คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิพากษายกฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุศาลชั้นต้น-อุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ต่างกัน จึงไม่อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่า จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง ย่อมเท่ากับฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิด ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังว่าเรื่องนี้โจทก์สืบได้เพียงว่าได้ทราบจากคำบอกเล่าของคนอื่นมาว่าจำเลยเป็นผู้ใช้จำเลยคนอื่นๆ จึงเป็นการชั่งน้ำหนักคำพยานว่าพยานบอกเล่ารับฟังไม่ได้ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเช่นเดียวกันจึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษายกฟ้อง แม้จำเลยมิได้ยกเหตุแย่งการครอบครองเกินหนึ่งปี
แม้จำเลยจะมิได้ยกระยะเวลาแย่งการครอบครองเกินหนึ่งปีขึ้นต่อสู้ ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงในการพิพากษายกฟ้องคดีไม่มีมูล แม้เป็นคดีเกินอำนาจ
คดีเกินอำนาจศาลแขวง เมื่อศาลแขวงไต่สวนแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวง ๆ มาตรา 14 จะทำเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่ง ก็มีผลอย่างเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงในการพิพากษายกฟ้องคดีไม่มีมูล แม้เป็นคดีเกินอำนาจ
คดีเกินอำนาจศาลแขวง เมื่อศาลแขวงไต่สวนแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 14 จะทำเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งก็มีผลอย่างเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาล: การพิพากษายกฟ้องเมื่อโจทก์มิได้แสดงหลักฐานทางกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังว่านายตำรวจสันติบาลผู้ทำการสอบสวนคดีหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวนเนื่องจากโจทก์มีแต่คำนายตำรวจผู้สอบสวนคดีเดียวมาเบิกความว่า ตำรวจสันติบาลมีตำแหน่งหน้าที่สอบสวนคดีได้ทั้วราชอาณาจักร โดยมิได้อ้างเหตุว่าอาศัยบทกฎหมายข้อบังคับหลักฐานอันใดมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้และพิพากษายกฟ้องนั้นเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่พิพากษายกฟ้องเนื่องจากเป็นข้อพิพาทเรื่องสัญญาเช่าและสิทธิในทางแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกห้องเช่าที่ผู้เสียหายเช่ามา ขอให้ลงโทษฐานบุกรุกทางอาญา เมื่อผู้เสียหายแถลงรับว่าจำเลยเป็นภรรยาผู้ให้เช่าและเป็นผู้ดูแลสถานที่ ที่ผู้เสียหายเช่าอยู่ ผู้เสียหายว่าได้เช่าหนึ่งคูหาครึ่ง จำเลยว่าเช่าเพียงหนึ่งคูหา ดังนี้ แม้จะให้สืบพยานต่อไปและได้ความว่า ผู้เสียหายได้เช่าหนึ่งคูหาครึ่ง มิใช่หนึ่งคูหา ดังที่จำเลยกล่าวก็เป็นเรื่องฝ่ายจำเลยมิได้ปฏิบัติตามสัญญาเช่า อันเป็นกรณีแพ่งนั่นเอง ศาลจึงพิพากษายกฟ้องเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์แต่เสียกรรมสิทธิ์ไปแล้ว ศาลล่างพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยอ้างว่าเป็นของโจทก์ ทางพิจารณาได้ความว่า เดิมเป็นของโจทก์จริง แต่โจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้คนอื่นแล้วดังนี้ ศาลต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินริบคืนได้เมื่อพิพากษายกฟ้อง แม้ศาลสงสัยคำพยานและไม่ใช่เงินจากการกระทำผิด
ศาลวินิจฉัยคดีว่าสงสัยคำพยาน+ จึงพิพากษายกฟ้อง ดังนี้+ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำ+ตามฟ้อง แม้ศาลจะพิพากษา+ริบเงินนั้นในคดีที่คนอื่นเป็นจำเลยก็ต้องคืนเงินนั้นให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10158/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดและผิดสัญญาจ้างแรงงาน: การนับอายุความเริ่มจากวันกระทำละเมิด/ผิดสัญญา และผลของการพิพากษายกฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกชดใช้ค่าเสียหาย ระบุว่าจำเลยทั้งหกผิดสัญญาจ้าง และในคำฟ้องข้อ 4 ระบุว่าในส่วนความรับผิดทางละเมิดจำเลยทั้งหกต้องรับผิดตามคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดโดยให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามส่วน คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการฟ้องให้จำเลยทั้งหกรับผิดทั้งมูลละเมิดและมูลสัญญาจ้างแรงงาน ผู้อำนวยการของโจทก์ทราบการกระทำผิดและทราบว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้กระทำผิดโดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความผิดวินัยพนักงาน และความรับผิดในทางแพ่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2541 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2551 จึงเกินกว่า 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จึงขาดอายุความตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 10 วรรคสอง ส่วนการฟ้องฐานผิดสัญญาจ้างแรงงานใช้อายุความทั่วไป 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 และเริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปตามมาตรา 193/12 กล่าวคือนับแต่วันที่จำเลยทั้งหกร่วมกันวิเคราะห์และอนุมัติปล่อยสินเชื่อผิดระเบียบ ซึ่งเป็นวันผิดสัญญาจ้างแรงงาน อันเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ นับถึงวันฟ้องเกินกว่า 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความทั้งฐานละเมิดและฐานผิดสัญญาจ้างแรงงาน
คดีก่อนศาลแรงงานภาค 4 พิพากษายกฟ้องโจทก์ เนื่องจากผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีอำนาจแต่งตั้งทนายความโดยไม่ได้ระบุในคำพิพากษาว่าให้ยกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่โจทก์จึงไม่ได้รับประโยชน์ในการนำคดีมาฟ้องใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาศาลแรงงานภาค 4 ถึงที่สุดตามมาตรา 193/17 วรรคสอง
of 2