พบผลลัพธ์ทั้งหมด 34 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนมูลฟ้องคดีเช็ค: ศาลต้องพิจารณาพยานโจทก์ก่อนด่วนสรุปว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกระทำผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ติดต่อและกรอกรายการตามเช็ค ข้อเท็จจริงจะมีมูลว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมออกเช็คกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ศาลชั้นต้นควรพิเคราะห์จากพยานโจทก์ชั้นไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อนจะด่วนฟังว่าจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 และพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 นั้นหาชอบไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานโจทก์มีเหตุสงสัย ความน่าเชื่อถือของพยานส่งผลถึงจำเลยทั้งสอง แม้จำเลยบางรายมิได้อุทธรณ์
พยานโจทก์มีเหตุที่สงสัยไม่น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะเป็นคนร้ายชิงทรัพย์เป็นเหตุในลักษณะคดีแม้จำเลยที่2มิได้อุทธรณ์ฎีกาก็ตามศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่2ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2549/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความของพยานโจทก์ที่ไม่ตรงกับข้ออ้างของโจทก์ ไม่ถือเป็นการเบิกความปรปักษ์ และการไม่มีส่วนทำให้การซื้อขายสำเร็จไม่มีสิทธิเรียกร้องค่านายหน้า
ว. พยานโจทก์เบิกความว่า ว. ไม่เคยรู้จักโจทก์มาก่อนโจทก์จะเคยไปพบ ว. หรือไม่ จำไม่ได้ ฯลฯ ข้ออ้างของโจทก์จึงถูกหักล้างโดยพยานโจทก์เอง ดังนี้ จะถือว่าการที่พยานโจทก์เบิกความไม่ตรงความประสงค์ของโจทก์ เป็นการเบิกความเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์ ที่อ้างมายังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์ก่อนฟังข้อเท็จจริงถนัด ฟังไม่ได้ว่าพยานอาจเบิกความพลั้งเผลอ ศาลฎีกาสั่งให้สืบพยานต่อได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่เหลือ หลังจากสืบพยานโจทก์ไปแล้วหนึ่งปากและฟังข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ที่สืบไปแล้ว ซึ่งยังฟังไม่ได้ถนัดเพราะพยานอาจเบิกความพลั้งเผลอไป และโจทก์ยังแถลงขอสืบพยานต่อไปอีกนั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ชอบที่ศาลจะฟังพยานโจทก์ต่อไป ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ที่เหลือต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย จึงยกฟ้อง
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร ชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวน ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้ จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ ส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้นคดีที่สุดแล้ว หากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิด คดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวนศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้น คดีถึงที่สุดแล้วหากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดคดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำให้การของผู้ต้องหาในฐานะพยานโจทก์เป็นหลักฐานลงโทษจำเลย: พยานหลักฐานต้องได้มาจากโจทก์เท่านั้น
ในคดีอาญานั้น พยานหลักฐานที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ต้องเป็นพยานหลักฐานโจทก์ เมื่อจะเอาจำเลยเป็นผู้ต้องหาก็ต้องสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 การที่พนักงานสอบสวนจำเลยเป็นพยานในชั้นแรก จึงเป็นพยานที่มิชอบ จะนำคำให้การของจำเลยที่ให้การเป็นพยานในชั้นสอบสวนนั้นมาอ้างพิสูจน์ว่าจำเลยมีความผิดไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดพิจารณาคดี ศาลสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวได้
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ ถึงกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาลถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202ศาลย่อมสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์: ความรับผิดชอบในการเดินทางของพยาน
ในคดีอาญา(ศาลคดีเด็ก) ศาลเลื่อนการพิจารณาหลายครั้งเพราะพยานโจทก์บางคนไม่มาศาล ศาลออกหมายจับพยานมา พยานอ้างว่าเพราะไม่มีค่าพาหนะเดินทาง ศาลสอบถามว่าจะมาศาลในนัดหน้าได้หรือไม่ พยานรับว่าจะเดินทางมาเอง ครั้นถึงวันนัด พยานไม่มาศาล ทั้งไม่ได้ขอความช่วยเหลือในค่าพาหนะอย่างใด ดังนี้ จึงหาใช่ความผิดของโจทก์ไม่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์หาชอบไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพยานโจทก์ ศาลชอบที่จะยกฟ้องได้ และฎีกาไม่ขัดต่อข้อห้ามตามมาตรา 226(2)
โจทก์ ทนายโจทก์ และพยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สองโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง คงมาแต่ฝ่ายจำเลยทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า 'ขอให้ศาลยกฟ้องของโจทก์เสียเพราะถือได้ว่าโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสืบ' ดังนี้ย่อมหมายความว่า หน้าที่นำสืบก่อนตกแก่โจทก์เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสียการที่โจทก์ขาดนัดเช่นนี้ กรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 ซึ่งว่าด้วยการขาดนัดในคดีที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานหาใช่ขาดในนัดต่อๆมาไม่ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาไปอย่างไรแล้วแต่รูปคดีไม่ได้ต้องผูกมัดว่าจะต้องจำหน่ายคดีตามมาตรา 201
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้วโจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกาโจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้วโจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกาโจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้