พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากการเบิกความพยาน, พยานหลักฐาน, และคำรับสารภาพของผู้ต้องหา
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 นุ่งโสร่งและใส่เสื้อแขนสั้นตรงกับที่จำเลยที่ 1 แต่งกายในตอนเช้าและในตอนเย็น ขณะเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมก็ยังแต่งกายชุดเดิมการปล้นกระทำกันในระยะประชิดโดยจำเลยที่ 1 วิ่งจากข้างทางมายืนขวางหน้ารถแล้วยกอาวุธปืนขึ้นจ้องขู่บังคับให้หยุดรถ แม้ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 จะสวมหมวกถักด้วยไหมพรม แต่ใบหน้าตั้งแต่ระดับคิ้วลงมาจดคางไม่มีสิ่งใดปิดบัง เหตุเกิดเวลากลางวัน พยานโจทก์เคยเห็นหน้าจำเลยที่ 1 มาก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง และเห็นรอยแผลเป็นที่บริเวณใกล้ข้อมือซ้ายของจำเลยที่ 1 ขณะยกอาวุธปืนจ้องขู่บังคับอยู่ตรงหน้ารถ พยานโจทก์ย่อมจำคนร้ายได้ถูกต้อง และหลังเกิดเหตุยังได้ระบุตำหนิรูปพรรณคนร้ายจนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจติดตามไปจับจำเลยที่ 1 ได้ แล้วจำเลยที่ 1 ซัดทอดว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนร้ายและนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยที่ 2 ได้พร้อมของกลางจำเลยที่ 2 ให้การรับว่าเงินของกลางได้มาจากการปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพพยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์: พฤติการณ์พิรุธ, พยานเบิกความน่าเชื่อถือ, การคืนกระเป๋าเงินที่มีผู้รู้เห็น
การที่จำเลยเก็บกระเป๋าเงินของโจทก์ร่วมได้แล้วแอบเปิดดูในลักษณะปกปิดซ่อนเร้น เมื่อถูกถามก็ปฏิเสธว่าเป็นกระเป๋าเปล่าทั้ง ๆ ที่ในกระเป๋าเงินดังกล่าวมีเงินอยู่ รวมตลอดถึงการที่จำเลยแอบเปิดซิป กระเป๋าแล้วมีอาการหน้าตื่นและเดินหลบเลี้ยวอ้อมไปข้างรถโดยไม่ไปขนปูนตามที่มีผู้ว่าจ้างนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้อพิรุธที่ส่อแสดงความไม่สุจริตของจำเลยทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบคำเบิกความของโจทก์ร่วมที่ว่า กระเป๋าเงินที่จำเลยคืนให้นั้นซิป ถูกเปิดแย้มไว้ขณะตรวจพบว่าสร้อยคอทองคำหายไปจำเลยก็ออกจากที่เกิดเหตุไปแล้ว จึงเชื่อว่า จำเลยได้เอาสร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมไปจริง และเหตุที่จำเลยต้องคืนกระเป๋าเงินและเงินในกระเป๋าให้แก่โจทก์ร่วมก็เพราะว่า ขณะจำเลยเก็บกระเป๋าเงินของโจทก์ร่วมได้นั้น มี ส. ร่วมรู้เห็นอยู่ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานเบิกความสอดคล้อง ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่ขัดแย้ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
ผลการตรวจพิสูจน์ที่ว่าขนอวัยวะเพศซึ่งตรวจพบที่ช่องคลอดผู้เสียหายไม่ใช่ขนอวัยวะเพศของจำเลยนั้นเป็นเพียงความเห็นของผู้ทำการตรวจพิสูจน์หลักฐานเท่านั้น ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ถึงกับจะทำให้คำเบิกความพยานโจทก์รับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พยานเบิกความประกอบกับหลักฐานรถยนต์ของกลางเชื่อมโยงจำเลย
เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์ของกลางที่ถูกปล้นไปได้จาก ส.ต่อมา ส. เป็นพยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยเป็นผู้นำรถยนต์ของกลางมาบอกขายให้ โดยมอบให้ไปทดลองขับ และมอบสัญญาเช่าซื้อให้ไว้ด้วย ในเมื่อ ส. รู้จักกับจำเลยมาก่อนเกิดเหตุและไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน จึงเชื่อว่า ส. เบิกความไปตามความจริงโดยมิได้ปรักปรำจำเลย แม้ความจริงจะปรากฏว่า ส. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดร่วมกับจำเลยคำเบิกความของ ส. จะเข้าลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดด้วยกัน แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไม่ให้รับฟังคำซัดทอดของผู้ต้องหาว่ากระทำผิดด้วยกัน การที่จะเชื่อคำพยานได้หรือไม่นั้นย่อมแล้วแต่เหตุผลที่พยานเบิกความ เมื่อรถยนต์ของกลางที่จำเลยบอกขายให้ ส. มีป้ายทะเบียนปลอม สีรถถูกเปลี่ยนมาเป็นสีแดง หมายเลขประจำตัวถังและหมายเลขประจำเครื่องยนต์ถูกขูดลบออกและตอกหมายเลขใหม่ให้ตรงกับสีรถของจำเลยที่เช่าซื้อมาพยานแวดล้อมจึงฟังได้ว่า จำเลยได้รับรถยนต์ของกลางไว้แล้วช่วยจำหน่าย หรือช่วยพาไปเสีย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจรตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4428/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่สามารถบังคับคดีได้ แม้จะมีพยานเบิกความยืนยัน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยที่ 2เป็นค้ำประกันตามฟ้อง แม้จำเลยที่ 1 เบิกความว่าจำเลยที่ 2เป็นค้ำประกัน โจทก์ยังคงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์เช่นเดิม เมื่อสัญญาค้ำประกันปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์ เป็นเอกสารต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 มีผลเท่ากับไม่มีปัญญาค้ำประกันเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา680 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากการเบิกความพยานหลายปากและพยานหลักฐานประกอบอื่น แม้มีเหตุโต้แย้ง
คดีปล้นทรัพย์ เหตุเกิดบนรถยนต์โดยสารปรับอากาศ อ. ผู้เสียหายคนหนึ่งนั่งใกล้กับจำเลยบริเวณหน้าห้องสุขา มีแสงสว่างจากโคมไฟหน้าห้องสุขาส่องสว่างสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้อ. ได้คุยกับจำเลยนานถึง 2 นาทีก่อนจะเกิดเหตุปล้นทรัพย์นอกจากนี้ ศ. พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้โดยสารได้เบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ปลดสร้อยคอและล้วงเอาเงินรวมทั้งทรัพย์สินอื่นไปจากตน โดยจำลักษณะต่าง ๆ บนใบหน้าของจำเลยได้ พยานโจทก์ดังกล่าวฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองลูกระเบิด: พยานหลักฐานขัดแย้ง, พยานเบิกความเพื่อพ้นผิด, และการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
คำเบิกความของ ก. เป็นการซัดทอดจำเลยเพื่อให้ตนเองพ้นผิดเมื่อ ก. เบิกความเป็นพยานตนเองในฐานะที่เป็นจำเลยในอีกคดีหนึ่งซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณารวมกับคดีนี้เท่านั้น หาใช่เป็นการเบิกความในฐานะเป็นพยานโจทก์ไม่ จึงเอาคำของ ก. มาฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานเบิกความขัดแย้ง เหตุผลไม่สมเหตุสมผล และการฟังพยานด้วยความระมัดระวัง
จำเลยกับผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกัน ผู้เสียหายแจ้งตำรวจจับจำเลยก็เพียงสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้ตัดฟันต้นยางไม่ใช่แจ้งเพราะ ทราบจากภริยา ชั้นสืบพยานภริยาผู้เสียหายเบิกความว่าเห็นจำเลย ตัดฟันต้นยางของผู้เสียหาย แต่ไม่บอกให้ผู้เสียหายทราบ ดังนี้ ประจักษ์พยานโจทก์มีภริยาผู้เสียหายปากเดียว และเคยมีสาเหตุ โกรธเคืองกัน จึงต้องฟังด้วยความระมัดระวัง ทั้งคำเบิกความขาดเหตุผล จึงรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2348/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานเบิกความไม่สมเหตุผล ขาดความน่าเชื่อถือ ไม่พอฟังลงโทษฐานลักทรัพย์
พยานโจทก์รู้จักผู้เสียหาย จำเลย และกระบือของผู้เสียหายดี เห็นจำเลยกับพวกพากระบือของผู้เสียหายไปในเวลาดึกน่าจะเข้าใจว่าเป็นคนร้ายลักกระบือ และน่าจะซักถามจำเลยว่าจะพาไปไหน แต่ก็ไม่ได้ซักถาม ทั้งไม่ได้ไปบอกผู้เสียหายทราบก่อนที่จะทราบจากชาวบ้านว่ากระบือของผู้เสียหาย หายไป เป็นการผิดวิสัย ดังนี้ ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1736/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความพยานสำคัญต้องมีการสาบานตัวและใช้ล่ามตามกฎหมาย หากไม่ถูกต้อง ศาลต้องย้อนสำนวนเพื่อพิจารณาใหม่
ตามแบบพิมพ์คำให้การของ จ.พยานโจทก์ว่า พยานได้สาบานตัวแล้ว จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านในขณะที่พยานเบิกความว่าพยานไม่ได้สาบานตัว เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา กรณี จึงต้องฟังว่าพยานได้สาบานตัวก่อนเข้าเบิกความแล้ว
ศาลชั้นต้นมิได้บันทึกไว้ในคำให้การพยานว่า ล่ามได้สาบานตนแล้วทั้งล่ามก็มิได้ลงลายมือชื่อในคำแปลนั้นอันเป็น การขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 13 เมื่อพยานดังกล่าวเป็นพยานสำคัญที่สุดในคดีเพียงปากเดียว ศาลฎีกาจึงย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ให้ถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 ประกอบด้วยมาตรา 225
ศาลชั้นต้นมิได้บันทึกไว้ในคำให้การพยานว่า ล่ามได้สาบานตนแล้วทั้งล่ามก็มิได้ลงลายมือชื่อในคำแปลนั้นอันเป็น การขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 13 เมื่อพยานดังกล่าวเป็นพยานสำคัญที่สุดในคดีเพียงปากเดียว ศาลฎีกาจึงย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ให้ถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 ประกอบด้วยมาตรา 225