโทษได้ ลักษณะพะยานผู้ไต่สวนเบิกความว่า จำเลยรับสารภาพจริงเท่านั้นก็นับว่าเป็นพะยานประกอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานในคดีอาญาต้องมีพยานประกอบ การระบุตัวผู้กระทำผิดจากคำตายเพียงอย่างเดียวไม่พอ
ลักษณพะยาน ในเรื่องอุกฉกรรจ์ต้องมีพะยานประกอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานบอกเล่าประกอบพยานอื่นมีความน่าเชื่อถือในการพิสูจน์ความผิดทางอาญา
พยานบอกเล่าถ้ามีพยานอื่นประกอบฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8192/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา, คำรับสารภาพ, พยานบอกเล่า, พยานประกอบ, และการใช้กฎหมายอาญาที่แก้ไขใหม่
แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กับพวกวางแผนที่จะเข้าไปลักทรัพย์ภายในโรงงานของผู้เสียหายที่ 1 แต่ไม่ปรากฏว่ามีการวางแผนแบ่งหน้าที่รับมากระทำเป็นส่วน ๆ ให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือให้พ้นจากการจับกุมอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์ รวมไปถึงการทำร้ายร่างกายและปล้นเงินของผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงงานของผู้เสียหายที่ 1 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้เพียงว่า พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เพียงขับรถยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกที่โรงงานของผู้เสียหายที่ 1 แล้วขับรถไปรอที่ปั๊มน้ำมัน เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกลักทรัพย์ได้แล้ว พวกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ไปรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกพร้อมทรัพย์ที่ลักมา ซึ่งเป็นการเข้ามาร่วมกระทำผิดด้วยเมื่อมีการตัดสายไฟแล้วขนย้ายเคลื่อนที่อันเป็นการลักทรัพย์สำเร็จเท่านั้น ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ที่อื่นห่างไกลจากสถานที่เกิดเหตุจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 โดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นตามฟ้อง แต่มีความผิดเพียงฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ผู้เสียหายที่ 1 ในเวลากลางคืนโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ตาม ป.อ. มาตรา 335 (1) (7) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ และมาตรา 86 อันเป็นการกระทำซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย และจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คืนเงิน 3,900 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 แต่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คืนเงิน 280,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3884/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานประกอบคำซัดทอด – บันทึกถ้อยคำไต่สวนไม่ถือเป็นพยานหลักฐานอิสระ
แม้คำเบิกความของ ส. จะสอดคล้องกับบันทึกถ้อยคำที่ ส. ให้ถ้อยคำไว้ในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดมุกดาหารดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัย แต่บันทึกถ้อยคำของ ส. ดังกล่าวไม่ใช่พยานหลักฐานอื่นที่มีแหล่งที่มาเป็นอิสระต่างหากจากคำเบิกความของ ส. อันเป็นพยานหลักฐานที่ต้องการพยานหลักฐานประกอบนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227/1 วรรคสอง คำเบิกความของ ส. ที่มีลักษณะเป็นคำซัดทอดจึงไม่มีพยานหลักฐานอื่นมารับฟังประกอบเพื่อลงโทษจำเลยได้