พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษคดีพนัน: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษได้ แม้โจทก์มิได้นำสืบภัยร้ายแรงต่อสังคม และพิจารณาเหตุปรานีจำเลยได้
การกระทำความผิดใด เป็นภัยร้ายแรงต่อ ส่วนรวมหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป โจทก์มิต้องนำสืบตาม ป.วิ.พ. มาตรา84(1) ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 และสภาพความผิด ดังกล่าวศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยได้ การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ ดุลพินิจ กำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่ถือ ได้ ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยประกอบกันด้วย แล้ว ไม่จำเป็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง หยิบยกเอาคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมาว่ากล่าวให้ปรากฏรายละเอียดประการอื่นโดยเฉพาะ แต่ ประการ ใด จำเลยเปิดร้านขายอาหารและของชำ มีบุตรผู้เยาว์ 2 คนต้องอุปการะเลี้ยงดู โพยสลากกินรวบมี 6 แผ่น และเป็นรายย่อย ๆเงินสดของกลางที่ยึดได้ มีเพียง 80 บาท จึงไม่ใช่เป็นการพนันรายใหญ่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน จึงมีเหตุอันควรปรานีให้รอการลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจากคำรับสารภาพชั้นจับกุมที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา และการพิจารณาโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยมีเหตุบรรเทา
ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลดโทษแก่จำเลยในแต่ละกระทงความผิด และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละห้าปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย โจทก์ฎีกาขออย่าให้ลดโทษให้แก่จำเลย เป็นฎีกาดุลพินิจ ของศาลซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมเพราะจำนนต่อหลักฐานแต่ในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาให้การปฏิเสธ ดังนี้คำรับในชั้นจับกุมของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการรับฟังรายงานคุมประพฤติ และการพิจารณาโทษจากประวัติผู้ต้องหา
พระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ.2522มาตรา13บัญญัติเพียงให้ศาลมีอำนาจที่จะรับฟังรายงานและความเห็นของพนักงานคุมประพฤติเท่านั้นมิใช่เป็นบทบัญญัติเด็ดขาดที่จำต้องให้ศาลรับฟังเสมอไป. จำเลยเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่3แล้วออกมาช่วยมารดาและพี่น้องค้าขายและขับรถรับส่งคนโดยสาร.จนตอนเกิดเหตุมาทำงานเป็นพนักงานจำหน่ายตั๋วรถยนต์โดยสารประจำทางปรับอากาศถือได้ว่าจำเลยประกอบอาชีพโดยสุจริตตลอดมาไม่เคยกระทำผิดใดๆมาก่อนกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้ที่ใช้กับอาวุธปืนก็เพียงนัดเดียวไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าจำเลยจะใช้ก่อเหตุร้ายควรรอการลงโทษจำเลยและคุมความประพฤติไว้เหมาะสมกับความร้ายแรงแห่งการกระทำผิดและเพียงพอให้จำเลยได้สำนึกปฏิบัติตนไม่ประพฤติผิดกฎหมายต่อไปแล้ว.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษในคดีความผิดหลายกระทง ศาลมีอำนาจพิจารณาโทษจำคุกในแต่ละกระทงเพื่อพิจารณาการรอการลงโทษได้
จำเลยถูกลงโทษจำคุกในความผิดหลายกระทงในคดีเดียวกันการรอการลงโทษต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 2 ปี ศาลรอการลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานพนักงานคุมประพฤติใช้ได้แค่พิจารณาโทษ ไม่ใช้พิสูจน์ความผิด
การที่ศาลสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความประพฤติ ฯลฯตลอดจนสภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวจำเลยนั้น มิใช่เรื่องที่ศาลสั่งให้มีการสืบพยานเกี่ยวกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นความผิด แต่เป็นเรื่องสืบเสาะข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาโทษและวิธีการที่จะปฏิบัติต่อจำเลยเท่านั้น ถึงแม้ตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2522 มาตรา13 ศาลจะมีอำนาจรับฟังรายงานของพนักงานคุมประพฤติตามมาตรา 11โดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบก็ตาม แต่ก็เป็นพยานสำหรับการพิจารณาเรื่องโทษและวิธีการที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดเท่านั้นหาใช่พยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยการกระทำที่ถูกฟ้องด้วยไม่จึงนำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานสืบเสาะฯ ใช้ได้เฉพาะพิจารณาโทษ ไม่ใช้พิสูจน์การกระทำผิด
การที่ศาลสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความประพฤติ ฯลฯตลอดจนสภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวจำเลยนั้น มิใช่เรื่องที่ศาลสั่งให้มีการสืบพยานเกี่ยวกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นความผิด แต่เป็นเรื่องสืบเสาะข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาโทษและวิธีการที่จะปฏิบัติต่อจำเลยเท่านั้น ถึงแม้ตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2522 มาตรา13 ศาลจะมีอำนาจรับฟังรายงานของพนักงานคุมประพฤติตามมาตรา 11 โดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบก็ตาม แต่ก็เป็นพยานสำหรับการพิจารณาเรื่องโทษและวิธีการที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดเท่านั้น หาใช่พยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยการกระทำที่ถูกฟ้องด้วยไม่ จึงนำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2590/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีอาญา: ศาลมีอำนาจพิจารณานับโทษต่อได้เมื่อมีการพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีก่อน
ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อให้ดังโจทก์ขอ เพราะโจทก์มิได้แจ้งว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่โจทก์แถลงมาในคำแก้ฎีกาว่า คดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกศาลได้เรียกสำนวนคดีดังกล่าวมาตรวจดู ปรากฏว่าเป็นความจริงตามที่โจทก์แถลง การที่จะให้นับโทษจำคุกจำเลยตั้งแต่เมื่อใดนั้น เป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 ศาลฎีกานับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641-642/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษและการพิจารณาโทษใหม่ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาโทษและรอการลงโทษได้
ความผิดแต่ละกระทงศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกเพียง 6 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 177 ศาลล่างนำมาตรา 181 ซึ่งมีโทษหนักกว่ามาปรับบทลงโทษด้วย เมื่อศาลฎีกาตัดมาตราดังกล่าวออกแล้วย่อมมีอำนาจพิจารณาถึงโทษว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่และให้รอการลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 177 ศาลล่างนำมาตรา 181 ซึ่งมีโทษหนักกว่ามาปรับบทลงโทษด้วย เมื่อศาลฎีกาตัดมาตราดังกล่าวออกแล้วย่อมมีอำนาจพิจารณาถึงโทษว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่และให้รอการลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษคดีจำคุกหลายกระทง ต้องพิจารณาโทษแต่ละกระทง หากไม่เกิน 2 ปี ศาลมีอำนาจรอการลงโทษได้
ในกรณีผู้กระทำความผิดถูกลงโทษจำคุกหลายกระทงในคดีเดียวกัน การพิจารณาว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงที่ศาลลงแก่ผู้นั้นคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกินกว่า 2 ปี จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะรอการลงโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีอาญาที่มีโทษสูง: ศาลต้องพิจารณาโทษของแต่ละกระทงความผิดก่อนตัดสินว่าอุทธรณ์ได้หรือไม่
การอุทธรณ์คดีอาญาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลจะต้องพิจารณาอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ความผิดตามมาตรา 138 แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่โจทก์ฟ้องเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกับการกระทำในกระทงควมผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ซึ่งมีอัตราโทษในบทหนักตามมาตรา 289, 80 ถึงจำคุกตลอดชีวิต ฉะนั้น จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ