พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้และขออ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และการพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องในชั้นฎีกาว่า ลายมือชื่อในเอกสารปลอม จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควร ก็ขอให้รอการพิพากษาไว้จนกว่าคดีอาญาถึงที่สุด เมื่อทางพิจารณาควรฟังเป็นยุติได้แล้ว ศาลฎีกาก็พิพากษาคดีไปโดยไม่รอคดีอาญาตามคำร้องจำเลย
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น เพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการณ์ด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้ว การอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น เพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการณ์ด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้ว การอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาแก้มากของศาลอุทธรณ์และการฎีกาในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน
โจทก์ฟ้องเรียกที่นา กระบือ และเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายไป รวมกันทั้งสิ้นเป็นเงิน 3,800 บาท และขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ คำขอนอกนั้นให้ยก จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่านาพิพาทเป็นของจำเลย ศาลอุทธรณ์ฟังว่านาพิพาทเป็นของจำเลย จึงพิพากษาแก้ ให้ยกคำขอของโจทก์ที่เกี่ยวกับนาพิพาทด้วย กรณีเช่นนี้ถือว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาแก้มากของศาลอุทธรณ์ทำให้เปิดฎีกาในข้อเท็จจริงได้ และการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่ดิน
โจทก์ฟ้องเรียกที่นา กระบือ และเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายไป รวมกันทั้งสิ้นเป็นเงิน 3,800 บาท และขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ คำขอนอกนั้นให้ยก จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่านาพิพาทเป็นของจำเลยศาลอุทธรณ์ฟังว่านาพิพาทเป็นของจำเลย จึงพิพากษาแก้ ให้ยกคำขอของโจทก์ที่เกี่ยวกับนาพิพาทด้วย กรณีเช่นนี้ถือว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถเร็วและการพิพากษาแก้โทษฐานประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทโดยความเร็วสูงเกินอัตราที่กำหนดไว้ จนรถตกถนนพลิกหงายท้อง ทำให้คนโดยสารบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยขับรถเร็วเกินอัตราเท่านั้น พิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกให้ปรับจำเลย 100 บาท ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยประมาททำให้คนโดยสารบาดเจ็บด้วย พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ด้วย ให้จำคุก 1 ปี นอกนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ว่า การที่รถจำเลยตกถนนพลิกหงายท้องนั้น มิได้เกิดจากความประมาทของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาแก้โทษอาญา: การลดโทษจากจำคุกเป็นรอการลงอาญา และการเปลี่ยนแปลงบทมาตราที่ถูกลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 142 - 268, 270 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ว่า ผิดแต่เพียงมาตรา 268 - 270 เท่านั้น ไม่ผิดมาตรา 142 ด้วย และแก้โทษมาเป็นจำคุก 1 ปี และให้รอการลง
อาญาไว้ ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้มาก ฎีกาข้อเท็จจริงได้./
อาญาไว้ ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้มาก ฎีกาข้อเท็จจริงได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์และการพิพากษาแก้เฉพาะบางส่วน ศาลฎีกาไม่รับฎีกาข้อเท็จจริงเนื่องจากเป็นการแก้น้อย
คดีร้องขัดทรัพย์ทั้งหมดมีราคาเพียง 520 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ทั้งหมด ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาให้ถอนการยึดเรือนราคา 20 บาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนที่ดิน 3 แปลงราคาไม่เกิน 500 บาท ให้โจทก์มีสิทธิยึดเพื่อขายทอดตลาดได้ ได้สุทธิเท่าใดมอบให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งหักใช้หนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้เป็นการพิพากษาแก้น้อยจะฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาแก้คดีฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต: ศาลอุทธรณ์แก้จำนวนตัวที่ผิด มิใช่กลับคำพิพากษา
ฟ้องว่าจำเลยฆ่าสุกรไม่ได้รับอนุญาตรวม 3 ตัว ศาลเดิมฟังว่าจำเลยฆ่าโดยมิได้รับอนุญาตเพียง 2 ตัวปรับ 80 บาท ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยฆ่าโดยมิได้รับอนุญาตเพียงตัวเดียวปรับ 40 บาท ดังนี้เป็นเรื่องพิพากษาแก้ มิใช่พิพากษากลับ โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษจำคุกให้สูงขึ้นตามอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด แม้ศาลอุทธรณ์จะให้รอการลงอาญา
ศาลจะกำหนดโทษจำเลยต่ำกว่าอัตราคั่นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่ได้
วิธีกำหนดโทษในกรณีรวมกะทงลงโทษ
วิธีกำหนดโทษในกรณีรวมกะทงลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12840/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาแก้ของศาลอุทธรณ์ไม่ใช่การกลับคำพิพากษา ทำให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนนั้น ศาลอุทธรณ์ยังพิพากษาว่าจำเลยที่ 4 มีความผิดตามฟ้องโจทก์อยู่เพียงแต่ลงโทษแตกต่างไปจากศาลชั้นต้นเท่านั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นการพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น มิใช่พิพากษากลับ จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ตรี ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่า เพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์... และขอให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 4 นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ทั้งเป็นกรณีที่ไม่อาจรับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16499/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกายกฟ้องฐานจำหน่ายยาเสพติด ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดจริง ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
นอกจากโจทก์จะฎีกากล่าวอ้างว่า พยานโจทก์ที่นำสืบมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแล้ว โจทก์ยังฎีกายกเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ด้วย เป็นการโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 แล้ว จึงเป็นฎีกาที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง, 100/2 จำคุก 2 ปี และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 67, 100/2 ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท และรอการลงโทษ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 ลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง, 100/2 จำคุก 2 ปี และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 67, 100/2 ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท และรอการลงโทษ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 ลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219